ไปที่เนื้อหา


usr34015

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 28 Mar 2010
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Jul 11 2011 09:25 PM
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

ขอคำอธิบายจากผู้รู้เพิ่มเติม

28 March 2010 - 08:23 PM

ขอคำอธิบายจากผู้รู้เพิ่มเติม ไปอ่านเจอมา
นิมิตจำแนกได้ ๒ ส่วนคือนิมิตภายนอก กับนิมิตภายใน นิมิตภายนอก ได้แก่สิ่งที่จิตไปรู้ไปเห็นเข้าโดยสิ่งนั้นมีอยู่จริง มาปรากฏให้รู้ให้เห็นจริงๆ ส่วน นิมิตภายใน เป็นสิ่งที่จิตคิดนึกปรุงแต่งขึ้นเอง การจำแนกว่านิมิตที่เห็นนั้น เป็นนิมิตภายนอกหรือนิมิตภายใน กระทำได้โดยย้อนเข้ามารู้จิตผู้รู้ เมื่อย้อนเข้ามาถึงจิตผู้รู้แล้ว เวลาที่ย้อนกลับออกไปรู้นิมิตนั้น หากเป็นนิมิตภายนอก เช่นโอปปาติกะมาขอส่วนบุญ หรือขอฟังธรรม ภาพของโอปปาติกะนั้นจะยังคงอยู่ แต่หากนิมิตนั้นจิตปรุงแต่งขึ้นเอง พอย้อนออกจากจิตผู้รู้ จะไม่พบเห็นสิ่งที่จิตสร้างขึ้นมาอีก เพราะการย้อนเข้าไปรู้จิตผู้รู้นั้น ได้ทำลายความปรุงแต่งของจิตเสียแล้ว

นักปฏิบัติในขั้นเริ่มแรกจำนวนมากหลงวุ่นวายอยู่กับเรื่องนิมิต สนใจไต่ถามแต่เรื่องนิมิต บางคนปฏิบัติเพื่อนิมิตก็มี เช่นปฏิบัติเพื่อจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้าในนิพพาน หรือไปไหว้พระจุฬามณีบนสวรรค์ บางคนปฏิบัติเพื่อจะเห็นดวงแก้วบ้าง เห็นพระพุทธรูปในกายบ้าง สิ่งเหล่านี้ยังหาสาระแก่นสารไม่ได้ ถือเอาเป็นสรณะใดๆไม่ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่ถูกรู้ เป็นของแปลกปลอม เป็นสิ่งที่เกิดๆ ดับๆ ไม่ช่วยให้พ้นทุกข์ได้จริง


ผู้ปฏิบัติไม่ควรตื่นเต้นกับสิ่งที่ถูกรู้ เพราะสาระแก่นสารของการปฏิบัติอยู่ที่ จิตผู้รู้ จึงควรสนใจที่จะศึกษาเรื่องจิตผู้รู้ ยิ่งกว่าเรื่องสิ่งที่ถูกรู้ ได้กล่าวไว้ในตอนต้นถึงเรื่องการรู้เห็นโอปปาติกะ แท้จริงโอปปาติกะเป็นเรื่องธรรมดามาก พระพุทธเจ้าก็ทรงกล่าวถึงโอปปาติกะอยู่บ่อยครั้ง ผู้ปฏิบัติไม่ควรปฏิเสธ แต่ก็ไม่ควรให้โอปปาติกะมาเป็นเจ้าหัวใจ สิ่งที่ควรทำเมื่อพบโอปปาติกะคือการแผ่เมตตา และหากไม่ต้องการพบโอปปาติกะ ก็จงอย่าเผลอตัวส่งจิตออกนอก "
จาก http://wittawatpage....ndex03_01.shtml
พอคลิกไปอ่านต่อปรากฎว่าไม่ได้ เลยงง ว่าถ้านั่งให้เห็นองค์พระแล้ว ประโยชน์มันคืออะไร นอกจาการมีสมาธิที่นิ่ง เราไม่ควรยึดติดใช่ไหม รบกวนผู้รู้หน่อยคะ เด็กใหม่หัดนั่ง+ยังไม่ค่อยเข้าใจมากพอ