ไปที่เนื้อหา


usr32350

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 02 Dec 2009
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Feb 08 2010 01:06 AM
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

ก ข ปรมัตถธรรม (ท่านพุทธทาส ภิกขุ)

27 January 2010 - 05:01 AM

(ก-ฃ)
นึกถึงธรรม นำมาปรับ กับ ก ข
เป็นหัวข้อ แสดงธรรม นำศึกษา

ก ไก่ ขันก้อง ร้องบอกมา
ใครอย่ากล้า ยึดอะไร ไว้เป็นตน
ข ไข่ ข้อง เวียนวัฏฏ์ อยู่อัตรา
โมหะหนา ออกไม่ได้ ให้ขัดสน
ฃ ฃวด ใส่ สุรา; กายาคน
ใส่ของเมา เมาล้น กว่านั้นไป ฯ

ค-ง, จ-ฉ
ค ควาย หมายถึง อวิชชา
ขี่หรือฆ่า มันทั้งผอง จักผ่องใส
ฅ ฅน อย่าสัปดน ยื่นเข้าใน
ห่วงโซ่ใหญ่ สายกรรม ช้ำมิวาย
ฆ ระฆัง วังเวงเสียง สำแดงสัจจ์
เป็นปรมัตถ์ แล้ววิมุติ เป็นจุดหมาย
ง งู อุปทาน พานพันกาย
ดั่งผีพราย ยึดจับ ไว้กับทุกข์
จ จาน เปรียบเหมือนกาย ใส่ธาตุ-ขันธ์
ต้อง"คว่ำ"มัน ให้ว่างหาย กลายเป็นสุข
ฉ ฉิ่งทิ้ง จังหวะ อยู่กรุ๊กกรุ๊ก
บอกว่าทุกข์ ทุกที ที่เกิดมา ฯ

ช-ญ,ฎ-ฏ
ช ช้าง ร้องอย่าง โกญจนาท
มันไม่พลาด พลัดตก จากหน้าผา
ซ โซ่สาย สงสาร ช่างมารยา
ผูกแน่นหนา ไม่แสดง แห่งเงื่อนปม
ฌ เฌอ ไม่พลั้งเพลอ เข้าสู่ฌาน
แล้วเกิดญาณ เพราะปัญญา มาผสม
ญ ผู้หญิง รู้จริง ไม่โง่งม
เป็นบัณฑิต มีถม เทียมผู้ชาย
ฏ ชฏา เลือนมา จากผมเชิง
แสนยุ่งเหยิง คือกิเลส ฤทธิ์เดชร้าย
ฎ ปฎัก ปักหรือตี ที่วัวควาย
เหมือนขับไล่ อวิชชา หนีหน้าไป ฯ

ฐ-ณ, ด-ต
ฐ ฐานที่ คงมั่น นั้นต้องมี
ทุกคดี ธรรมหรือโลก ไม่โยกไหว
ฑ มณโฑ โสภา ท่ากระไร
ทั้งกายใจ ต้องโสภา มาด้วยกัน
ฒ ผู้เฒ่า ที่แท้ รู้จักโลก
สุขหรือโศก รู้จักจริง ทุกสิ่งสรรพ์
ณ เณร คือหน่อ สมณะอัน
จะสร้างสรรค์ ศาสนา สถาพร
ด เด็กใจ ยังเล็ก ยึดถือน้อย
จึงไม่ค่อย ทุกข์ใจ ฤทัยถอน
ต เต่า เอาแต่ จะกินนอน
เหมือนคนเขา เอาแต่ร่อน หาอารมณ์ ฯ

ถ-น, บ-ป
ถ ถุงนั้น บรรจุ อนุสัย
ถ่ายเทไว้ ทุกครา อย่าหมักหมม
ท ทหาร ของพระองค์ ต้องระดม
พลังถล่ม กิเลสมลาย ไร้ศัตรู
ธ ธงนั้น ธงชัย อรหันต์
มีธรรมขันธ์ เป็นกองทัพ ขับเคี่ยวสู้
น หนูนั้น พ้นภัย เพราะไร้รู
เหมือนเรารู้ ใช้ธรรม กำบังตน
บ ใบไม้ ใช้บังแดด ได้เย็นฉ่ำ
ใบพระธรรม บังกิเลส วิเศษผล
ป ปลาน้ำ ถึงตา พาวิกล
ไม่เคยยล เห็นน้ำ ดั่งทำเมิน ฯ

ผ-ฟ, ภ-ม
ผ ผึ้ง พึงเปรียบ คณะสงฆ์
ดำรงงาน ศาสนา น่าสรรเสริญ
ฝ ฝาถ้า ปิดดี มีคุณเกิน
เหมือนคนเจริญ สติไว้ คุ้มกายใจ
พ พานมี ไว้ใส่ สิ่งสูงสุด
กายมนุษย์ ใส่ธรรมรส อันสดใส
ฟ ฟันนั้น เคี้ยวกัด ตัดเยื่อใย
ตัดอนุสัย ไว้ด้วยฟัน คือปัญญา
ภ สำเภา ข้ามสมุทร สุดลึกล้ำ
สำเภาธรรม ข้ามมหรรณพ์ แห่งตัณหา
ม ม้าเหมือน กายาดี ขี่ขับมา
ตามมรรคา แปดองค์ ตรงนิพพาน ฯ

ย-ล, ว-ษ
ย ยักษ์แปล ว่า"ผู้ เขาบูชา"
มักกลายมา เป็นยักษ์ ผู้หักหาญ
ร เรือเปรียบ เหมือนกาย ไว้ใช้งาน
ถ้าเรือรั่ว จะป่วยการ งานใช้เรือ
ล ลิงที่ แท้จริง มันหลอกเจ้า
กิเลสเรา ก็หลอกเรา เอามากเหลือ
ว แหวนใส่ นิ้วงาม ความเหลือเฟือ
ถ้าใครเชื่อ ก็ทิ้งไป อย่าใส่เลย
ศ ศาลา สร้างขึ้นมา บังแดดฝน
ศาลาธรรม กำบังคน ทั้งโลกเหวย
ษ ฤาษี แสวงหา มาอย่างเคย
ไม่หยุดเฉย วิปัสสนา แก่กล้าจริง ฯ

ส-ห, ฬ-ฮ
ส เสือซุ่ม ในสมถะ วิปัสสนา
จับได้มา ซึ่งมรรคผล พิมลยิ่ง
ห หีบใส่ สุญญตา อย่าชังชิง
เพราะเป็นสิ่ง เดียวเลิศ เหลือพรรณนา
ฬ จุฬา ถือกันว่า "สิ่งสูงสุด"
คือวิมุตติ จุดหมายมาด แห่งศาสนา
อ อ่างนั้น เป็นแอ่ง แห่งอาสวา
ใช้ปัญญา ทุบมลาย อย่าให้รอ
ฮ นกฮูก เห็นได้ ในยามค่ำ
ผู้มีธรรม เห็นถึงใน ฤทัยหนอ
หัวข้อธรรม นำมาวาง อย่างเพียงพอ
เป็น ก ข แห่งพระธรรม นำไปตรอง ฯ

~ขอนอบน้อมแห่งคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์~


ดอกสร้อยแสดงธรรม 24 ฉากชีวิต โดย สิริวยาส เอามาฝากครับ

19 January 2010 - 02:37 AM

ดอกสร้อยแสดงธรรม 24 ฉากของชีวิต โดย สิริวยาส (พุทธทาส ภิกขุ)

ความเกิด
ความเอ๋ยความเกิด
จงดูเถิดยากเข็ญเป็นไหน ๆ
เจ็บปวดทั้งแม่ลูกเหมือนถูกไฟ
เพื่ออะไรกันแน่ลองแก้มา
เกิดเพื่อกินเพื่อเล่นหรือเพื่อหลับ
หรือเพื่อรับมรดกกระมังหนา?
หรือเกิดเพียงเพื่อเติบโตเช่นโคลา
ส่วนตูว่าเกิดเพื่อก่อบ่อบุญเอย

ความเป็นเด็ก
ความเอ๋ยความเป็นเด็ก
ตัวยังเล็กใจก็เล็กไม่อยากใหญ่
เพียงได้กินได้เล่นก็เย็นใจ
ไม่มีไฟสุมเผาให้เร่าร้อน
เพราะผู้ใหญ่ใจกระพือหรือจึ่งเศร้า
มิน่าเล่าจึงมักสะท้อนถอน
ถ้าผู้ใหญ่"ใจเล็ก"เหมือนเด็กอ่อน
คงเร่าร้อนน้อยกว่าที่มีอยู่เอย

ความเติบโต
ความเอ๋ยความเติบโต
ถึงม้าโคก็รู้เติบเขยิบได้
อันเติบกายเติบง่ายกว่าเติบใจ
กินเข้าไปก็เติบได้ไม่ต้องกลัว
ส่วนเติบใจเติบยากลำบากนัก
มีแต่มักแฟบไปเพราะใจชั่ว
ปรนแต่กายใจก็ตายไปจากตัว
ไยจะมัวเติบกายขายหน้าเอย

ความหนุ่ม
ความเอ๋ยความหนุ่ม
เหมือนไฟสุมขอนไม้ไม่เห็นแสง
แต่ที่แท้ความร้อนระอุแรง
ถูกศรแผลงคลุ้มคลั่งขังอยู่ใน
ล่วงละเมิดศีลธรรมทำกรรมชั่ว
นั่นจะมัวบ้าตะบึงไปถึงไหน
โอ้ความหนุ่มหนุ่มเช่นนี้ดีอะไร
ต่อเมือใดเย็นซึ้งจึ่งดีเอย

ความสาว
ความเอ๋ยความสาว
เหมือนไฟวาวแวบไหวให้เห็นแสง
คือเฝ้าแต่งไปท่าเดียวทั้งเขียวแดง
ตั้งหน้าแข่งกันจริง ๆ กว่าสิ่งใด
ถึงงามรูปงามทรัพย์และงามวิทย์
ไม่สนิทเหมือนงามธรรมจรรยาได้
หรือธรรมชาติสร้างเพื่อตกแต่งไป
จะหยุดได้ต่อแก่เฒ่าหรือเจ้าเอย

ความคนอง
ความเอ๋ยความคนอง
ถึงในห้องก็กล้าเข้าหาได้
แม้ฝนตกฟ้าร้องให้ก้องไป
ถ้าลงได้คึกคนองไม่ต้องกลัว
เมื่อคิดไปใยคนองแต่ต้องหอ
มัวกก กอ นัวเนียเรื่องเมียผัว
ไยมิลอง"คนองธรรม"บำเพ็ญตัว
ให้หยุดรัวระริกเร้านะเจ้าเอย


ความขวนขวาย
ความเอ๋ยความขวนขวาย
กระทั่งตายมิเห็นหยุดทรุดนั่งนี่
ไหนอยู่ไหนขีดเพียงพอขอดูที
อ้อไม่มีดอกหรือเจ้าเราขอบใจ
บอกตรง ๆ เช่นนี้มีทางช่วย
ให้สดสวยเย็นฉ่ำกว่าน้ำไหล
คือขวนขวายสัจจธรรมที่ล้ำนัย
มาใส่ใจบ้างซิเจ้าไม่เศร้าเอย

ความทะยาน
ความเอ๋ยความทะยาน
มีประจำสันดานไม่หลุดถอน
มันร่านหาสิ่งใหม่สวยตราบม้วยมรณ์
ไม่พักสอนป่วยการร่านเป็นเอง
ยามตายก็เป็นสหายเพื่อนจุติ
เที่ยวร่านริกันใหม่ใจเขย่ง
ชะเง้อหาใหม่เรื่อยไปไม่หมดเพลง

ความกิน
ความเอ๋ยความกิน
เป็นทาสลิ้นดิ้นรนขวนขวายหา
กินแปลก ๆ แผกชนิดคิดขึ้นมา
เพื่อตัณหาหรือเพื่อเนื้อหนังตัว?
ชอบรสแปลกและพร่ำเพรื่อ
"อยู่เพื่อกินมิใช่กินเพื่ออยู่"ดูน่าหัว
ถ้ากินเพื่อใจผ่องใสไม่ขุ่นมัว
เพียงกายว่องคล่องตัวชั่วไหมเอย?

ความอยู่
ความเอ๋ยความอยู่
เพื่อหราหรูอวดกันกระนั้นซิ
เข้าชมตัวมัวแย้มแก้มแทบปริ
อุตริจริงหนอเจ้าน่าเศร้าใจ
อยู่ในโลกเอาโลกแหละเป็นครู
อยู่เพื่อรู้ความจริงดอกจะบอกให้
ถ้าหลงโลกก็หมุนติดกับโลกไป
จะหยุดได้ต่อเมื่อไรไม่เห็นเอย

ความสุข
ความเอ๋ยความสุข
ใคร ๆ ทุกคนชอบเจ้าเฝ้าวิ่งหา
"แกก็สุขฉันก็สุขทุกเวลา"
แต่ดูหน้าตาแห้งยังแคลงใจ
ถ้าเราเผาตัวตัณหาก็น่า "สุข"
ถ้ามันเผาเราก็ "สุก" หรือเกรียมได้
เขาว่า "สุข สุขเน้ออย่าเห่อไป
มันสุขเย็นหรือสุกไหม้ให้แน่เอย

ความทุกข์โศก
ความเอ๋ยความทุกข์โศก
ของมีอยู่คู่โลกอย่าสงสัย
ยังหลงมัว"ตัวตน"อยู่กลใด
เป็นต้องได้โศกแน่แม้แต่ลอง
ทุกสิ่งสรรพเกิดดับอยู่ตามธรรม
ใจเจ้ากรรมเข้ารับเอาเป็นเจ้าของ
ต้องพลอยเข็ญพลอยทุกข์ทุกทำนอง
แล้วแต่ของของ "ตน"เป็น เช่นไร เอย

ความเจ็บไข้
ความเอ๋ยความเจ็บไข้
มันมีไว้ทุกข์กันเล่นเช่นนั้นหรือ?
อ๋อมิใช่มีไว้เพื่อฝึกปรือ
ให้รีบรื้อความรู้ขึ้นสู่ตน
คืออย่าง่านนาน ๆ ผ่านมาครั้ง
คิดดูมั่งวันสบายมากหลายหน
ถ้ามิชอบแก่เจ็บตายและว่ายวน
จงรีบค้นพระนิพพานอย่าคร้านเอย

ความแก่
ความเอ๋ยความแก่
เป็นเพื่อนแท้ของความตายไม่หน่ายหนี
เมื่อความแก่ล่วงกาลมานานปี
ก็มอบเวนหน้าที่ให้ความตาย
ไม่ยกเว้นใคร ๆ ไม่ลำเอียง
มิให้ใครหลีกเลี่ยงหรือเถียงได้
เพราะฉะนั้นเราท่านทั้งหญิงชาย
รีบทำดีก่อนตายให้มากเอย

ความรู้สึก
ความเอ๋ยความรู้สึก
ได้สำนึกเมื่อใกล้ตายนี่หนอ
เวลาเหลือน้อยกระไรแทบไม่พอ
มัวรีรอเห็นจะแย่แน่ละเรา
ทำอย่างใดใจเย็นแสนจะเย็น
ต้องรีบเฟ้นใส่ตัวไม่มัวเขลา
พบให้ได้ก่อนตายไม่ตายเปล่า
ไม่เกิดเปล่าเปลืองเปล่านะเราเอย

ความตาย
ความเอ๋ยความตาย
สิ้นชื่อหายเพราะไม่มีความดีเหลือ
คือตายเน่าตายหนอนเป็นบ่อนเบือ
น่าเหม็นเบื่อตายเช่นนี้ดีอะไร
ถ้าตัวตายไว้ลายให้โลกเห็น
ก็เหมือนเป็นอยู่คู่หล้าอย่าสงสัย
ตายแต่เปลือกเยื่อในอยู่คู่โลกไป
เป็นประโยชน์แก่ใคร ๆ ไม่สิ้นเอย

ความเกิดใหม่
ความเอ๋ยความเกิดใหม่
เกิดทำไมกันอีกเล่าเราฉงน
เกิดเพื่อวิ่งแข่งกันใหม่ใช่ไหมคน
ที่ยากจนยิ่งอยากลองเกิดปองรวย
ที่มั่งมีอยากทวียิ่งขึ้นไป
เผลก็ไพล่มาต้นแถวแล้วคิดขวย
ต้องเกิดใหม่ใหลหลงจนงงงวย
"ไม่รู้ด้วย เกิดทำไมไม่คิดเอย"

ความหลง
ความเอ๋ยความหลง
เกิดในกรงตายในกรงไม่ทายได้
ว่าถ้าตนพ้นออกนอกกรงไป
จะสุขศานติ์ ปานใดไม่เคยคิด
"แสงสว่างบังลูกตา"น่าขบขัน
เราติดมันกลับเห็นเป็นมันติด
อันหนอนพริกว่าพริกเย็นไม่เป็นพิษ
ร้อนสักนิดใครว่าร้อนห่อนเชื่อเอย

ความว่ายเวียน
ความเอ๋ยความว่ายเวียน
เพียงแต่เปลี่ยนกายดอกจะบอกให้
ดวงกมลทนระกำอยู่ร่ำไป
เปลี่ยนฉากใหม่เรื่องเก่าเศร้าเช่นเดิม
ความอยากร่าน หาญเหิมเพิ่มทุกชาติ
เหมือนยิ่งสาดน้ำมันใส่ให้ไฟเหิม
เมื่อ"ไฟ"อ่อนหย่อนไป ใส่"ฟืน" เติม
เฝ้าส่งเสริมความใคร่ว่าไป เอย

ความตรัสรู้
ความเอ๋ยความตรัสรู้
หยุดเวียนว่ายคล้ายครูผู้ชี้เช่น
คือรู้ชัดเกิดแก่ตายฝ่าย"ลำเค็ญ"
อวิชชาตัณหาเป็น"ผู้ปลูกทุกข์"
ฆ่าตัณหานายช่างให้วางวาย
อวิชชาดับหายก็ลุสุข
มรรคมีองค์แปดประการ"ทางผ่านทุกข์"
ไปสู่สุขคือฆ่าตัณหาเอย

ความหลุดพ้น
ความเอ๋ยความหลุดพ้น
หลังจากด้นค้นหามามากหลาย
ได้ผ่านด่านพ้นการต้องเกิดตาย
เพิ่งสมหมายได้บัดนี้ดีใจรับ
อวิชชาดับแล้วเห็นตามเป็นจริง
ว่า สรรพสิ่งผูกเราเพราะเราจับ
มากอดรัดด้วยดวงใจไว้กระชับ
เดี๋ยวนี้กลับตรงกันข้ามงามนักเอย

ความหยุดแล่น
ความเอ๋ยความหยุดแล่น
เคยอกแอ่นวิ่งว่ายมิได้หยุด
ในบัดนี้ไม่มีที่ซึ่งอยากหยุด
เพราะใจหลุดจากโลกไม่แล่นตาม
บัดนี้เหยื่อโลกนั้นเป็นหมันเปล่า
สำหรับเราล่อไม่จับไม่วับหวาม
เจ้าแม่เอ๋ยความหยุดได้ไม่มีความ
เกี่ยวเกาะกามนี้เย็นเหลือทุกเมื่อเอย

ความไม่เกิด
ความเอ๋ย ความไม่เกิด
เพราะความรู้ อันประเสริฐ ไม่ใหลหลง
รู้ว่าเกิด มาเพื่อเรียน ให้รู้ตรง-
ที่ไม่หลง ใหลเกิด เตลิดไป
ความเยือกเย็น สูงสุด หยุดอยู่ที่
ความไม่มี เหตุให้ เกิดไปใหม่
ถ้ามีเหตุ ให้เกิด อยู่เพียงใด
ต้องเกิดไป ทนไป ไม่เว้นเอย

พระนิพพาน
พระเอ๋ย พระนิพพาน
คือความผ่าน ไปกระทั่ง ถึงฝั่งฝา
แห่งห้วงน้ำ ความทุกข์ ซึ่งบุกมา
มิรู้ว่า กี่ชาติ อนาถหนัก
เคยเหยียบซ้ำ รอยเก่า ไม่ก้าวไป
บัดนี้ได้ ชำนะทุกข์ สุขใจนัก
แต่นี้ไป แม้ใคร จะชัง รัก
ใครหนอจัก จับเราได้ ไม่เห็นเอย

เชิงอรรถ
ใจเล็ก หมายถึงรู้สันโดษ ข่มตัณหาที่กระพือไม่มีขนาดวัดได้
ตัณหา หรือความทะยานของสัตว์เป็นเหตุให้ถือปฏิสนธิใหม่
มาต้นแถว คือ กลับทรุดใหม่
ฉากใหม่เรื่องเก่า คือ เกิดมาชาติไร ก็แสดงเรื่อง "ยึดตัวตน" ทุกชาติจนกว่าจะหยุดแสดง
คล้ายครู คือ คล้ายพระพุทธองค์
สุขในที่นี้ หมายถึง พระนิพพาน เป็น อสังขตธรรม จึงว่าลุ ไม่ว่าเกิด เพราะใครทำพระนิพพานให้เกิดขึ้นด้วยการกระทำของตนไม่ได้ พระนิพพานมีอยู่เองก่อนแล้ว

เป็นบันทึกหลังจากไปบวชระยะสั้นของผมครับ

19 January 2010 - 12:24 AM

หลังจากที่ไปเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์กับเค้าตามแบบชายไทยชาวพุทธมาแล้ว
หลังจากผ่านชีวิตนาค ที่ไม่มีสีกาให้สั่งก่อนบวช
เวลาผ่านไป 1 เดือน ที่บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ(ก็อยู่วัดนี่ครับ)
ลูกผู้ชาย สิ่งที่เป็นหน้าที่โดยเฉพาะชายไทยก็ไม่พ้นอย่างแรกก็เกณฑ์ทหารรับใช้ประเทศชาติตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน อย่างที่สองก็คือการบวช เพื่อทดแทนพระคุณพ่อแม่ที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูมา อย่างที่สามก็คือการแต่งงานมีครอบครับเป็นฝั่งเป็นฝา
ครับผม คือว่า ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ช่วงซัมเมอร์ ผมคงได้เปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างในชีวิต
คือว่า จากที่เคยสะพายกีตาร์มาสะพายบาตรแบกกลด จากที่เคยหอบกระเป๋าเดินทางต้องมาสะพายย่ามสีเหลือง จากที่เคยเล่นกีตาร์ร้องเพลงต้องมาพนมมือสวดมนต์ จากที่เคยใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีสวยกางเกงยีนส์ตัวเท่และผ้าพันคอต้องมานุ่งผ้าห่มผ้าสามผืน จากทรงผมเท่ๆ เซอร์ กลับต้องตัดโล้นเกลี้ยงโกนคิ้ว จากที่เคยเดินเที่ยวตามห้างท่องไปตามขบวนรถไฟสายอีสานใต้ตามงานต้องมาเดินธุดงค์ ก็สรุปเลยนะครับว่า
โครงการธรรมทายาทที่ผมเข้าร่วม สร้างพระให้เป็นพระแท้
โครงการที่ทำให้พระสงฆ์องคเจ้าผู้เป็นเนื้อนาบุญของโลกถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกันนับแสน เป็นปรากฏการณ์อันน่าประทับใจที่ครั้งหนึ่งเราเคยมีส่วนร่วม อันนี้กำลังจะถึงในไม่ช้านี่เอง
เอาเป็นว่า ผมคงต้องลาอุปสมบทล่วงหน้าในซัมเมอร์นี้อีกหน
การบวช บวชเพื่อสนุกรึเปล่าครับ บวชตามหมู่บ้าน บรรดาไอ้ทิด 7 วัน 15 วันทั้งหลายน่ะ งานบวชส่วนใหญ่ครับอยากจะบอกว่า มีทั้งฆ่าหมู ไก่ วัว เพื่อเลี้ยงฉลอง เหล้าเบียร์เพียบ เมากันทั้งบ้าน เอาล่ะครับ งานบวชเห็นแก่กิน พ่อแม่บางคนเป็นหนี้สินเพราะบวชลูกชาย การบวชที่แท้จริงครับ ต้องรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ นาคเองเมื่อปลงผมแต่งชุดนาคแล้วควรจะรักษาศีล 8 ไม่ควรฆ่าสัตว์หรือเลี้ยงเหล้าในงานบวชเลยเพราะอกุศลกรรมจะตัดรอนบุญไปเยอะ ลูกบางคนถ้าไม่ฆ่าวัว ไม่จ้างหมอลำ ไม่เลี้ยงเหล้าเพื่อนฝูง จะไม่บวช เวรตะไลครับ จ้างมหรสพมา เท่าที่เห็น คนดีกัน ฆ่าฟันกัน ยิงกันตายในงานบวช มันได้บุญเหรอครับ มันเองก็บางที โกนหัวแต่งชุดนาคแล้ว เพื่อนๆ ก็รินเหล้ายื่นให้ นาคเมาตลอดงาน ขนาดแห่นาคขี่คอรอบโบสถ์ยังไม่วายรินเหล้ากันในโบสถ์อีก นาคเมาตลอดจนเข้าโบสถ์ คงสร่างเมาก็โน่นแหละ เช้าวันหลังบวชเสร็จแล้ว
ก็ขอให้ท่านผู้อ่านลองคิดดูดีๆ ในการสร้างกุศล อย่าทำตามประเพณีมากนัก ไม่ใช่เหมือนเห็นไม้ต้นไหนในป่าเขาบอกว่าทำเสาบ้านก็จะเอาหมดไม่ดูว่าต้นอะไร เอาต้นกระถินมาทำเสารึเปล่าล่ะครับท่าน
การบวชควรรักษาศีลให้บริสุทธิ์ทั้งเจ้าภาพและนาคและแขกร่วมงาน รวมทั้งสำรวมและงดเว้นอบายมุข
เพื่อกุศลและให้พระได้เป็นพระแท้
หลังบวช ไม่ควรอยู่วัดไปวันๆ กินแล้วก็นอนโดยมีแนวคิดว่าบวชล้างบาป หรือบวชเอาบุญ ควรจะศึกษาธรรมะและปฏิบัติธรรมภาวนาด้วยนอกจากกิจของสงฆ์ที่มีกำหนดทำอยู่แล้ว
เห็นคนไทยหลายคนเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนาลงไปมาก ขนาดไม่พอใจพระบิณฑบาตหาว่าพระขอทาน ขับรถไล่เหยียบ อันนี้ข่าวช่งหนึ่งที่ผ่านๆ มา ด่าคนอื่นที่เขาใส่บาตรพระว่า เอาข้าวปลาที่หาลำบากไปใหหัวโล้นกินทำไม พวกมันไม้รู้จักทำมาหากิน พวกหัวโล้นกินแล้วมันก็นอน
พวกบาปหนา นรกกินกบาล พวกเปรตดิบ หูกะทะ ธรรมะลอดหมด

เล่ามานาน
สุดท้ายนี้
ขอให้อำนาจพุทธานุภาพ องค์พระธรรมกาย พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ คุณยายมหาอุบาสิกา และพระเดชพระคุณหลวงพ่อ จงดลบันดาลให้ท่านผู้อ่าน(ที่หลงเข้ามาและทนอ่านจนจบ) จงประสบความสุขความเจริญทั่วหน้ากันทุกคนเทอญ


ปณิธานสุดท้ายจริงๆ หลังเรียนจบผมคงต้องตัดตรงเข้าทางธรรม บวชอุทิศชีวิตถวายพุทธบูชาครับ


และจะศึกษาทางนักธรรมและเปรียญธรรมให้ได้สูงสุดครับ
และจะออกจากวัดเดินธุดงค์ตามลำพังเพื่อโปรดสัตว์ อันตรายแค่นี้ถ้าผมกลัว จะเอาบารมีมาจากไหนครับ


เขาว่ากันว่า ใครที่บวชแล้วสึกหลายครั้งมักจะบ้า

28 December 2009 - 05:42 AM

เห็นเขาพูดกันแถวบ้านและแถวมหาลัยขอผมครับว่าใครที่บวชแล้วสึกและกลับไปบวชอีกมักจะกลายเป็นคนบ้าเพี้ยนไม่สมประกอบ
เพราะบวชแล้วสึกบ่อย
ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรครับ
แล้วทำไมคนเราถึงเชื่อถือประเพณีมากกว่าคำสอนที่ถูกต้องของศาสนาครับ
เช่น งานบวชจัดงานฉลองมรสพการละเล่นละเลี้ยงสุราเมรัย
เพื่อนผมคนหนึ่งเขาพูดว่า งานบวชเขาต้องมีเหล้า เพื่อจะได้มีหน้าตาในสังคม ต้องฆ่าสัตว์ เพราะถ้างั้นพ่อแม่จะกินอะไร
และเพื่อนคนนี้เป็นคนชอบเลี้ยงกุมารทอง ชองเรียนคาถาไสยศาสตร์ ชอบเล่นดนตรีไทยเรียนของด้วย
มันจะเชื่อค่านิยมสังคมไทยมากกว่าคำสอนพระพุทธเจ้าครับ
ผมจะมาบวชธรรมทายาทอยู่แล้ว เขาก็ว่าไอ้ชายสามโบสถ์ เพราะปิดเทอมครั้งก่อนผมเคยบวชธรรมยุตที่วัดในหมู่บ้านมาแล้วแต่ผมศรัทธาอยากมาธรรมทายาทและในที่สุดหลีงลาสิกขาไป ก็กลับมาเรียนอีก 2ปีให้จบแล้วจะกลับมาโครงการบวชอุทิศถวายเป็นพุทธบูชาเลย ไม่ลาสิกขาอีกต่อไปแล้ว แต่เพื่อนๆ มักจะล้อ ว่า บ้าผ้าเหลือง บวชมากเดี๋ยวบ้า เดี๋ยวชีวิตตกต่ำ ทำมาค้าขายไม่ขึ้น
อยากรู้นักว่าคำวกนี้ใครสอนครับ