ไปที่เนื้อหา


usr35868

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 12 Aug 2010
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Sep 15 2010 04:06 PM
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

ภาคขยายของบทความจาก hi5 ครับ

13 September 2010 - 08:09 PM

ความเดิมตอนที่แล้วครับ

http://www.dmc.tv/fo...showtopic=23734

ความสุขของโลก ที่ใครๆ ใฝ่หา
จริงๆ แล้ว ก็อยู่ที่ใจผ่องใสของเรานี่เองครับ เอาใจไปอยู่กลางกาย ถ้าใจเราสงบเราจะพบทางออกดีๆ ถ้าทุกคนในโลกทำพร้อมกัน ผมหวังว่า จะไม่มีความวุ่นวายแก่งแย่งเกิดขึ้น
โลกนี้ในทุกอณูตางรางไมโครเมตร คงสัปปายะไปหมด คงไม่ต้องสร้าววัดพระธรรมกายให้ใหญ่โตเพราะไม่จำเป็น แต่นี่ต้องจำเป็นเพราะโลกเรายังขาดสันติภาพที่แท้จริง
คำว่าสันติภาพ เราพูดกันเพียงปะหน้า แต่ไม่มีใครเอาจริงซักที เราเคยจำได้ไหมว่าผู้เรียกร้องสันติภาพ เสรีและความสงบ ส่วนใหญ่ เป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน
ซึ่งบุคคลเหล่านี้ เป็นกำลังสำคัญด้านสมอง ซึ่งเราน่าจะรู้กันดีจากเหตุการณ์เมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบัน การศึกษาของคนหนุ่มสาวเยาวชน ต่างเป็นไปเพื่อความอยู่รอดของตัวเองเป็นหลัก สังคมจะเป็นอย่างไรช่างมัน เหมือนกับหุ่นยนต์ที่ต้องทำตามโปรแกรม
ชีวิตที่เป็นเพียงคนมีการศึกษาไม่ใช่ปัญญาชน เรียกได้ว่า พวกมนุษย์เศษเหล็กที่ถูกเขียนโปรแกรมว่าว่าต้องทำแบบนี้
ความเห็นแกตัวที่วีขึ้น จากความดิ้นรนในยุคข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ ข้าวยากหมากแพง เป็นเพราะคนอย่างเราใจแคบใช่ไหม เห็นแก่ตัว เอาแต่ประโยชน์ตน เศรษฐกิจถึงได้เป็นเช่นนี้เอง
นานเข้า อารมณ์ที่มาจากความไม่ได้ประโยชน์จากกิเลสสามตระกูล โลภะ โทสะ โมหะ ทำให้สั่งสมความทุกข์เข้าไว้ จิตใจยิ่งหยาบเข้า แผ่นดินเลยยิ่งตีกันฆ่ากันตลอด
การแก้ปัญหาศีลธรรมเพื่อสันติภาพ เริ่มต้นที่การศึกษา
การศึกษาไทยตอนนี้ครับ ผู้ปกครองเองก็ มันสอนลูกผิดๆ เรียนหนังสืออย่างดียวนะ ไม่ต้องทำกิจกรรม ต้องเป็นเด็กเรียน เรียนมากๆ นะลูกนะจะได้มีเงินทอง รถ บ้าน หรือ เกิดเป็นคนต้องแก่งแย่้งชิงดีและมีความทะเยอทะยาน ต้องมียศ
ทำไมเราต้องยัดเยียดกามกิเลสให้ด้วย
วิปริตกันจริงๆ พวกแก่ๆ วัยทองสมัยนี้ แก่งั่กขนาดนี้แล้วยังกิเลสหนาขึ้น แทนที่จะปลงกับชีวิต
ตัวเองไมสามารถสนองตัณหาตัวเองได้ ให้ลูกำต้องรับเคราะห์
สังคมเราจะเดินไปได้อย่างไร ในเมื่อสังคมไทยน้ำเน่าเช่นนี้ เรายังจะหาสันติภาพภายในได้หรือในเมื่อสังคมเราโสมมเช่นนี้
บอกตรงๆ ว่าเมืองไทยเรา ถ้าสังคมเราทุกวันนี้ดีจริง ปริรูปเทสจริง วงคาราวาน คาราบาว พงษ์สิทธิ์ หรือแม้แต่ในตะวันตก John Lennon คงไม่มีกึ๋นแต่งเพลงหรอกครับ เพราะเพลงเหล่านี้มักจะเล้่าเรื่องราว คาวๆ โสโครก ในสังคมได้ดี
สภาวะโลกจะร้อนเท่าไหร่ช่างมันครับ ถ้าใจเราใส และความใสนี้ติดต่อกันง่ายเหมือนไข้หวัดใหญ่ก็คงดีครับ ติดต่อกันแล้วมีแต่ความดี ไม่ใช่โรคพาลที่ระบาดรวดเร็วมาก
โรคที่แก้ไม่ตกในสังคมเราคือ โรคขาดสารอาหาร สารอาหารนั้นมีอยู่สามอย่างคือ ศีล สมาธิ ปัญญา
เราเป็นโรคอีกโรคหนึ่งเป็นกันมากคือ โรค กล้ามเนื้อให้กำลังบกพร่อง กำลังสามอย่างที่ว่าคือ ทาน ศีล ภาวนา
สอนกันแต่ให้แก่งแย่งกัน สอนให้แย่งกันมุดเขามหาลัย จบแล้วแย่งเข้าที่ทำงาน เหมือนกับเราเป็นแมงกุ๊ดจี่แย่งกองขี้ควาย แร้งแย่งซากศพ
สันติภาพที่แท้จริง เราต้องเติมสารอาหารที่ชื่อว่า ศีล สมาธิ ปัญญาให้เต็ม
รักษาโรคภูมิต้านทาน ที่ชื่อว่า ทาน ศีล ภาวนา ให้หาย
เพียงแค่นั้นครับ
อย่าเป็นคนหากินไปวันๆ กลับรังนอน ตื่นมาทำมาหากิน วัดหยุดพักผ่อนที่บ้าน ไม่ต่างจากนกกาเลย

บทความนี้ผมเขียนใน hi5 เนื่องในวันสันติภาพสากล

13 September 2010 - 02:56 AM

สวัสดีครับทุกๆ ท่าน กระผมเองก็ตั้งแต่เข้าวัดมานะครับ หลังจากที่ได้ศึกษาปฏิปทามหาปูชานิยาจารย์มาพอสมควร เห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่่านทำงานดานพระศาสนาเพื่อสันติภาพโลกมานาน
คำว่า สันติภาพ คำๆ นี้ที่มนุษย์ทุกชาติทุกศาสนา ต่างโหยหา ใฝ่ฝัน แต่ในโลกความเป็นจริงที่ไหนเล่าจะเป็นไปได้ โกลทุกวันนี้ การเข่นฆ่าแก่งแย่งแข่งขันที่มีมากขึ้น แข่งขันกันเรียนแล้วแข่งกันรวย มีแต่โทสะ โมหะ โลภะ ใส่แต่หน้ากัน เห็นการเข่นฆ่าทำร้ายกันเป็นเรื่องธรรมดา คำว่า สันติภาพ (Peace) เลยได้กลายเป็นความเพ้อฝันไป ความเจริญทางวัตถุนั้นไม่ได้หมายความว่าชีวิตคนจะดีขึ้นหรือจิตใจจะงดงามขึ้น มันอาจเป็นเพียงแค่ส่ิงอำนวยควมสะดวกทางกาย
ท่่านผู้อ่านครับ ท่านเองก็อยากจะให้โลกนี้มีแต่สันติภาพและความสงบสุขกัน ซึ่งมันอาจจะดูเหมือนเป็นนักฝัน เพราะในวันนี้ ความแตกแยกทางความคิด สังคม วัฒนธรรม ศาสนา ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะต่างฝ่ายต่างมีทิฐิ มีอัตตา กันอยู่ ดลกทุกวันนี้อาจเรียกได้ว่า ถูกมารยึดครองแล้ว ที่เราเล่ากันในการ์ตูนหลอกเด็กว่าปีศาจยึดครองโลกและมีฮีโร่มาปราบ ก็เหมือนกับเราทุกวันนี้ที่มารจะยึดครองโลก มันอาจจะยึดสำเร็จแล้วก็ได้ แล้วจะมีฮีโร่ไหนมีฝีมือมาปราบล่ะครับ
ภาวะโลกร้อน ร้อนภายนอก อาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ภาวะโลกร้อนภายในกายนี่สิ ควรต้องแก้ จริงๆ แหละครับแก้ภาวะโลกร้อนต้องแก้ที่ภายใน ใจของเราก่อน จริงไหมครับท่าน

พระพุทธศาสนา ทาน ศีล ภาวนา และ ศีล สมาธิ ปัญญา คือทางแห่งสันติภาพที่แท้จริง
ขอเกริ่นนำไว้ก่อนแล้วกัน แล้วต่อไปนี้ ผมจะขอกล่าวถึงว่า พระพุทธศาสนา เป็นศษสนาแห่งสันติภาพ ซึ่งเป็นคำกล่าวที่ยกย่องกัน และผู้ที่ทำให้คำนี้เป็นจริงได้คือพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงนี่เอง หลายปีที่ท่านได้ทุ่มเทเพื่อสร้างสันติภาพโลก ด้วยการฟื้นฟูศีลธรรมภายในใจ
เอาล่ะครับ สันติภาพที่แท้จริง อยู่ที่ไหน
คำตอบคือ มันอยู่ที่ใจเรา ถ้าเราทุกคนทำใจให้เป็นสุขได้ทั้งโลก อยู่ที่ไหนก็เป็นปฏิรูปเทส เป็นที่สัปปายะได้หมด คงไม่ต้องไปสร้างสถานที่ ธุดงคสถาน หรือวัดเพราะอยู่ที่ไหนมันก็มีความสุขมีสันติได้
แต่กระนั้น เห็นได้ว่า ที่เราต้องสร้างวัด สร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมเพราะโลกเราทุกวันนี้หาที่สบายและเหมาะสมยาก หากแม้นทุกอณูตารางไมโคเมตรของโลกเป็นสุข วัดพระธรรมกายคงไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดขึ้น และไม่จำเป็นจะต้องมีพื้นที่มากและศาสนสถานใหญ่โตคงทน แต่เพราะความเป็นโลกของเราในยุคนี้นั่นเอง ที่ทำให้เกิดความจำเป็นจะต้่องทำ และสำหรับผมเห็นว่าจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องทำต้องสร้างวัดเช่นนี้ เพราะความวุ่นวาย สกปรกโสมมในสังคมไทยทุกวันนี้
สันติภาพ จริงๆ แล้วควรเริ่มจากที่เราใจหยุดนิ่งก่อน ทำใจให้สงบ คิดดี ทำดี พูดดี ก่อนเป็นอันดับแรกครับ ทำใจให้เป็นระเบียบก่อน ความวุ่นวายในโลกนี้ ล้วนเกิดขึ้นจากกิเลสตัณหา และอบายมุข
นั่นคือสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง สงคราม ล้วนเกิดจาก โลภะ โทสะ และโมหะ ถ้าไปดูกันที่ต้นเหตุทั้งหมด สงคราม การแย่งชิง ล้วนแต่เกิดจากกิเลสสามตระกูลนี้ทั้งนั้น เกิดได้ทั้งจากการมีศรัทธาแต่ไร้ซึ่งปัญญาและการมีปัญญาแต่ขาดศรัทธา การยึดอัตตาว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นของเรา
ผมว่ามารคงยึดครองโลกสำเร็จ เราอาจกอบกู้เอกราชจากมารได้ โดยการทำใจให้เข้มแข็งจากภายใน ฝึกตนทนหิวบำเพ็ญตบะครับ
สุดท้ายนี้ขอฝากเป็นกำลังใจแด่หมูคณะทุกท่าน จงเป็นผู้มีสันติภาพจากภายในด้วยครับ จากที่หลายคนได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ คงน้อยนักที่ทราบกันว่า ผู้นำพาสันติภาพที่แท้จริงคือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่เอง
ปล. วันที่ 21 กันยายน ปี 2529 ที่องค์การสหประชาชาติประกาศให้เป็นวันสันติภาพสากลที่ผมเล่ามา ตรงกับวันเดือนปีเกิดของผมด้วยครับท่าน
เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ชมรมพุทธ เคยคิดอยากจะบวชตั้งแต่ห้าขวบ ปัจจุบันผ่านธรรมทายาทมาแล้วครับ รับปริญญาแล้วผมคงฉลองด้วยการบวชอุทิศชีวิตเพื่อพระศาสนาครับ

เนื่องในวันแม่แห่งชาติจึงได้นำเอาเพลงเกี่ยวกับแม่

12 August 2010 - 11:38 PM

ก็เนื่องจากสภาพสังคมปัจจุบัน
ครับผม
สังคม การศึกษา วัฒนธรรมทุกวันนี้
เลยได้เลือกเพลงนี้มาครับ



ให้รู้ว่ายังไงแม่ก็รักลูกเสมอครับ
ผม