ไปที่เนื้อหา


NooF ประตูน้ำ ภาค 7

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 17 Jun 2010
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Mar 19 2011 11:17 AM
-----

โพสต์ที่ฉันโพสต์

ในกระทู้: ทางเลือกที่เหมาะสม(สำหรับคุณตำรวจรักบุญ)

09 November 2010 - 12:34 PM

"ตนทำบาปก็ได้รับทุกข์เอง ตนทำบุญก็ให้ความสุขแก่คนนั้น บุญบาปเป็นของเที่ยงแท้แน่นอน ใครทำบาป บาปย่อมให้ผล ใครทำบุญกุศล บุญกุศลย่อมตามให้ผล แต่บางอย่างบางประการนั้น ไม่ทันกับใจกิเลสมนุษย์ ก็เลยเข้าใจว่าทำบุญก็ไม่เห็นผล แต่ว่าบาปไม่ทันก็เห็นผล"

ในกระทู้: กฐิน ๑๐๑ ปี คุณยายฯ ณ dmc.tv

08 November 2010 - 08:08 PM

ขออนุโมทนาบุญกับผู้มีบุญทุกท่านด้วยนะครับ

ในกระทู้: มีดวงตาเห็นธรรม กับ เข้าถึงพระธรรมกาย

01 November 2010 - 01:55 AM

ขออธิบายด้วยความเข้าใจของตนเองที่ได้ร่ำเรียนฟังมาจากครูบาอาจารย์และมาปฏิบัติด้วยตนเอง

สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา รูปกับนาม ขันธ์5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)
สัตว์ บุคคล ประกอบด้วยรูปกับนาม มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น และมีความแปรปรวนไป ที่สุดก็มีแต่ความแตกสลายเป็นธรรมดา
วิปัสนาปัญญา ซึ่งเห็นความเกิดขึ้นความดับไปของรูปนาม ทุกขณะจิต ว่ามีความเกิดดับอยู่ทุกเวลา นี้คือดวงตาเห็นธรรม
ลองหาบทธรรมจักรฯ ที่แปลมาอ่านดูก็ได้ครับมีอธิบายเรื่องนี้อยู่ในนั้น



ส่วนเข้าถึงพระธรรมกายเหมือนกันครับ เมื่อถึงขั้นวิปัสนาก็จะมีดวงตาเห็นธรรม แต่เป็นทางปฏิบัติต่างกันไปตามสำนัก
ต้องเข้าใจก่อนว่า ในขั้นต้นๆของวิชชาธรรมกาย เป็นขั้นสมถะยังไม่เกิดดวงตาเห็นธรรมได้ซะทีเดียว แต่เกิดความสงบ จนละจากนิวรณ์ทั้ง 5
ใจที่ดิ้นรน ทำให้มาหยุดมานิ่งกับดวงแก้ว หรือองค์พระใสๆ ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง นิ่งอย่างเดียว ^^
ถ้าจำไม่ผิดที่หลวงปู่สอนไว้ น่าจะเป็นกายที่ 8 ขึ้นไป จึงเป็นขั้น วิปัสนา (ถ้าผิดขออภัยด้วยครับ)


ขอเพิ่มตรงนี้นิดนะครับ ในนี้ในด้านของเหตุว่าทำไมเป็นวิปัสนาได้ยังไง

หลายๆคนที่ชอบบอกว่านั่งแบบนี้มันจะขึ้นวิปัสสนาได้ยังไง ก็ลองไปรู้ไปเห็นบางสิ่งด้วยวิชชาธรรมกาย
เอาเป็นว่า ฝันในฝันไปรู้ไปเห็น นรกสวรรค์ เห็นเทวดา เปรต สัตว์นรก เห็นการเวียนว่ายตายเกิด
เช่น เห็นการเวียนว่ายตายเกิดของตนเองมานับพันชาติ แล้วพิจรณาเห็น ภัยในการที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด

แม้จะได้กลับมาเกิดเป็นเศรษฐี ก็ต้องเริ่มจากเป็นเด็ก มาเป็นผู้ใหญ่ ต้องผ่านการเจ็บ ป่วย อุบัตติเหตุ ถ้าใช้ชีวิตพลาดก็ไปอบาย
ใช่ว่าจะมีความสุข ไอที่สุข ก็สุขเวทนา คือ กินอิ่ม ได้สิ่งอันเป็นที่รัก แต่ล้วนก็หมดไป ต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักเป็นธรรมดา
เห็นว่าร่างกายนี้เหมือนยืมโลกมาใช้วันนึงก็ต้องคืนไป บางทีก็เป็นสัตว์ เป็นคน เป็นหญิง เป็นชาย ฯลฯ
ตัวร่างกายเราแท้จริงเหมือนไม่มีอะไรเลยที่เป็นของเรา เกิดมาเปลี่ยนกายใหม่ก็ลืมทุกอย่าง
เมื่อพิจรณาเห็นไตรลักษณ์ เห็นทุกอย่างตามความจริงเมื่อรู้เห็นด้วยตนเองเชื่อว่าผู้ที่เข้าถึงทุกคน ย่อมมีดวงตาเห็นธรรม


ขออธิบายล้อมคอกนิดนึงนะครับเดี๋ยวจะมีคนเข้าใจบางอย่างผิด
ถ้าจากคำตอบข้างบน อาจมีคำถามว่า แล้วจะมาเกิดอีกทำไม ไม่ไปนิพพาน ทำไมถึงจะไป ดุสิตบุรี
อันนี้ละไว้ในอีกทางนึงครับ คือทางนักสร้างบารมี ผู้มีความเสียสละเด็ดเดี่ยวร่วมกับหมู่คณะ ที่จะรื้อสัตว์ขนสัตว์
เพราะฉะนั้น คำอธิฐานก็เหมือนการวางผังชีวิตในภพต่อไปจึงมีความจำเป็นด้วยความไม่ประมาทและแน่วแน่เพื่อจะไปถึงที่สุดแห่งธรรม

ในกระทู้: ไม่อยากจะถามเลย

21 October 2010 - 09:56 PM

กฐินแท้เทียม ต่างกันที่ผู้ทำครับ บุญเกิดกับผู้ให้
ถ้าบอกว่า กฐิน ต้องเป็นแบบนี้ 1 2 3 4
ทีนี้ก็จะไปนั่งจับผิดว่า ตรงมั้ย มีอะไรเพี้ยนไปนิดหรือไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ ก็ขุ่นใจ
ความคิดมันห้ามกันไม่ได้ แต่เราฝึกมันได้ ใจที่ฝึกมาดีแล้วย่อมขจัดความสงสัยออกไปได้ ^^

กฏแห่งกรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก แค่สงสัยก้เป็นมโนกรรม
เพราะพระสงฆ์ และพิธีที่ไปร่วม เป็นที่ตั้งของศรัทธา

ถ้าให้แล้วต้องให้ให้ขาด คือ ปัจจัย ออกจากมือ เราให้แล้วไม่ใช่ของเรา แต่บุญเป็นของเรา


ส่วนกฐินคืออะไร ดูได้ที่ link นี้ครับ
http://www.dmc.tv/in...e=kathina01.wmv

ในกระทู้: หนูสับสนมากค่ะ

21 October 2010 - 10:26 AM

QUOTE
หนูไม่เข้าใจเลยนะค่ะ ว่าทำไมเพื่อนของหนูถึงได้เปลี่ยนไปมากเลยนะค่ะ หลังจากที่บุคคลอันเป็นที่รักของเค้าเสียไป
หนูก็เข้าใจว่า เค้ามีธุระทางบ้านเยอะ ทำงานเยอะ จนไม่มีเวลาให้กับหนูอีกเลย บางครั้งหนูโทรไปหาเค้าก็มักบอกว่าไม่ว่าง
ที่เวลาเค้าว่าง ก็มัวแต่เล่นคอมไม่สนใจหนูเลยย เวลาทะเลาะกันเค้าก็เริ่มพูดจาหยาบคายกับหนู และชอบพูดแช่งครอบครัวของหนู
หนู ไม่เข้าใจเค้าเลยว่า ทำไมต้องพูดแบบนี้ หนูรู้สึกเสียใจมากๆๆ เลยค่ะ จนมาถึงตอนนี้หนูเริ่มปลงแล้วนะค่ะ ว่าเค้าไม่ใช่คนที่ดีเหมือนที่หนูคิด
แต่หนูยอมรับว่า เค้าเป็นคนเก่ง มีความเป็นผูนำ ชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่เค้ามักชอบพูดจาไม่ดี(แบบหมาๆๆ) บางครั้งเค้าก็มักดูถูกหนู
ว่างานอดิเรกดูแลสัตว์ของหนูไร้สาระ หนูรู้สึกเสียใจมากค่ะ จนหนูรู้สึกเบื่อมากๆๆ

ตอนนี้หนูเริ่มคิดได้ว่าหนูควรทำตัวใหม่อย่างไรที่จะได้หลุดพ้นจากความทุกข์นี้ค่ะะ


น้องครับนี่หละคือธรรมมะ

คนๆนึงไม่ใช่ของเรา การที่เราทำดีกับคนๆนึง เพราะเรารักตัวเอง อยากให้บุคคลอันเป็นที่พอใจอยู่ใกล้ๆเรา
น้องบอกว่า เพื่อนเปลี่ยนไป เป็นธรรมดาครับ ทุกๆคน ย่อมเปลี่ยนไป ยิ่งเราอยากให้เค้าเป็นอย่างที่เราหวัง
เป็นอย่างเดิมที่เขาเป็น เราย่อมทุกข์ เพราะก่อนหน้าจะพบกัน เค้าก็ไม่ใช่ของเรา
อย่าไปยึดมั่นในคนสัตว์สิ่งของ เพราะเหล่านี้เป็นเหตุแห่งทุกข์ ถามว่าถ้าตายจากกันไปสัก 10 ปี ความรู้สึกยึดมั่นว่าเขาเป็นของเรามันอยู่อีกมั้ย..

ดูความจริงว่า แม้แต่ตัวเราก็เปลี่ยน ก่อนหน้านี้ไม่ยึดมั่นเค้าขนาดนี้ ทำไมวันนี้ เค้าไม่เป็นเหมือนเดิมเราทุกข์
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ พึ่งรู้จักกันวันแรก เราก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้ นี้ชี้ให้เห็นว่า ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

ทุกๆคนเป็นทั้งคนดีและคนเลว คนเลวเป็นคนดีก็ได้ คนดีวันนึงกลายเป็นคนเลวได้
ทุกๆวันของคนเรา ทุกข์บ้างสุขบ้าง(ถ้าตามความจริงในอริยสัจ มันมีแต่ทุกข์มาก กับทุกข์น้อย)

อยากหลุดพ้น ให้พิจรณาทุกวันดังนี้

- คนเราทุกข์เป็นขณะๆ เมื่อคิดถึงใครบางคน ไม่มีใครทุกข์ทั้งวัน เราทุกข์เมื่อเราคิด
เรามาดูกัน.. ทำไมทุกข์เพราะคิด เช่น คิดถึง น้องแมว ไอคิดนี่หละมันจะปรุงแต่งว่า
เคยทำอะไรกับน้องแมว สุขยังไงมาบ้าง นั่น.. ไปคิดถึงอดีต

- บางคนบอกว่า โอ้ยไม่จริง ชั้นทุกข์ทั้งวัน อย่างน้อยก็เกือบทั้งวัน
โถ... คุณน้อง แม้แต่คนอกหัก ไอตอนอกหัก หนะเกิดปวดท้องขึ้นมา
ปัดโถ่... ลืมเลยว่าทุกข์เพราะอกหัก จะปลดทุกข์วิ่งหาส้วมกันแทบไม่ทัน
ถ้าถ่ายเสร็จ ก็ทุกข์ต่อ เหตุนี้หละที่บอกว่า ทุกข์เป็นขณะๆ ทุกข์เมื่อคิด
ต่อให้วันนี้เค้าเลวแค่ไหน ไปคิดอดีตที่ดี มันก็เลยดักดาน โงหัวไม่ขึ้น เพราะ (คิด)

- พิจรณาดูความจริงว่า แม้แต่เรายังเปลี่ยนเลย จะเอาอะไรกับคนอื่น
ที่มันทุกข์หนะไปยึดมั่นกับบุคคลนั้น อยากให้เค้าดีกับเรา มันก็เลยทุกข์ มามองดูตัวเองดีกับตัวเอง นั่งธรรมมะ ใสๆ
อย่าบอกนะว่า มันทุกข์ เลยนั่งไม่ได้ ก็เพราะทุกข์นี่หละยิ่งต้องนั่ง อยู่กับคำว่าสัมมาอรหัง
แล้วดูว่า ใน 1 นาที ถ้าใจเราอยู่กับสัมมาอรหัง โดยไม่คิดเรื่องอื่น ทุกข์มันเบาไปมั้ย

- พิจรณาว่า โถ...ในชีวิตนึง เรามีเพื่อนมาแล้วกี่คน ทุกคนเมื่อถึงเวลาก็จากกันไป แล้วพบคนใหม่
ความพรัดพรากจากของรักนั้นเป็นทุกข์ แต่ก็หนีไม่พ้น ไม่จากเป็นก็จากตาย


การจะดับทุกข์ได้ เราต้องเห็นเหตุแห่งทุกข์
เราทุกข์ที่ไหน ..... แท้จริงมันทุกข์ที่ใจเรานี่หละ
ใจเรามันยึด เราก็ทุกข์ คนอื่นมันเป็นแค่สิ่งมากระทบ
แต่ตัวทุกข์จริงๆ มันมาจากใจ เพราะไปยึดมั่น ดับที่ตรงนั้นนะ ^^


เดี๋ยวจะยาวเกินไป เอาเป็นว่า ฝากไว้เท่านี้ก่อน


ขออนุญาตินำคำพูดของ แม่ชีทศพร ครูบาอาจารย์ของผมอีกท่าน ยกมาให้ฟังกันนะครับ ^^

คนบางคนผ่านมาแล้วผ่านไป

บางคนฝากร่องลอยไว้ ณ ดวงใจเนิ่นนาน

บางคนเพียงแว๊บผ่าน...อาจเปลี่ยนชีวิตคนบางคนตลอดกาล


การมาพบพุทธศาสนา ครูบาอาจารย์ และ กัลยาฯ นี่หละสำหรับผม คือการเปลี่ยนทุกสิ่งผมไปตลอดกาล