ไปที่เนื้อหา


usr18804

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 25 Aug 2007
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Oct 12 2008 05:22 AM
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

ประโยชน์ของความทุกข์

09 December 2007 - 08:20 AM






เชื่อไหมครับว่า มนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ล้วนพัฒนาขึ้นมาจากกองทุกข์

ถ้าไม่เชื่อก็ลองย้อนกลับไปในอดีตกาล

กว่าที่สังคมโลกจะเป็นสังคมเทคโนโลยีอยู่ในขณะนี้ คนเราต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์มาแล้วไม่รู้สักกี่ครั้งกี่หน

จากยุคอดีต...คนเราต้องเผชิญหน้ากับธรรมชาติอันทารุณจากความร้อนและความหนาว

เผชิญหน้ากับความหิว

เผชิญหน้าจากภัยพิบัติทั้งน้ำท่วม ภูเขาไฟระเบิด ภัยหนาวและภัยแล้ง

ใครที่เคยหิวจนไส้กิ่ว หนาวเย็นจับกระดูก หรือร้อนแบบตับแลบ คงจะเข้าใจถึงคำว่า "ทุกข์ทรมาน" ได้ดี

ความทุกข์เช่นนี้ไม่ว่าใครล่ะครับ หากหลีกหนีได้เป็นหนี

และไอ้ด้วยความต้องการหนีให้พ้นทุกข์นี่แหละครับที่ทำให้มนุษยชาติมีพัฒนาการ

มนุษย์ที่เดิมทำได้แต่พเนจรล่าสัตว์ไปตามท้องที่ต่างๆ ก็เริ่มหันมาเพาะปลูกธัญญาหาร

คนที่อยู่บนภูเขาสูงก็อพยพกลับลงมายังพื้นที่ลุ่ม ใกล้แม่น้ำ ปักหลักปักฐานเป็นหลักแหล่ง

คนที่เคยตากแดด ตากลม ตากฝน ต้องทนร้อนทนหนาวก็เริ่มเสาะหาที่อยู่อาศัย

จากนอนกลางดินกินกลางทราย เปลี่ยนมาอยู่ในถ้ำ กลายเป็นบ้าน เป็นคฤหาสน์ในปัจจุบัน

หรือถ้าจะมองไปรอบๆ ตัวก็พบข้อพิสูจน์ในเรื่องนี้เช่นกัน

หลายสิ่งหลายอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน มีต้นกำเนิดมาจากความทุกข์ของมนุษย์ในอดีตแทบทั้งสิ้น

เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม พัฒนามาจาก"ทุกข์"ที่ต้องทนหนาว

น้ำแข็ง ตู้เย็น พัดลม เครื่องปรับอากาศ ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อลดความทุกข์จากความร้อน

ถนน รถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อลดความทุกข์ของมนุษย์ในต้องใช้เวลาเป็นแรมปีในการเดินทาง

แต่ละอย่างแต่ละชิ้นได้รับการสรรค์สร้างขึ้นเพราะต้องการความสะดวกสบาย

หรือจะเรียกว่า เพราะต้องการพ้นทุกข์ก็ว่าได้

ที่ยกตัวอย่างมานี้ เป็นเพียงความพยายามพ้นทุกข์ทางกาย ทำให้มนุษย์มีพัฒนาการทางสิ่งปลูกสร้าง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก

แต่จริงๆ แล้ว ด้วยต้นเหตุเดียวกัน คือเหตุจากทุกข์ ก็ทำให้มนุษย์มีพัฒนาการทางใจเหมือนกัน

การกำเนิดของศาสนาต่างๆ ดูเหมือนจะเป็นบทพิสูจน์ในเรื่องนี้ได้ดีที่สุด

ทั้งศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู ซิกข์ ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นเพื่อเป็นเพื่อนทางจิตใจของมนุษย์

ทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู ซิกข์ ล้วนแล้วมีเป้าหมายเพื่อให้มนุษยชาติพ้นทุกข์

ศาสดาแต่ละพระองค์ ล้วนแล้วแต่มีลักษณะพิเศษสุด คือ การนำเอาหนทางแห่งการพ้นทุกข์มาเผยแพร่แก่มนุษย์

มนุษย์จึงต้องมีคุณสมบัติของคนดี จึงจะสามารถดำรงอยู่ร่วมกันมนุษย์กันเองได้

ทั้งหมดเกิดจากอิทธิพลของศาสนา

และศาสนาก็เกิดขึ้นจากความต้องการหลุดพ้นความทุกข์ของมนุษย์

เห็นแล้วใช่ไหมว่า ธรรมชาติสร้างความทุกข์ขึ้นมาเพื่อให้พวกเราฟันฝ่า

เหมือนกับเล่นเกมคอมพิวเตอร์ที่ต้องฝ่าด่านไปทีละด่านนั่นแหละครับ

ใครหลุดพ้นจากทุกข์ได้ ก็เหมือนฝ่าด่านไปได้

ใครฝ่าด่านไปได้ ก็เหมือนกับเป็นผู้ชนะการเล่นเกมคอมพิวเตอร์

ใครสามารถฝ่าด่านไปได้มากกว่าคนอื่น ก็มีโอกาสพัฒนาได้มากกว่าคนอื่น

ทีนี้เราลองมา"เล่นเกม"กับชีวิตของเราดูบ้างดีไหม

เราลองมองดูความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับเราเป็น"ด่าน"ที่เราจะต้องฟันฝ่าไปให้ได้

ตอนเด็กๆ เด็กส่วนใหญ่จะเจอ"ด่าน"ง่ายๆ เพราะมีพ่อแม่เป็น"ตัวช่วย"อยู่ด้วย

แต่สำหรับบางคนที่กำพร้า คือขาดตัวช่วย เด็กคนนั้นอาจจะต้องใช้ความสามารถมากกว่าเด็กคนอื่นๆ หน่อยถึงจะฝ่าด่านมาได้

แต่หากเด็กคนนั้นสามารถฟันฝ่าอุปสรรคมาได้ พัฒนาการของเขาหรือเธอก็จะได้คะแนนทวีคูณ

เหมือนเล่นเกมคอมพิวเตอร์ไหม?

พอชีวิตเข้าสู่วัยรุ่นก็เช่นกัน

ความทุกข์ หรือ"ด่าน"ที่ต้องฟันฝ่าไป อาจจะยากขึ้น และจะยากขึ้นไปเรื่อย ๆจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่มีครอบครัว

แต่หากใครสามารถฝ่าด่านเหล่านั้นไปได้ จิตใจของคนผู้นั้นก็จะแข็งแกร่งขึ้น สามารถดำรงอยู่ในสภาวะที่มั่นคง และเหนือชั้นกว่าคนอื่นๆ

หากเรามีโอกาสศึกษาปูมหลังบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิต

จะพบว่า ก่อนที่คนเหล่านั้นประสบความสำเร็จ ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องฟันฝ่าความทุกข์มาแล้วทั้งนั้น

ความสำเร็จที่ว่านี่ไม่ได้วัดจาก"ความรวย"นะครับ

ความสำเร็จนี่เขาวัดจาก"ความสุข"ต่างหาก

คนที่สามารถ"ฝ่าด่าน"ต่างๆ ในชีวิตมาได้ เท่ากับว่าสามารถฝึกฝนตนเองให้สามารถรับสภาวะความทุกข์ในลักษณะต่างๆ มาได้

ในที่สุดเขาหรือเธอก็สามารถหาความสุขให้แก่ตัวเองได้

นี่อาจจะเป็นคำตอบที่ว่า ทำไมคนรวยบางคนถึงเป็นทุกข์ และทำไมคนจนบางคนถึงมีความสุข

ก็ถ้าคนรวย แต่ไม่ใคร่ได้ฝ่าด่านความทุกข์มาในชีวิต เวลาเจอสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลง ใจก็จะไม่สงบ

ความทุกข์ก็บังเกิดขึ้น

ผิดกับคนจนที่แม้จะไม่มีเงิน แต่ฟันฝ่าความทุกข์มาอย่างโชกโชน

เขาหรือเธอเหล่านั้นจึงสามารถหาความสุขได้เสมอ

เราจึงไม่ควรจะหวาดกลัวความทุกข์จนเกินไป

และเมื่อใดที่เรามีทุกข์ สิ่งที่เราควรจะคำนึงถึงคือ หาทางฟันฝ่าความทุกข์นั้นไปให้จงได้

ค่อยๆ มองดูทุกข์ที่เกิดขึ้นกับเรา ค่อยๆ เรียนรู้สิ่งที่ทำให้เราเป็นทุกข์

แล้วก็หาทางเอาชนะมันด้วยวิธีที่เราคิดได้

เหมือนกับหาทางพิชิตด่านในเกมคอมพิวเตอร์

คิดอย่างนี้แล้วชีวิตก็จะพบกับความสนุก และเพลิดเพลินกับการเผชิญหน้ากับความทุกข์

เมื่อใดที่เราสนุก เมื่อนั้นความทุกข์ก็ถูกสกัด

และเมื่อใดที่เราพ้นทุกข์ไปได้ ก็เท่ากับเราเสริมเกราะคุ้มกันจิตใจได้อีกชั้นหนึ่ง

เห็นไหมว่าพัฒนาการของมนุษย์เกิดขึ้นมาจากองทุกข์

ดังนั้น แทนที่เราจะกลัวทุกข์ เราควรจะใช้ความทุกข์ให้เป็นประโยชน์

ประโยชน์ในการพัฒนาเราให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น ตลอดไป



คอลัมน์ แท็งก์ความคิด

โดย นฤตย์ เสกธีระ [email protected]

เหนื่อยใจมากเลย

21 November 2007 - 12:13 PM

หลังกฐินมามีแต่เรึ่องไม่ดีตลอดทั้งอุบัติเหตุโดนโกงเงินโกง บาดเจ็บและัต้องรีบทำงานเก็บเงีนอีก ทุกทีเลยพอทำบญใหญํตองมีเื่รึ่องทุกฃ๊ใจเสมอ หนื่อยหน่ายใจแหลือเกิน นั่งธรรมะก็อดคิดไม่ได้ว่า จะำบุญทั้งทีทำไมเรื่องเดือดรัอนเขัามามากมายอย่างนี้ ตอนนี้ไม่สบายใจเลยครับ ไม่น่าต้องมาประดังเฃ้ามาหลังบุญกฐินเลย เหนื่อยใจมากเลย