ไปที่เนื้อหา


NongNa0601

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 27 May 2008
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Sep 07 2008 01:59 PM
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

ขอเชิญรับฟังเสียงสวดมนต์ทำวัตรเช้า

07 June 2008 - 09:30 PM

ขอเชิญรับฟังเสียงสวดมนต์ทำวัตรเช้า Copy ตามลิงค์ได้เลยค่ะ

หรือเข้าไปที่ Video Clip ได้เลยค่ะ

http://www.oknation....n42/video/24730

http://www.oknation....n42/video/24731

http://www.oknation....n42/video/24732

http://www.oknation....n42/video/24733


ขอบคุณที่มา : ร รู้วงษ์ วัดใหญ่อินทาราม ชลบุรี เผยแพร่เป็นธรรมทาน ขออนุโมทนาสาธุ

ใบหน้าของแม่

07 June 2008 - 09:24 PM

ในอดีต มีหญิงหม้ายคนหนึ่ง นางมีลูกชายคนหนึ่ง ซึ่งนางรักดั่งแก้วตาดวงใจ เฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดู ตรากตรำทำงานหนักเพื่อส่งเสียให้ลูกชายได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด จนเมื่อสำเร็จการศึกษา ก็ได้เข้ารับราชการมีตำแหน่งใหญ่โต ทำให้ฐานะของครอบครัวดีขึ้น มีหน้ามีตาและเป็นที่รู้จักของสังคม แต่ทุกครั้งที่มีแขกมาที่บ้าน ทุกคนก็จะได้เห็นหญิงชราที่มีหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งคอยดูแลอยู่เป็นประจำอย่างดี เมื่อมีคนถามว่าหญิงชราคนนี้เป็นใคร ลูกชายก็จะบอกกับทุกคนว่า "หญิงชราผู้นี้คือคนรับใช้เก่าแก่ที่ดูแลมาตั้งแต่เล็ก ส่วนคุณแม่นั้นได้เสียชีวิตไปนานแล้ว"

ลูกชายจะบอกกับคนรู้จักทุกคนเช่นนี้ เพราะเขาไม่ต้องการให้คนในสังคมรับรู้ว่าเขามีแม่ที่มีหน้าตาอัปลักษณ์เป็นที่น่ารังเกียจ เพื่อเป็นการรักษาภาพพจน์และชื่อเสียงของตนเอาไว้ โดยที่ลูกชายไม่เคยรู้เลยว่าคำพูดนั้นได้ไปทำร้ายจิตใจของผู้เป็นแม่ให้ปวดร้าวยิ่งนัก

ด้วยความเสียใจกับการกระทำของลูกมานาน จึงทำให้ผู้เป็นแม่ล้มป่วยลงด้วยความตรอมใจ วันหนึ่งขณะลูกชายได้เข้าไปเยี่ยมดูอาการของแม่ที่ห้องพัก คุณแม่จึงได้มีโอกาสเล่าเรื่องราวในอดีตให้ลูกชายฟัง

ลูกเอ๋ย แม่ของเจ้าน่ารังเกียจมากใช่มั๊ย แม่คงทำให้เจ้าอับอายขายหน้า ลูกเอ๋ย เจ้าเคยรู้มั๊ยว่าทำไมหน้าแม่จึงอัปลักษณ์เช่นนี้ ความจริงแล้วหน้าของแม่ไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าเห็นมาตั้งแต่เกิดหรอก แต่เป็นเพราะเมื่อตอนที่เจ้าอายุได้ ๔ เดือน บ้านของเราเกิดไฟไหม้ ทุกคนต่างหนีเอาตัวรอดออกมาได้เหลือแต่เจ้าคนเดียวที่ติดอยู่ในบ้าน สิ่งเดียวที่แม่คิดตอนนั้น คือเข้าไปหาทางช่วยเจ้าออกมาให้ได้ แต่เพราะในวันนั้นมีลมพัดแรงทำให้ไฟลุกโหม ทุกคนต่างฉุดรั้งแม่ไว้ไม่ให้เข้าไปเพราะกลัวจะได้รับอันตราย แม่เองก็รู้ว่าโอกาสที่จะรอดออกมานั้นมีน้อย แต่เป็นห่วงว่าเจ้าจะได้รับอันตราย แม่จึงตัดสินใจฝ่ากองเพลิงเข้าไปช่วยเจ้าโดยไม่คิดถึงชีวิตของตัวเอง ในที่สุดแม่ก็ช่วยเจ้าออกมาได้อย่างปลอดภัย เพื่อนบ้านบริเวณนั้นจึงช่วยกันพาแม่ไปส่งโรงพยาบาล เมื่อฟื้นขึ้นมาได้รู้ว่าเจ้าปลอดภัยแม่ก็ดีใจแล้ว แม้ร่างกายของแม่จะได้รับบาดเจ็บ ใบหน้าจะเสียโฉมไปแม่ก็ไม่เสียดาย

ลูกเอ๋ย แม่ต้องขอโทษเจ้าด้วย แม่ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เจ้าต้องอับอายที่มีแม่หน้าตาอัปลักษณ์ไม่สวยเหมือนแม่ของคนอื่น วันนี้เจ้าเติบโตขึ้นมามีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงได้เป็นเจ้าคนนายคนแม่ก็ยินดีกับเจ้าด้วย แม่ไม่ได้ต้องการอะไรจากเจ้า หวังเพียงให้ลูกของแม่เป็นคนดีมีคุณธรรม แม่ก็พอใจแล้ว

เมื่อลูกชายได้ฟังเรื่องราวจากปากของแม่ ก็รู้สึกสำนึกผิดในสิ่งที่ตนได้เคยกระทำต่อแม่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ลูกชายได้เปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ คอยดูแลปรนนิบัติแม่เป็นอย่างดี เมื่อมีแขกมาที่บ้านลูกชายจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับแม่ และกล่าวยกย่องด้วยความภูมิใจว่าตนนั้นเป็นผู้ที่โชคดีที่มีคุณแม่ที่ประเสริฐที่สุด

ที่ผมได้นำเรื่องนี้มาลงนั้นอยากให้ผู้ที่เป็นลูกทุกคนนั้นได้กตัญญูต่อพ่อแม่ให้มากขึ้น บางคนมีพ่อ บางคนเหลือแต่แม่ บางคนยังโชคดีมีทั้งพ่อและแม่ก็นับว่าเป็นบุญ เราควรจะเอาใจใส่ดูแลท่านบ้าง ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยให้ท่านอยู่อย่างอดๆอยากๆ ยามเจ็บป่วยก็พาท่านไปหาหมอบ้าง

พุทธพจน์ : แม้นว่าบุคคลใคเอาพ่อแบกไว้ที่ไหล่ซ้าย เอาแม่แบกไว้ที่ไหล่ขวา วนรอบเขาพระสุเมรุเป็นจำนวนหนึ่งแสนกัป จนไหล่ทั้งสองข้างบดเนื้อเถือกระดูกแทงกระฉุดถึงไขข้อ โลหิตไหลอาบท่วมถึงข้อเท้า ก็มิอาจจะทดแทนพระคุณอันยิ่งใหญ่ของบุพการีได้

ฉันชื่อ"ราตรี"

07 June 2008 - 09:20 PM

ฉันชื่อราตรี คงเหมือนกับชีวิตฉันที่มีแต่ความมืดมน พ่อของฉันเป็นครูอยู่ในโรงเรียนต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง ส่วนแม่ก็มีอาชีพออกเงินให้กู้ ฐานะทางบ้านน่าจะอยู่กันสบาย แต่ไม่ใช่...พ่อติดเหล้า เงินเดือนได้มาเท่าไหร่ก็ลงขวดหมด ค่าใช้จ่ายในบ้านจึงเป็นของแม่คนเดียว ส่วนตัวฉันตอนเรียนมัธยมก็ริคบผู้ชายจนได้เสียกัน พ่อรู้ก็เลยไม่ให้เรียนหนังสือต่อ ฉันก็เลยมาช่วยแม่เก็บดอกเบี้ยเงินกู้แทน พอฉันเริ่มเป็นสาวเต็มตัวก็มีกำนันต่างหมู่บ้านมาชอบพอเขามีลูกเมียแล้ว แต่ฉันไม่สนใจ เพราะเงินเขามีมากพอให้ฉันไปเที่ยวต่างประเทศได้ทุกเดือนโดยฉันไม่เคยคิดถึงหัวอกลูกเมียเขา

ฉันเริ่มมีเงินเที่ยวเตร่มากขึ้น ได้แต่งตัวสวยๆ มีรถยนต์ขับ ฉันได้รู้จักกับเด็กหนุ่มรุ่นน้องในผับที่ฉันไปเที่ยว ทำให้ฉันรู้สึกกระชุ่มกระชวย เพราะตลอดเวลาที่ฉันอยู่กับกำนันเหมือนอยู่กับพ่อไม่มีผิด เพราะเขาแก่กว่าฉัน 20 กว่าปี ฉันทุ่มเทให้เด็กหนุ่มทุกอย่างเพราะฉันหลงรักเขา เขาอยากได้อะไรบอกฉันคำเดียวฉันจะหามาให้ทันที มันเหมือนเป็นกรรม กำนันสวมเขาให้เมีย ฉันก็สวมเขาให้กำนันเหมือนกัน ฉันไม่รู้สึกผิดอะไร ฉันมีความรู้สึกสนุกตื่นเต้นตลอดที่คบกับเด็กหนุ่มเหมือนฉันได้กลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง ตอนนี้พ่อแม่ฉันตายหมดแล้ว ฉันจึงมีอิสระมากขึ้นกำนันก็ไม่สามารถมาค้างกับฉันได้ ต้องเช้าไปเย็นกลับ ฉันมีเวลาให้เด็กหนุ่มได้อย่างเต็มที่ ชีวิตฉันมีความสุขอยู่กับการผิดศีลธรรมตลอดชีวิต ฉันคิดว่าบาปกรรมไม่มีจริง ชีวิตฉันผิดศีลข้อ 3 มาโดยตลอด แต่ก็มีความสุขสบายดี เพราะฉันเป็นคนไม่แคร์ความรู้สึกใคร ไม่สนใจใครจะมานินทา

ฉันมีชีวิตด้วยความประมาทมาเป็นเวลา 20 กว่าปี เวรกรรมไม่เห็นตามทันฉันเลย ต่อมากำนันได้เสียลงเนื่องจากเมาเหล้าแล้วล้มหัวฟาดพื้นห้องน้ำ ฉันมีเงินเก็บก้อนใหญ่ ที่ได้สะสมไว้จากกำนันให้ และฉันก็เอาไปออกดอกให้กู้ เด็กหนุ่มชู้รักก็ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ อีก เราอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย ฉันมีความสุขมาก ชีวิตฉันทำไมถึงเพียบพร้อมอย่างนี้ ต่อมาแฟนฉันก็เริ่มขอเงินไปลงทุนค้าขายกับเพื่อน แล้วเขาก็หายไปครั้งละ 1 อาทิตย์ อ้างว่าต้องไปช่วยเพื่อนขายของฉันก็ไว้ใจ เหมือนกรรมบังตา ฉันเชื่อเขาทุกอย่าง เขาขาดทุนจากการขายของก็ขอเงินทุนฉันใหม่ ฉันก็ให้เขาตลอดเพราะรักเขามาก

มันเป็นแบบนี้มาเป็นเวลาหลายปี จนเงินทองฉันเริ่มร่อยหรอลง เราเริ่มมีปากเสียงกัน และฉันก็เริ่มล้มเจ็บ ฉันมีไข้ท้องเสีย ฉันไปหาหมอ และได้ตรวจพบว่าฉันติดเอดส์ ตอนนี้ฉันเริ่มเข้าใจกฏแห่งกรรมแล้วแฟนฉันได้นำโรคมาติดฉัน และก็หลอกเงินฉันไปให้ผู้หญิง มันเหมือนกรรมที่กำนันหลอกเมียและเอาเงินมาปรนเปรอฉัน ฉันเพิ่งได้รู้สึกหัวอกเมียหลวงที่โดนผัวทรยศ มันเจ็บ มันแค้นแค่ไหน อยากกระอักออกมาเป็นเลือด ที่สำคัญฉันยังติดโรคร้ายมาด้วยสิ ยิ่งร้ายใหญ่ เหมือนกับกรรมมีดอกเบี้ยทบต้นให้ด้วยอย่างนั้น ทุกวันนี้ฉันอยู่คนเดียว ทุกคนทิ้งฉันไปหมด คนละแวกบ้านก็รังเกียจ นี่แหละกรรมที่ฉันทำผิดศีลข้อ 3 มาตลอดชีวิต เมื่อฉันคิดได้ฉันก็อาจมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้ว ขอให้เป็นบทเรียนต่อทุกท่านที่กำลังคิดจะผิดศีล หรือผิดศีลไปแล้วขอให้กลับตัวกลับใจซะก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป/ต่าย

ขอบคุณที่มา : จากหนังสือเรื่องกฏแห่งกรรม เล่มที่ 23 เดือน กุมภาพันธ์ 2551

การตอบแทนพระคุณพ่อแม่

07 June 2008 - 09:15 PM

การตอบแทนพระคุณพ่อแม่
๑. เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็ช่วยเหลือกิจการงานของท่าน เลี้ยงดูท่านตอนเมื่อยามท่านชรา ดูแลปรนนิบัติการกินของท่านให้สะดวกสบายและเอาใจใส่ช่วยเหลือเมื่อท่านเจ็บป่วย คอยรักษา พูดคุยกับท่านอยู่เสมอ

๒. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ก็จัดพิธีศพให้ท่าน และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่านอย่างสม่ำเสมอ แล้วกรวดน้ำอุทิศกุศลส่งไปให้ ไม่ใช่ทำเฉพาะครบรอบวันตายเท่านั้น

แม้ว่าเราจะตอบแทนพระคุณท่านถึงเพียงนี้แล้ว ยังนับว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่ท่านมีต่อเรา ผู้ที่มีความกตัญญูกตเวทีต้องการจะสนองพระคุณท่านให้ได้ทั้งหมด พึงกระทำตามหลักพระพุทธศาสนาดังนี้

๑. ถ้าท่านยังไม่มีศีล ก็พยายามชักนำให้ท่านได้รักษาศีล

๒. ถ้าท่านยังไม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็ควรพยายามชักนำให้ท่านมีศรัทธา โดยวิธีเอาเทปธรรมะเปิดให้ฟัง อ่านหนังสือธรรมะให้ท่านฟัง

๓. ถ้าท่านยังไม่ถึงพร้อมด้วยการให้ทาน ก็พยายามชักนำให้ท่านยินดีในการบริจาคทาน เช่น พาท่านไปทำบุญด้วย หรือบอกอานิสงส์การให้ทาน

๔. ถ้าท่านยังไม่ทำสมาธิภาวนา ก็พยายามชักนำให้ท่านทำสมาธิ หรือวิปัสสนา พาท่านเข้าปฏิบัติธรรมด้วย หรือพาไปดูเขาปฏิบัติธรรม

เพราะว่าการตั้งอยู่ในศรัทธา การให้ทาน การรักษาศีล การทำสมาธิภาวนา การฟัง - การอ่าน ธรรมะ เป็นประโยชน์โดยตรง และเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่ตัวบิดามารดาผู้ปฏิบัติเองทั้งในภพนี้ภพหน้า (เป็นเสบียงติดตัวไปในภพหน้าได้) และเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง คือเป็นหนทางไปสู่พระนิพพาน

***เพราะการปฏิบัติในมารดาบิดานั้นแล บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญเขาในโลกนี้นี่เอง เขาละโลกนี้ไปแล้ว ย่อมบันเทิงในโลกสวรรค์

***บุคคลใดให้มารดานั่งบนบ่าข้างหนึ่ง ให้บิดานั่งบนบ่าข้างหนึ่ง และบุคคลทั้งสองเป็นผู้มีอายุยืน ๑๐๐ ปี ได้ทำการขัดสี การให้อาบน้ำ การบีบนวดให้แก่มารดาบิดาทั้งสอง มารดาบิดาได้ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะอยู่บนบ่าทั้งสองนั้น ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ชื่อว่า ได้ตอบแทนพระคุณมารดาบิดาได้สิ้นสุด ข้อนี้เป็นเพราะเหตุไร? เพราะมารดาบิดาเป็นผู้มีคุณมาก คือเป็นผู้ทำบุตรให้เติบโต เป็นผู้เลี้ยงบุตร ฯลฯ ไม่สามารถชดใช้พระคุณได้หมด

***ส่วนผู้ใดทำมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ให้มีศรัทธา ทำมารดาบิดาผู้ไม่มีศีล ให้มีศีล ทำมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้เต็มไปด้วยการสละแบ่งปัน ทำมารดาบิดาผู้ไม่มีการเจริญภาวนา ให้ได้เจริญภาวนา ผู้นั้นได้ชื่อว่าตอบแทนคุณมารดาบิดาได้สิ้นสุด และได้ยิ่งกว่าคุณที่มารดาบิดาทำให้แก่ตน เพราะได้สร้างที่พึ่งอันประเสริฐแก่มารดาบิดา ทั้งชาตินี้และชาติหน้า

***วันนี้...คุณได้คุยและทักทายกับพ่อแม่แล้วหรือยัง? ถ้ายัง...ให้รีบทำเสียวันนี้ ก่อนที่จะไม่มีพ่อแม่ให้ทักทาย หรือพูดคุยด้วย


ขอบคุณที่มา : จากหนังสือ วิธีตอบแทนพระคุณพ่อแม่

รวบรวมโดย : พระมหาทองมั่น สุทฺธจิตฺโต

ข้อคิดเพื่อชีวิตเป็นสุข

06 June 2008 - 02:14 PM

ข้อคิดเพื่อชีวิตเป็นสุข

คนเราอายุน้อยนิด

ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต

ฝึกจิตตลอดกาล

ทำทานตลอดไป

รู้จักการให้อภัย

เป็นผู้ไม่ประมาท

ฉลาดทำความดี

ชีวิตนี้มีความสุข



ขอขอบคุณที่มา ร.รู้วงษ์ (วัดใหญ่อินทาราม จ.ชลบุรี)