ไปที่เนื้อหา


LoI2d_Ganesh

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 19 Mar 2009
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Apr 03 2009 08:41 PM
-----

โพสต์ที่ฉันโพสต์

ในกระทู้: ทำใจอย่างไรดีคะ

21 March 2009 - 11:52 PM

ดีซะอีกครับ ที่เค้าเป็นกระจกให้เรา
คนเราส่วนมากจะมองแต่ผู้อื่น ไม่มองตัวเอง
ถือว่าเรายังโชคดีที่มีคนนึกถึง

ผมว่าเหมือนกรรมนะครับ
ลองนึกดูสิ คนเราชอบนินทาผุู้อื่น
ถึงแม้จะไม่ใช่คนที่นินทาเราตอนนี้
แต่อาจจะเป็นผลกรรมที่ส่งผลจากกรรม
ที่เราเคยว่าคนอื่นไว้

ลองนึกดูสิครับว่าคุณพี่เคยนินทาใครไหม?

ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะไม่โดนนินทา
แม้แต่คนดังทั้งหลายแหล่ แม้กระทั้งบุคคลที่ทำคุณงามความดีก็ยังมีคนไม่ชอบ
มีคนนินทา

เราก็เป็นเพียงแค่คนนึงที่อยู่ในโลกนี้
เรื่องนี้ จิ้บๆๆครับ

เราเปลี่ยนที่เค้าไม่ได้หรอก เราต้องเปลี่ยนที่ตัวเอง
ในเมื่อเค้านินทาเรา ในเมื่อสิ่งที่พูดมันไม่ใช่เรื่องจริง
เราจะไปแคร์ทำไม เอาเวลาไปดูแลครอบครัว
หรือทำสิ่งอื่นดีกว่า
นึกถึงสิ่งดีๆๆ
ลองนึกถึงความโชคดีห้าข้อที่คิดว่าตัวเองมีในตอนนี้
บอกกับตัวเองทุกวันก่อนนอน
แล้วคุณพี่จะมีกำลังใจ
นึกถึงเรื่องดีๆๆ
แล้วค่อยกรวดน้ำแผ่เมตตา อโหสิกรรมให้เค้า

เราอาจจะเคยทำไม่ดีกับเค้าไว้

ถึงแม้มันจะใช้เวลาแต่ดีกว่าไม่ทำเลย

ผมจะลองเปรียบเทียบให้ฟังว่า
ในเมื่อมีคนทำให้เราโกรธ แค่เค้ามาทำดีกับเราแค่ครั้งเดียวก็คงจะไม่หายง่ายๆ
การแผ่เมตตา อโหสิกรรมก็เหมือนกัน เราต้องทำบ่อยๆ เหมือนเป็นการขอโทษขออภัย
ชาติแล้วเราอาจจะทำไม่ดีกับเค้าไว้ แต่ก็ไม่ต้องไปนึกถึงมันหรอก

ถือว่าเค้ามาเป็นครูให้เราได้เรียนรู้
แล้วคุณพี่จะขอบคุณที่เค้ามาทำให้คุณพี่เข้มแข็ง
ต่อไปเราจะเจอคำนินทาอะไรเราก็จะเฉยๆ

ตอนนี้ถือว่าเราทำบุญกับเค้าซะ
เค้าอัดอั้นตันใจมานาน ถ้าการที่เค้าพูดไปแล้วเค้ามีความสุขก็ปล่อยเค้าไป
เรารู้แล้วว่าเราไม่ได้ทำก็พอ ผมเชื่อว่าคนรอบข้างของคุณพี่น่าจะรู้ว่าอันไหนจริงไม่จริง
เราเกิดมาคนเดียวต้องตายคนเดียวครับ
อย่าเอาไรไปยึดติดกับจิตใจ

นั่งสมาธิแล้วพิจารณาถึงทุกข์ครับ


คุณพี่เคยได้ยินเรื่องนี้ไหมครับ
การเอาศัตรูมาเป็นมิตร
เราต้องทำดีกับเค้าให้มากๆ ยิ่งเค้าร้ายกับเราเท่าไหร่ เราต้องยิ่งดีกับเค้ามากเท่านั้น
แล้วเค้าจะละอายแก่สิ่งที่เค้าทำ
ลองนึกย้อนดูสิ ถ้าคุณพี่ เป็นเค้าคนนั้นแล้วคุณพี่ทำไม่ดีกับเค้า แต่เค้ากลับยิ่งทำดีกับคุณพี่
แล้วคุณพี่ยังอยากจะพูดเรื่องไม่ดีอยู่อีกไหม คุณพี่จะละอายแก่สิ่งที่ทำไหม

ความดีจะชนะทุกอย่่างๆครับ เราต้องดีกับเค้ามากๆครับ
ไม่นานเค้าจะทำดีกับเรา มาเป็นมิตรที่ดีกับเราครับ

ลองพิจารณาคำพุดผมดูนะครับ

ขอให้คุณพี่เจอทางสว่างๆไว
เพราะคำแนะนำก็ถือว่าเป็นแค่คำพูด ถึงมีคนบอกคุณพี่มากมาย
แต่ถ้าคุณพี่ไม่นำไปพิจารณาแล้วปฏฺบัติตาม มันก็ไร้ค่า
เหมือนแค่ลมปากที่ ผ่านไป








ในกระทู้: ทำอย่างไรจะสร้างพระธรรมกายประจำตัวได้สำเร็จ

21 March 2009 - 10:48 PM

มีอยู่ครั้งหนึ่งผมเคยอยากได้รูปปั้นเทพเจ้าแต่ก็ไม่มีปัจจัย
ผมก็เคลียดเพราะอยากได้ เป็นทุกข์
พระแม่เลยสอนผมว่าของอื่นก็เป็นเพียงวัตถุภายนอก เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์ปรุงแต่งขึ้นมา
เพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจ สิ่งที่พระพุทธองค์ต้องการคือ การปฏฺิบัติธรรม บำเพ็ญบารมี เพื่อการหลุดพ้น
ถ้าเรามีปัจจัย ไม่เดือดร้อนตัวเอง ค่อยหาบูชามา
แต่ถ้าเราทำแล้วจิตตก เดือดร้อนตัวเอง ท่านก็ไม่รับรู้อะไร มีแต่เราที่ทุกข์เท่านั้น
เพราะท่านไม่ได้บอกเรา เราทำเราเอง ท่านไม่ได้สอนให้ยึดติด
ดังนั้นผมเลยไม่ซื้อมา

ตามที่ๆพี่ด้านบนได้บอกไว้
ลองนั่งสมาธิพิจารณาดู เดี๋ยวก็เกิดปัญญา
ลองเบิกบุญน่าจะช่วยได้นะครับ
ขอเป็นกำลังใจและอนุโมทนาบุญด้วยครับ
สาธุ



ในกระทู้: ฝันว่าได้บวชเป็นพระนี่สื่่ออะไรรึป่าวครับ

21 March 2009 - 10:21 PM

ขอขอบคุณครับพี่ๆทุกคน
ผมไม่ได้เสียใจเรื่องไม่ได้บวชหรอกครับ
ปกติผมก็ไม่ได้ปฏิบัติที่วัดหรอกครับ
ถือศีลแปดที่บ้าน บำเพ็ญสัจจะอธิษฐาน
ฟังธรรมผ่าน ซีดี
ทำที่บ้านตลอด เคยปฏิบัติธรรมที่วัดแค่ครั้งเดียว
แล้วก็ที่สถานที่ปฏิบัติธรรมบ้าง แต่ก็ปฏิบัติคนเดียวเหมือนกัน

ส่วนเรื่องบวช จริงๆผมอยากบวชที่ห่างไกลความเจริญ ในป่า ในเขา ใช่ว่า เพราะที่ผมเป็นเกย์หรอกนะ
แต่เพราะว่า ผมไม่อยากให้กิเลสเรื่องเทคโนโลยีมาเกี่ยว อยากบริสุทธิไปเลย
เป็นไปได้อยากไปอยู่คนเดียวในป่าด้วยซ้ำ


ผมว่าจริงๆแล้วต่อให้เป็นเกย์หรือเป็นผู้ชาย
ถ้าบุคคลนั้นมีหิริโอตัปปะก็สามารถบวชได้แล้ว

แต่ผมเชื่อว่าถ้าผมตั้งใจที่จะบวช เรื่องปล้ำพระหรือเรื่องการสมสู่คงไม่มี
เพราะแค่ช่วยตัวเองทุกวันนี้ผมก็รู้สึก บาป แล้วรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีคนมองเราอยู่
(แต่ผมก็ยังทำ) ส่วนที่ผมคิดว่าเรื่องกามที่ผมทำไม่ได้ก็เรื่องช่วยตัวเองนี้แหละครับ


แต่ผมก็ยังคงไม่พร้อม เพราะว่ามีภาระหลายอย่างในความเป็นมนุษย์ที่ต้องทำ


ผมก็อธิษฐานจิต ขอให้บุญบารมีนำพา ถ้าผมจะทำอะไรไม่ดี นอกลู่นอกทาง ก็ขอให้ดลจิตดลใจให้ผมกลับมาเหมือนเดิม
ขอให้เป็นเหมือนแสงสว่างที่นำพาผมไปทางที่ดี ขอให้มีสติ มีปัญญา


ยังไงซะถ้าผมจะได้บวชก็คงจะได้บวช ถ้ามันถึงเวลา บุญบารมีคงจะนำพาไป
ต่อให้ผมยื้อยังไงมันก็คงจะเสียเวลา
ผมเกิดมายังไม่เคยบวช
ถ้าเราไม่ลอง เราจะรู้ได้ไงว่าเราทำได้รึปล่าว เค้าถึงว่าผิดเป็นครูใช่ไหมครับ
คือตอนนี้เราได้ปฏิบัติธรรมมาก่อน มีหิริโอตัปปะ มากกว่าคนที่ไม่เคยปฏิบัติธรรมแล้วมาบวช
เรารู้ว่าอันไหนผิดเราก็จะไม่ทำ เพราะเรามีหิริโอตัปปะ
แต่คนส่วนมากรู้ว่าผิด แต่ก็ยังทำ เพราะไม่มีหิริโอตัปปะ
ผมว่าทุกสิ่งอยู่ที่เรียนรู้ครับ เค้าถึงว่าปฏฺิบัติ
แต่ถ้าเรากลัวไม่กล้าที่จะเริ่มต้น เราก็ไม่รู้ว่าผลมันเป็นไง
ผมอาจจะทำได้ หรือ อาจจะไม่ได้ แต่ผลที่ผมได้คือ การได้เรียนรู้
บาปหรือไม่บาป ผมไม่รู้ แต่ที่ผมรู้คือ จิตที่ผมอยากบวชคือจิตที่กุศล
ที่หวังเพียงจะ ตัดกิเลสอัสวะ แล้วก็ปฎิบัติ ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า
แค่นี้ก็๋เป็บุญแล้วแหละ

นี่คือส่งที่ผมพิจารณาได้ตอนนี้


เอาเป็นว่าผมจะไม่คิดถึงเรื่องอนาคต จะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
ตอนนี้บวชใจบำเพ็ฐบารมีต่อไป อย่างน้อยผมก็ได้ปฎิบัติตามหลักคำสอนพระพุทธเจ้าอยู่ดี


ยังไงผมก็ขอขอบคุณพี่ๆด้วยนะครับ
ที่ได้กรุณาตอบคำถามผม

ขออนุโมทนาบุญที่พี่ๆได้ทำมานะครับ
แล้วผมก็ขอให้พี่ๆได้ประสบความสำเร็จทั้งทางโลกทางธรรม
ถ้ามีปัญหา(เหมือนกับผม)ก็ขอให้สามารถพิจารณาแล้วแก้ไขได้เร็ววันนะครับ