ไปที่เนื้อหา


hmongkon

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 18 Dec 2005
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Mar 15 2006 09:33 AM
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

สัตว์ไถ่ชีวิต ถูกฆ่า!!!

24 January 2006 - 12:25 PM

บังเอิญแวะผ่านไปเจอข้อความ เห็นว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวกับนักสร้างบารมีที่ยังมีกิจกรรมปล่อยสัตว์ จึงนำมาเป็นหนึ่งกรณีศึกษา เพื่อขอคำแนะนำและป้องกัน หากจะอนุโมทนาบุญก็ย่อมเป็นที่ยินดี เพียงแต่ไม่อยากให้วิพากษ์วิจารณ์ผู้กระทำในเรื่องนี้เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นไปแล้ว

ในวันพฤหัสที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา แฟนของผม ยืนรอรถเมล์อยู่บริเวณสำโรง เวลาประมาณบ่าย 5 โมงเย็น มีรถบรรทุกหมูที่จะไปส่งโรงฆ่าสัตว์แล่นผ่านมา ได้มีหมูตัวหนึ่ง ดิ้นรนหลุดออกจากกรง ตกลงมาจากรถกระบะ ลงมาอยู่ที่ริมฟุตบาท ตรงหน้าแฟนผม เกิดความสงสารสัตว์ที่จะถูกนำไปโรงฆ่า เธอโทรศัพท์หาผม
เราตกลงกันว่าจะติดต่อขอซื้อหมูตัวนั้น ในราคา 6000 บาท แล้วนำไปที่บ้านเรา ใน จ. สมุทรปราการ ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 10 กม.
มาวันแรกเค้ายังเดินไม่ได้ เนื่องจากเจ็บที่ขาหลังด้านขวา อีกทั้งน้ำหนักมากถึง 107 กิโล ร่วมกับเพลียจากการเดินทาง วันแรกจึงให้น้ำ ให้อาหาร แล้วมันก็นอนพัก เราก็เป็นห่วง กลัวมันจะไม่สบาย
เราได้ตั้งชื่อมันว่า เจ้าสำโรง ตามสถานที่ที่พบมัน
เช้าวันต่อมา อาการมันดีขึ้น สดใสขึ้น กินน้ำได้มาก เราได้ไปพาสัตวแพทย์ที่หน้าซอยบ้านมาตรวจ 2 ครั้ง แพทย์บอกว่าเจ้าสำโรงอ่อนเพลีย และเจ็บที่ขา ตรวจแล้วกระดูกไม่หัก แต่กล้ามเนื้ออักเสบ ให้นอนพักผ่อน
เนื่องจากเกรงใจเพื่อนบ้านที่ติดกัน เพราะเจ้าสำโรงร้องเสียงดัง จึงได้โทรศัพท์ติดต่อไปที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี เนื่องจากเคยได้ยินว่าทางวัดรับสัตว์ที่ไถ่ชีวิต ทางวัดยืนยันว่ามีการรับเลี้ยงสัตว์ที่ไถ่ชิวิตจริงๆ แต่ที่นนทบุรีเต็มแล้ว ทางวัดมีสาขาที่ อ.กบิณทร์บุรี จ. ปราจีนบุรี ชื่อมูลนิธิร่มโพธิ์แก้ว2 รับเลี้ยงสัตว์ที่ถูกไถ่ชีวิตทางวัดที่นนทบุรี ส่งวัว ควาย ไปไว้ที่นั่นแล้วสิบกว่าตัว รับเลี้ยงได้ จึงได้ติดต่อให้ทางวัดนำรถมารับ โดยจ่ายค่าขนส่ง 1000 บาท ตกลงให้มารับในวันเสาร์
ในวันเสาร์ วันนี้เป็นวันที่รถของทางวัดจะมารับเจ้าสำโรง วันนี้มันดีขึ้นมาก พยายามลุกเดิน 3 ขา แต่ยังไม่ค่อยไหว กินอาหารได้ดีขึ้นมาก เราเลี้ยงเจ้าสำโรงด้วยข้าว กล้วย ผักกาด ผักบุ้ง วันนี้เราเลยได้รู้ว่าเจ้าสำโรงชอบกินผักบุ้งมาก นึกแล้วก็ใจหายเหมือนกัน เพราะวันนี้รถจะมารับมันไปแล้ว
วันนี้เจ้าของเขียงหมูที่เราซื้อเจ้าสำโรงมา แวะมาเยี่ยมที่บ้านด้วย แล้วก็ให้คำแนะนำในการเลี้ยง รวมทั้งถามอาการเจ็บขาของมัน(เราเองก็คาดไม่ถึงว่าเจ้าของเขียงหมูจะเป็นห่วง ตามมาเยี่ยมถึงบ้านด้วย เค้าบอกว่าพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมอีก เราบอกเค้าว่าวันนี้ทางวัดจะมารับมันไปเลี้ยงแล้ว ไม่ต้องมาแล้วก็ได้ครับ ขอบคุณมากๆ )
ประมาณ บ่าย 3 โมง รถของทางวัดก็มารับ เราช่วยกันอุ้มเจ้าสำโรงขึ้นรถอย่างทุลักทุเล วันนี้เจ้าสำโรงร้องดังมากๆ เหมือนมันไม่อยากไป เราเองก็คิดถึงมัน เลยขอแผนที่ทางวัดไว้ เผื่อวันหลังจะตามไปเยี่ยม
ตกเย็น ไปงานรับปริญญาน้องชายแฟน กลับมานอนที่บ้าน นอนไม่ค่อยหลับ เพราะคิดถึงเจ้าสำโรง รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก น่าแปลกที่แฟนก็คิดเหมือนกัน วันรุ่งขึ้นจึงตัดสินใจไปเยี่ยมมันที่โน่นเลย เผื่อขาดเหลือค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงจะได้ช่วยกัน
ไปถึงวัดตอนบ่ายๆ บริเวณมูลนิธิร่มโพธิ์แก้ว จะมีลักษณะเป็นโรงจำหน่ายของที่รับบริจาคมา มีการทำสวนพืชไร่หลายชนิด จึงไปติดต่อกับพระที่ดูแลที่นี่ บอกท่านว่ามาเยี่ยมเจ้าสำโรงที่รถนำมาส่งเมื่อวาน
ระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่วัดและพระรูปอื่น ทำหน้าแปลกๆ และซุบซิบกันไปมา และได้เรียกพระท่านนี้เข้าห้องไปคุย ปิดประตูอยู่พักหนึ่ง ท่านก็ออกมา ผมเลยบอกว่ารบกวนท่านบอกทางไปที่เลี้ยงสัตว์ที่เจ้าสำโรงอยู่ เพราะว่าวันนี้ไปแวะซื้อผักบุ้งจากห้างมาหอบใหญ่ เพราะรู้ว่าเจ้าสำโรงชอบ พระท่านบอกว่าเดี๋ยวพาไปเอง ท่านพาเดินดูที่นั่น ที่นี่ พาไปดูสวน ผมก็บอกท่านว่าขอไปดูหมู ท่านก็บอกว่าทางนี้ พอไปถึงก็ไม่มี ท่านก็บอกว่าอยู่อีกที่หนึ่ง วนไปวนมานานถึง 2 ชั่วโมง ก็ยังไม่พบ ระหว่างนั้นพระรูปนี้ก็เล่าว่า
วัวที่นี่ไม่มีแล้ว เนื่องจากนำไปจ่ายเป็นค่าตอบแทนชาวบ้านที่มาช่วยงานแทนเงินเดือน(แล้วชาวบ้านที่ได้วัวไป นำไปขายหรือฆ่าล่ะ)
ระหว่างเดินอยู่ พบคอกเลี้ยงลูกหมูป่าคอกเล็ก ๆ ประมาณ 10 ตัว ไม่พบวัวซักตัว
สถานที่นี้ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นที่พักพิงของสัตว์ที่มาพึ่งได้เลย ไม่มีคอก ไม่มีที่เลี้ยงดู หลังจากเดินมานานก็ยังไม่พบ จึงถามพระ ท่านก็บอกว่าหมูเมื่อวานป่วย นำไปส่งที่ปศุสัตว์แล้ว
ผมเลยถามท่านว่าปศุสัตว์ไปทางไหน จะตามไปเยี่ยม ท่านก็บอกว่าวันหยุดราชการไม่เปิด ผมก็ถามท่านว่าแล้วเมื่อวานวันหยุดราชการปศุสัตว์มาตรวจได้ยังไง ท่านก็เงียบไปบ่ายเบี่ยงต่างๆ แล้วบอกผมว่าเดี๋ยวต้องถามคนดูแลสัตว์อีกที ผมก็บอกว่างั้นขอพบ
พระบอกว่าคนนี้ไม่อยู่ กลับกรุงเทพ ผมบอกว่างั้นจะรอพบ สุดท้ายคนๆนี้ก็มา หลังจากรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง เขาบอกผมว่าหมูเมื่อวานป่วย เลยให้สัตวแพทย์มาดู และนำไปส่งที่ปศุสัตว์แล้ว ผมบอกจะตามไปดู ก็บอกว่าปิดราชการ ไปไม่ได้ ผมก็ถามว่าเมื่อวานสัตวแพทย์มาได้ยังไง เขาตอบว่า สัตวแพทย์มาดูแล้ว บอกว่าอาการมันหนัก เลยจัดการไปแล้ว!!!
ผมตกใจมากถามว่าสัตวแพทย์ที่มาดูชื่ออะไร จะตามไปถาม ถามไปถามมา สุดท้ายเขายอมรับว่าเขาฆ่าเจ้าสำโรงเอง โดยเชือดแบ่งเนื้อแจกจ่ายไปแล้ว และเขาบอกว่าขอรับผิดเอง โดยอ้างว่าคาดไม่ถึงว่าจะมีคนตามมาดู เขาบอกว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีคนที่ไถ่ชิวิตสัตว์ตามมาดู มีผมเป็นคนแรก ถ้ารู้ว่าผมมาคงไม่ฆ่าหรอก
ทั้งผม และแฟนผมเสียใจมาก นึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นได้ ในวัด กับสัตว์ที่ไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่า คิดไม่ถึงว่ามาถึงที่นี่แล้ว เจ้าสำโรงยังไม่ได้กินน้ำกินอาหารด้วยซ้ำ กลับถูกฆ่าเหมือนเราส่งมันไปยังโรงฆ่าสัตว์ ผมและแฟนผมเสียใจมาก เธอร้องไห้ตลอดเกือบทั้งวันหลังจากนั้น
ผมจึงคิดว่าอย่างน้อยเราต้องประกาศให้สังคมรับรู้ ถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้น และคงต้องพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
ขอความเห็นใจจากสังคมด้วยครับ
นพ. ภูริภัทร ภูริพันธุ์ภิญโญ

ผมได้เปลี่ยนสรรพนาม ผู้ฆ่าเจ้าสำโรงจาก"มัน"เป็น"เขา" เพราะดูคุณหมอเจ้าของเรื่องผู้ใจบุญจะโกรธมาก