- ธรรมะสร้างกำลังใจ ทำให้คุณเป็นสุขใจได้ตลอดเวลา
- → ดูโปรไฟล์: โพสต์: ดอกบัวยามเช้า
สถิติเว็บบอร์ด
- กลุ่ม Members
- โพสต์ 3
- ดูโปรไฟล์ 1721
- อายุ ไม่เปิดเผย
- วันเกิด ไม่เปิดเผย
-
Gender
ไม่เปิดเผย
0
Neutral
เครื่องมือผู้ใช้งาน
เพื่อน
ดอกบัวยามเช้า ยังไม่มีเพื่อนในตอนนี้
ผู้เยี่ยมชมล่าสุด
โพสต์ที่ฉันโพสต์
ในกระทู้: ไฟล์เสียงนำนั่งสมาธิของหลวงพ่อในวันอาทิตย์
29 July 2009 - 11:28 AM
ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ อนุโมทนาบุญค่ะ (^___^)
ในกระทู้: เป็น ocd ทำบาปจะบาปไหม
19 March 2009 - 01:56 PM
บัวเองก็เคยเป็นเหมือนกับคุณเจ้าของกระทู้เหมือนกันค่ะ แต่ไม่หนักเท่า บางครั้งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ จู่ๆ ก็คิดไม่ดีขึ้นมาเอง นึกขึ้นมาเองทั้งที่ไม่ได้ต้องการหรืออยากจะนึกเลย ตอนแรกก็รู้สึกกังวลใจมากๆ เหมือนกันค่ะ แต่ได้คุยเรื่องนี้กับพี่สาวที่เข้าวัดเหมือนกัน พี่ของบัวบอกว่าอย่าไปใส่ใจเลย สิ่งเหล่านี้มันไม่ได้มาจากจิตใจของเราเองหรอก แต่เป็นสิ่งที่ฝ่ายดำพยายามสอดมา ตั้งแต่นั้นมาบัวเลยหาวิธีแก้โดยการที่ พอสิ่งที่ไม่ดีมันผุดขึ้นมาในใจปุ๊บ ก็ให้พยายามหยุดมันปั๊บทันที หรือพยายามนึกถึงหลวงปู่บ้าง พระธรรมกายบ้าง หลวงพ่อหรือคุณยายบ้าง ตามแต่จะนึกได้ในตอนนั้น คือเอาภาพหลวงปู่มาแทนที่ความคิดที่ไม่ดีเลยว่าอย่างนั้นเถอะ แล้วก็ท่องสัมมาอะระหังไปเรื่อยๆ จนเจ้าอาการคิดไม่ดีมันหายไป ก็ค่อยนึกขอขมามหาปูชนียาจารย์ที่เราไปนึกล่วงเกิน พอทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ อาการคิดไม่ดีมันก็ค่อยๆ น้อยลงค่ะ ปัจจุบันไม่ค่อยเป็นแล้ว แต่ก็มีบ้าง พอมีขึ้นมาก็แก้ไขด้วยวิธีที่บอก จุดสำคัญคือ ถ้าเกิดขึ้นมาแล้วอย่าไปใส่ใจค่ะ ให้ลืมไปเลย เหมือนที่หลวงพ่อสอนในโรงเรียนว่าสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต ลืมมันให้หมด เรื่องนี้ก็เหมือนกันค่ะ สิ่งไม่ดีที่คิดไปแล้วก็ถือเป็นอดีตแล้วเหมือนกัน ให้ลืมมันไปทันที เพราะถ้าเราย้ำคิดย้ำทำเสียใจถึงมัน มันก็จะยิ่งตอกย้ำให้เป็นหนักขึ้นแทนค่ะ ประมาณว่ายิ่งเกลียดยิ่งได้ ยิ่งไม่อยากคิดยิ่งคิด เพราะใจไปนึกถึงมันอยู่ตลอดเวลา
สำหรับเรื่องวิบากกรรมก็คงมีบ้างค่ะ เพราะเป็นแผนของฝ่ายดำที่เขาอยากให้เราทำบาปอยู่แล้ว แต่ตามความคิดของบัว คิดว่าไม่น่าจะเป็นวิบากกรรมหนัก เพราะไม่ได้มาจากเจตนา ถ้าไม่สบายใจก็ขอให้หมั่นขอขมาพระรัตนตรัยบ่อยๆ นะคะ และให้พยายามลืมสิ่งไม่ดีที่ไม่เกิดขึ้นไปเลย พอมันเกิดขึ้นใหม่ก็ให้ขอขมาแล้วก็ลืมอีก ทำซ้ำๆ อยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ บัวเชื่อว่ามันจะบรรเทาลงค่ะ
สำหรับเรื่องฟุ้งซ่านเวลางานพิธีใหญ่ๆ บัวก็เป็นเหมือนกัน ทางแก้ก็คือต้องพยายามตามสติตัวเองให้ได้ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น บัวชอบฟุ้งเวลาหลวงพ่อให้พรหรือนำอธิษฐานเรื่อยเลย เพราะช่วงเวลามันยาว ตอนหลวงพ่อเริ่มให้พรหรือนำอธิษฐานตอนแรกก็ยังตั้งใจตามได้ดีอยู่ แต่พอผ่านไปสักพักมันก็จะต้องฟุ้งเผลอคิดโน่นนี่ทุกที แต่ทุกครั้งที่เป็นอย่างนี้ บัวก็ตั้งใจว่าไม่เป็นไร ครั้งหน้าเอาใหม่ คราวหน้าต้องมีสติดีกว่านี้ และพอถึงช่วงให้พรหรือนำอธิษฐานครั้งหน้า บัวก็จะตั้งสติไว้เลยว่า เอาล่ะนะ จะเริ่มแล้วนะ ฉันต้องตั้งใจตามหลวงพ่อจนจบให้ได้ แต่สุดท้ายก็มักจะมีบางช่วงที่หลุดจนได้ แต่ถ้ามองพัฒนาการตั้งแต่เริ่มต้นปรับปรุงก็ถือว่าดีขึ้นมากค่ะ เพราะเดิมบัวจะฟุ้งแทบจะ 100% แต่ปัจจุบันลดลงเหลือสัก 30% เห็นจะได้ บางวันโชคดีก็ตั้งใจตามหลวงพ่อได้จบเลย
ยังไงก็อย่าท้อใจนะคะ เรื่องนี้ต้องอาศัยเวลาในการแก้ไข และสำคัญที่สุดอยู่ที่กำลังใจ ให้ทำไปเรื่อยๆ มันจะค่อยๆ ดีขึ้นค่ะ อย่างที่บัวพยายามปรับปรุงเรื่องฟุ้งนี่ก็ใช้เวลา 3-4 ปีเลยนะคะ และคิดว่าก็คงจะปรับปรุงต่อไปเรื่อยๆ
นั่งสมาธิบัวก็ฟุ้งค่ะ จอมฟุ้งเลย เพราะปกติก็เป็นคนช่างจินตนาการอยู่แล้ว แต่ก็คิดว่าเอาเถอะ ได้นั่งก็ยังดีกว่าไม่ได้นั่ง ความฟุ้งนี่เปรียบไปก็เหมือนขยะในบ้านค่ะ บ้าน(ใจ)เราคงมีขยะเยอะกว่าคนอื่น เลยต้องใช้เวลากวาดนานกว่ามากหน่อย แต่กวาดไปๆ สักวันมันก็ต้องหมดอยู่ดี ถ้าไม่เริ่มกวาด หรือไม่กวาดบ่อยๆ นี่สิคะ ขยะใหม่คงสุมเข้ามาอีก ทีนี้ล่ะ อานเลย ถ้าฟุ้งมากตอนนั่งสมาธิ ให้เลิกนั่งแล้วหันมาสวดมนต์แทนบ้างก็ได้ค่ะ แล้ววางใจไว้กลางท้องตอนสวดมนต์ ก็น่าจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ดีเหมือนกัน
ขอให้แก้ไขเรื่องนี้ให้ลุล่วงได้โดยเร็วนะคะ
สำหรับเรื่องวิบากกรรมก็คงมีบ้างค่ะ เพราะเป็นแผนของฝ่ายดำที่เขาอยากให้เราทำบาปอยู่แล้ว แต่ตามความคิดของบัว คิดว่าไม่น่าจะเป็นวิบากกรรมหนัก เพราะไม่ได้มาจากเจตนา ถ้าไม่สบายใจก็ขอให้หมั่นขอขมาพระรัตนตรัยบ่อยๆ นะคะ และให้พยายามลืมสิ่งไม่ดีที่ไม่เกิดขึ้นไปเลย พอมันเกิดขึ้นใหม่ก็ให้ขอขมาแล้วก็ลืมอีก ทำซ้ำๆ อยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ บัวเชื่อว่ามันจะบรรเทาลงค่ะ
สำหรับเรื่องฟุ้งซ่านเวลางานพิธีใหญ่ๆ บัวก็เป็นเหมือนกัน ทางแก้ก็คือต้องพยายามตามสติตัวเองให้ได้ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น บัวชอบฟุ้งเวลาหลวงพ่อให้พรหรือนำอธิษฐานเรื่อยเลย เพราะช่วงเวลามันยาว ตอนหลวงพ่อเริ่มให้พรหรือนำอธิษฐานตอนแรกก็ยังตั้งใจตามได้ดีอยู่ แต่พอผ่านไปสักพักมันก็จะต้องฟุ้งเผลอคิดโน่นนี่ทุกที แต่ทุกครั้งที่เป็นอย่างนี้ บัวก็ตั้งใจว่าไม่เป็นไร ครั้งหน้าเอาใหม่ คราวหน้าต้องมีสติดีกว่านี้ และพอถึงช่วงให้พรหรือนำอธิษฐานครั้งหน้า บัวก็จะตั้งสติไว้เลยว่า เอาล่ะนะ จะเริ่มแล้วนะ ฉันต้องตั้งใจตามหลวงพ่อจนจบให้ได้ แต่สุดท้ายก็มักจะมีบางช่วงที่หลุดจนได้ แต่ถ้ามองพัฒนาการตั้งแต่เริ่มต้นปรับปรุงก็ถือว่าดีขึ้นมากค่ะ เพราะเดิมบัวจะฟุ้งแทบจะ 100% แต่ปัจจุบันลดลงเหลือสัก 30% เห็นจะได้ บางวันโชคดีก็ตั้งใจตามหลวงพ่อได้จบเลย
ยังไงก็อย่าท้อใจนะคะ เรื่องนี้ต้องอาศัยเวลาในการแก้ไข และสำคัญที่สุดอยู่ที่กำลังใจ ให้ทำไปเรื่อยๆ มันจะค่อยๆ ดีขึ้นค่ะ อย่างที่บัวพยายามปรับปรุงเรื่องฟุ้งนี่ก็ใช้เวลา 3-4 ปีเลยนะคะ และคิดว่าก็คงจะปรับปรุงต่อไปเรื่อยๆ
นั่งสมาธิบัวก็ฟุ้งค่ะ จอมฟุ้งเลย เพราะปกติก็เป็นคนช่างจินตนาการอยู่แล้ว แต่ก็คิดว่าเอาเถอะ ได้นั่งก็ยังดีกว่าไม่ได้นั่ง ความฟุ้งนี่เปรียบไปก็เหมือนขยะในบ้านค่ะ บ้าน(ใจ)เราคงมีขยะเยอะกว่าคนอื่น เลยต้องใช้เวลากวาดนานกว่ามากหน่อย แต่กวาดไปๆ สักวันมันก็ต้องหมดอยู่ดี ถ้าไม่เริ่มกวาด หรือไม่กวาดบ่อยๆ นี่สิคะ ขยะใหม่คงสุมเข้ามาอีก ทีนี้ล่ะ อานเลย ถ้าฟุ้งมากตอนนั่งสมาธิ ให้เลิกนั่งแล้วหันมาสวดมนต์แทนบ้างก็ได้ค่ะ แล้ววางใจไว้กลางท้องตอนสวดมนต์ ก็น่าจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ดีเหมือนกัน
ขอให้แก้ไขเรื่องนี้ให้ลุล่วงได้โดยเร็วนะคะ
- ธรรมะสร้างกำลังใจ ทำให้คุณเป็นสุขใจได้ตลอดเวลา
- → ดูโปรไฟล์: โพสต์: ดอกบัวยามเช้า
- Privacy Policy
- เงื่อนไข ข้อตกลง และกฏระเบียบของเว็บไซต์ DMC ·