ไปที่เนื้อหา


ธรรมะโยโยจัง

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 16 Jul 2008
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Nov 24 2009 03:52 PM
*****

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

ธรรมมะสอนใจ

24 November 2009 - 03:45 PM

การมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องผ่านอุปสรรคใดๆเลย
มีแต่จะทำให้เราพิการ และไม่แข็งแรง
การดิ้นรนฝ่าฟันอุปสรรคต่างหาก
ที่เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินชีวิต
ซึ่งจะช่วยให้เรายืนหยัดอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง
เพราะอย่างนั้นจงภูมิใจกับการดิ้นรนเถอะ
ถ้าคุณหวังจะไปให้ถึงวันดีๆของชีวิต
ที่สามารถโบยบินได้อย่างเสรี

รักได้...แต่เจ็บให้เป็น

27 April 2009 - 08:26 PM

happy.gif เราจะรักอย่างไรเพื่อให้รู้จักรักให้เป็น และจะรักอย่างไรเพื่อให้ทั้งใจเรา และใจเขามีความสุขไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าความรักนั้นจะสมหวังหรือไม่ก็ตาม
รักได้ ก็เหมือนการขับรถได้ แค่เสียบกุญแจเข้าเกียร์เหยียบคันเร่ง ไม่ต้องสนกฎจราจร อาจเกิดอุบัติเหตุ ตั้งแต่บาดเจ็บไปจนถึงเสียชีวิต
แต่ รักเป็น ก็เหมือนเรารู้ว่ากฎจราจรมีบังคับอย่างไรบ้าง จะแซงขวาต้องเปิดไฟเลี้ยวขอทางจะลงสะพานต้องชะลอความเร็ว เพื่อให้ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพเช่นเดียวกับความรัก ถ้าเรารู้ว่าความรัก คืออะไร รักอย่างไรให้มีความสุข รักอย่างไรไม่ให้เป็นพิษย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง
รักให้เป็น คือ เราต้องพิจารณาว่า รักแบบไหน รักทำไม แล้วเราจะรักไปในทิศทางไหน สมัยนี้ที่มีปัญหาเพราะรักได้ แต่ไม่มีสมอง ไม่ใช้ปัญญา ใช้แต่ความหลง หลงว่ารัก หลงว่าดี จนรักทำให้ตาบอด หลับไปกับความฝัน ลมๆ แล้งๆ แต่กว่าจะมีใครเอาไม้มาเขี่ยปลุก ก็ตื่นสาย น้ำลายยือเปียกไปครึ่งหมอน เรามักพูดว่า ความรักไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผล ใช้เพียงอารมณ์ ความรู้สึก และสัญชาตญาณเท่านั้น แต่เพราะอารมณ์ไม่ใช่หรือ ที่ทำให้เราเลือกผิด ที่ทำให้ต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่า ที่ทำให้คิดฆ่าตัวตาย
แต่หากเราใช้ปัญญาประกอบ คือ สามารถพิจารณาได้ว่า อะไรดี อะไรควร เพื่อไม่ให้หลงไปกับรักลวงอย่างเต็มตัวจนกู้ไม่กลับ
สุดท้ายแล้วไม่ว่ารักจะเป็นอย่างไร หรือ รักเป็น เป็นอย่างไร ทุกความรักจะต้องมี เมตตามีความปรารถนาดีที่จะมอบสิ่งดีๆความรู้สึกดี ความหวังดี ให้แก่ผู้ที่เรารัก ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร หรือมีความรักในฐานะใดก็ตาม หากสมหวัง ความเมตตาในความรักนั้น จะทำให้เรารักษาและดำเนินรักที่เป็นสุข แต่หากผิดหวังความเมตตาที่ได้รัก ก็จะทำให้เรายินดีกับรักอย่างเป็นสุขเช่นกัน...
*หวังว่าบทความนี้จะเป็นคติเตือนใจของคนที่มีรักอยู่แล้วหรือคนที่กำลังจะรัก จะได้รักถูกทางเหมือนกับโยโยจังกำลังใช้รักคนที่โยโยจังรักค่ะ** happy.gif



ข้อคิดดีดีของทุกวัน

23 March 2009 - 02:14 AM

ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้น แต่ความอดกลั้นน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง
เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น.....
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพแย่ลง
ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น
บ้านสวย ๆ กลายเป็นบ้านแตกสาแหรกขาด

happy.gif ดังนั้น……จากนี้ไป…… happy.gif
ขอให้พวกเราอย่าเก็บของดี ๆไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่ คือ....
โอกาสที่พิเศษสุด……แล้วจงแสวงหาการหยั่งรู้
จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่โดยไม่ใส่ใจกับความอยาก จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น…….กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป ชีวิต คือ โซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้
เอาคำพูดที่ว่า…….สักวันหนึ่ง……..ออกไปเสียจากพจนานุกรม
บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตาม ที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง… และเวลานี้…..ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีเวลาที่จะ copy
ข้อความนี้ไปให้คนที่คุณรักอ่าน……แล้วคิดว่า….สักวันหนึ่ง…..ค่อยส่ง จงอย่าลืมคิดว่า….สักวันหนึ่ง…..วันนั้น คุณอาจไม่มีโอกาสมานั่งตรงนี้เพื่อทำอย่างที่คุณต้องการอีกก็ได้

เพราะไม่รู้...จึงไม่ยอม..

01 January 2009 - 09:36 AM

happy.gif

คนเรา.... ถ้าไม่รู้จักทุกข์ที่แสนทรมาน..
ก็จะไม่รู้จัก “ความสุข” ที่ยอดเยี่ยมว่าเป็นอย่างไร ?เพราะไม่รู้ว่าเป็นทุกข์ จึงยึดติดอยู่กับความรู้สึกเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่านี้คือ “ความสุข”แต่เป็นความสุขในรูปแบบของความทุกข์ บางคนไม่รู้จัก ความสุข ที่แท้จริง เป็นเช่นไร ?
พอเกิดความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็พาลบอกว่า “ไอ้นี้หรือที่เขาเรียกว่า “สุข”การหลงยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งว่านั่นชื่อว่าสุข นั่นเรียกว่าทุกข์ แต่ถ้าเราไม่ยึดติดในเรื่องสุข เรื่องทุกข์ เพียงแต่วางใจเป็นกลาง และรู้อย่างเข้าใจโดยแท้จริงว่า นี่สุข นี่ทุกข์ นี่ไม่ใช่สุข ไม่ใช่ทุกข์ นี่เฉย ๆ เมื่อเรารู้อย่างเข้าใจเช่นนี้ ความสุข ความทุกข์ ก็ไม่เกิดขึ้นแต่ที่เราเป็นอยู่เช่นนี้ในปัจจุบัน ก็เพราะหลงยึดติด ทั้งทางวัตถุนิยม และอารมณ์นิยม ทางวัตถุนิยม เพราะยึดมั่นว่า นี่ของกู แฟนกู เพื่อนกู ครอบครัวกู ญาติกู บ้านกู รถกู สารพัดจะ “กู” (ขออภัยที่ใช้คำไม่สุภาพค่ะ)พอยึดติดมาก ๆ ก็ต้องคอยกังวลในสารพัดเรื่องเหล่านี้ ยิ่งห่วงหวงมากหวังมาก ก็เป็นทุกข์มาก ส่วนทางอารมณ์นิยม ก็ยึดมั่นทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้อื่นกระทำต่อเราเช่น ยึดมั่นในอารมณ์โลภก็นิยมที่จะรับมากกว่าที่จะให้ จึงไม่รู้จักแบ่งปันอะไรกับใคร
ยึดมั่นในอารมณ์โกรธ ก็นิยมโกรธ ฝังใจโกรธแค้น จึงไม่รู้จักที่จะให้อภัยใคร และไม่ยอมใคร
ยึดมั่นในอารมณ์หลง ก็นิยมหลงผิด คิดผิด ทำผิด พูดผิด จึงไม่รู้จักสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ตามครรลองครองธรรม
เพราะฉะนั้น วิธีแก้ทางวัตถุนิยม และอารมณ์นิยมก็คือ
>>>…พยายามให้รู้เท่าทันสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ในขณะนั้น วินาทีนั้น ว่า คืออะไร เป็นอย่างไร
เมื่อรู้อย่างเข้าใจเช่นนี้แล้ว ใจ ก็จะรับรู้อารมณ์ ความรู้สึกในขณะนั้นได้ ก็เริ่มที่จะปล่อยวาง และรับรู้มัน เพราะไม่รู้จึงไม่ยอม แต่พอรับรู้อย่างเข้าใจแล้ว จึงปล่อยวาง ลด เลิก ละการยึดมั่นถือมั่นให้เบาบาง ลงได้
***สวัดดีปีใหม่ ขอให้ทุกท่านเจอแต่สิ่งดีๆๆในชีวิต
ขออนุโมทนาบุญกับผู้ใจบุญทุกท่านด้วยน่ะค่ะ happy.gif