ไปที่เนื้อหา


aizezy

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 27 Mar 2014
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด May 23 2014 05:30 PM
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

10 สิ่งยิ่งทำ ยิ่งทุกข์ !!

15 May 2014 - 02:11 PM

แนบไฟล์  105670.jpg   30.98K   27 ดาวน์โหลด

 

หลายคนชอบติดอยู่กับความทุกข์ ความเศร้า ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ขึ้นอยู่กับว่าเราจะจัดการความทุกข์นั้นได้มากน้อยแค่ไหน การมองโลกในแง่ดีกับตัวเอง และผู้อื่น เป็นหนทางแห่งความสุขที่ทำได้ไม่ยาก

 

ส่วนนี่คือ 10 ข้อที่ทำให้เราไม่มีความสุขได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงที่จะทำมัน

1.กังวลเกี่ยวกับเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้

บางเวลาที่เราทำอะไรผิดพลาดไป มันไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้ ก็ควรปล่อยไปไม่ควรเก็บมาคิดอีก ซึ่งบางครั้งการที่เราไม่ปล่อบวาง ก็ทำให้ไม่มีความสุขได้ ดังนั้นต้องเรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั้น แล้วทำให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป

2.ยอมแพ้กับเรื่องที่คิดว่ามันยากไป

คนมีความทุกข์ส่วนใหญ่ มีแนวโน้มละทิ้งอะไรง่ายๆ เมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเขาคิดว่ายากต่อการแก้ไข ลองตั้งสติและค่อยๆคิดแก้ไขไปทีละขั้น ทีละจุด เชื่อได้ว่าปัญหาที่ว่ายากก็สามารถแก้ไขให้ผ่านพ้นไปได้

3.เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในเหตการณ์ตึงเครียด

มีคนกล่าวไว้ว่าคนที่ชอบนำตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด มีแนวโน้มไม่มีความสุข ลองถอยออกมา 1 ก้าว แล้วมองหาเรื่องราวสนุกที่สามารถสร้างเสียงหัวเราะให้กับเราได้ จะได้รู้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแต่เรื่องทุกข์ เรื่องสุขก็ยังมีอยู่

4.ไม่ออกกำลังกาย

ยิ่งออกกำลังกายยิ่งทำให้ชีวิตดีขึ้น เพราะการออกกำลังกายเป็นช่วงเวลาที่เราได้ปลดปล่อย เป็นการปลดเปลื้องทุกข์ให้ออกไปพร้อมเหงื่อ และทำให้เราไม่ต้องคิดในเรื่องที่เราไม่สบายใจ ช่วยกำจัดความคิดด้านลบ และยังทำให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี

5.ตั้งจุดมุ่งหมายในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ทุกคนมีจุดมุ่งหมายเป็นของตัวเอง แต่บางครั้งจุดมุ่งหมายก็สูงเกินกว่าที่จะทำได้ และนั่นเป็นเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ได้เช่นกัน แต่ถ้าใครสามารถทำได้อย่างที่ตั้งหวังไว้ ก็เป็นเรื่องดีไป ดังนั้น เราควรตั้งความหวังแบบเผื่อใจ และต้องไม่เกินตัว รู้จักความสามารถของตัวเอง ไม่ต้องเสียใจเมื่อสิ่งที่หวังไว้ไม่เป็นดั่งหวัง จำไว้เพียงว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบมาตั้งแต่เกิด

6.ทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์

อาหารที่เรารับประทานเข้าไปนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้เราไม่มีความสุขได้ ดังนั้นการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีคุณค่าทางอาหารที่ครบถ้วน จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขออกมาได้

7.พักผ่อนไม่เพียงพอ

การนอนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การนอนในระยะเวลาที่พอเหมาะ ช่วยเพิ่มระดับความสุขในวันถัดไปได้ ทำให้สมองปลอดโปร่ง เกิดความคิดสร้างสรรค์ขณะทำงาน และอารมณ์แจ่มใส ไม่รู้สึกมึนงงระหว่างวัน

8.สนใจแต่ข้อด้อยจนมองข้ามข้อเด่นของตัวเองไป

คนไม่มีความสุขส่วนใหญ่เกิดจากการที่จมอยู่กับข้อด้อยของตัวเองมากเกิน จนมองข้ามจุดเด่นหรือข้อดีของตัวเองไป ลองมองในทางกลับกัน คิดแง่บวกและอย่าปล่อยให้คนที่จมอยู่กับความทุกข์มาฉุดให้เราต้องทุกข์ตามไปด้วย

9.ใช้ชีวิตในติดในโลกออนไลน์มากเกินไป

ข้อนี้จัดได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ เพราะปัจจุบันหลายคนชอบใช้ชีวิตแบบออนไลน์ ทำให้ได้เห็นชีวิตของเพื่อนด้วย และความทุกข์มักเกิดขึ้นทันทีเมื่อเราเอาชีวิตเพื่อนมาเปรียบเทียบกับชีวิตเรา เพื่อนได้งานใหม่ เพื่อนแต่งงาน เพื่อนมีลูก และอีกหลายๆอย่างที่พวกเขาชอบแชร์เมื่ออยู่ในช่วงเวลาแห่งความสุข โดยไม่รู้ตัวเลยว่า นั่นทำให้เราไม่มีความสุขเลย มีแต่เพิ่มทุกข์ให้มากขึ้น ลองใช้ชีวิตให้อยู่ในโลกแห่งความจริงมากขึ้น อย่าเก็บมาใส่ใจมาก

10.อยู่ในมุมที่ตัวเองคิดว่าปลอดภัย

การอยู่ในมุมที่ตัวเองคิดว่าปลอดภัยแล้วนั้น และใช้ชีวิตที่เสี่ยงน้อยที่สุด อาจทำให้เราพลาดสิ่งสำคัญในชีวิตไป ลองก้าวออกมาจากมุมปลอดภัยที่ว่านี้ แล้วทำสิ่งใหม่ๆที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต เช่นลองอาหารเมนูแปลกๆ ออกท่องเที่ยวในแบบผจญภัย แล้วจะรู้ว่าความสุขมันเป็นอย่างไร

 

 

ขอขอบคุณที่มา :http://news.voicetv....ral/105670.html


อาหารอันตราย !!

08 May 2014 - 10:12 AM

แนบไฟล์  images.jpg   14K   22 ดาวน์โหลด

+o( เปิดรายชื่อ อาหาร เครื่องดื่ม และผลไม้แสลงร้อน ของทอด ทุเรียน อัลกอฮอล์ น้ำอัดลม ติดโผสุดอันตราย +o(

 

นายแพทย์กฤษดา ศิรามพชุ ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวว่า หน้าร้อนนี้ถ้าได้อาหารดีๆที่รับประทานแล้วเหมือนติดแอร์ให้กับร่างกายก็คงจะช่วยได้มาก  เพราะไอร้อนและเปลวแดดทำให้รู้สึกเหนื่อยเพลียมากกว่าปกติ  ซึ่งอาหารที่พอจะบำบัดความร้อน เติมความสดชื่นให้ร่างกายได้ก็คืออาหารที่มีคุณสมบัติฉ่ำน้ำ เช่นผลไม้ต่างๆ แต่ถ้าเอาให้เร็วและง่ายที่สุดก็คือน้ำเปล่านี่เอง  ถ้าได้ดื่มบ่อย ๆ ให้ถูกช่วงถูกจังหวะจะช่วยดับร้อนให้กับร่างกายได้โดยมีข้อแม้อยู่ว่าต้องไม่เติมร้อนให้กับตัวเราเข้าไปอีก โดยเฉพาะจากอาหารการกิน อาหารที่ต้องคอยจับตาว่าจะนำความร้อนมาสู่ร่างกายหรือเรียกว่าอาหารแสลงร้อน ซึ่งมีทั้งเครื่องดื่มและอาหารดังนี้
1.อัลกอฮอล์  เพิ่มความร้อนให้กับร่างกายได้โดยตรงจากฤทธิ์ของอัลกอฮอล์  นอกจากนั้นยังไปเพิ่มร้อนให้กับตับโดยแกล้งให้ทำงานหนักจนเครื่องร้อน มีกระบวนการอักเสบเกิดขึ้นในตัวเราจากการที่ต้องล้างพิษเหล้า ซึ่งเปลืองเอนไซม์มากมายมหาศาลถึง 2 เด้ง จนที่สุดแล้วผลลัพธ์ก็คือของเสียที่เป็นขยะพิษอันตรายต่อร่างกายอยู่ดี  ส่วนที่มีอาการร้อนวูบวาบหลังดื่มนั้นเป็นสัญญานที่ไม่ดีนักเพราะเส้นเลือดขยาย  และยิ่งได้อากาศร้อนรอบตัวก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยง ช็อคแดดคาวงเหล้าได้มาก
2.กาแฟ  และเครื่องดื่มคาเฟอีนมีส่วนทำให้ร่างกายเพลียแดดได้ง่ายขึ้นจากฤทธิ์ของคาเฟอีนที่ ขับน้ำ ทำให้ต้องปัสสาวะ ส่งผลต่อร่างกายในช่วงที่เผชิญอากาศร้อนจัดต้องขาดสิ่งสำคัญที่ช่วยดับร้อนไปนั่นก็คือน้ำ ร่างกายจึงเพลียแดดได้ง่ายขึ้น  นอกจากนั้นยังมีเคมีไปกระตุ้นถึงแต่ละอณูสมองจึงทำให้เกิดอาการกระวนกระวายใจสั่นได้  เทคนิคคือเลี่ยงดื่มกาแฟมากในวันที่ต้องทำงานกลางแจ้งหรือถ้าดื่มกาแฟก็ให้ดื่มน้ำตามเข้าไปช่วยอีกแรงครับ
3.ขนมหวาน  ของที่มีน้ำตาล ทั้งลูกอม ขนมเค้ก ข้าวเหนียวมะม่วงฯลฯ จะขนมไทยหรือขนมฝรั่งที่อุดมไปด้วยน้ำตาลจะทำให้เกิดการเผาผลาญสร้างความร้อนขึ้นมา นอกจากนั้นยังปล่อยขยะที่เกิดจากการเผาผลาญออกมาทำร้ายร่างกายอีกด้วย  โดยปกติน้ำตาลที่มากเกินไปจะทำให้เกิดกระบวนการเป็นพิษต่อร่างกายอยู่แล้ว  เมื่อร่างกายต้องเผชิญกับความร้อนจากภายนอกด้วยจึงเป็นเสมือนรับศึก 2 ด้านจนอ่วม
4.ของทอดของมัน  รวมถึงนมเนยในปริมาณมาก  ซึ่งอาหารประเภทนี้มีความร้อนที่อาจมาจาก น้ำมัน ที่ใช้ทอดซึ่งมีส่วนทำให้ร่างกายร้อน ได้จากไฟอักเสบของกรดไขมันโอเมก้า 6 ในปริมาณมหาศาล  นอกจากนั้นยังมีไขมันมฤตยูที่ทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบได้อีกคือทรานส์แฟ็ตเป็นไขมันที่สร้างความเดือดร้อนให้ร่างกายพอดูถึงในระดับอณูของหลอดเลือดและหัวใจทีเดียวครับ  มีที่มาจากอาหารมันที่ทอดซ้ำหรือมีการใช้ไขมันปรุงแต่งทั้งหลายอย่างวิปครีม,ครีมเทียมครับ
5.ของเค็ม  อาหารเค็มส่งผลต่อร่างกายในหน้าร้อนตรงที่ความเค็มหรือโซเดียมนั้นผลักให้ไตทำงานหนัก ความดันสูงขึ้นทั้งที่หน้าร้อนนี้ไตก็ต้องทำงานเหนื่อยพอแรงอยู่แล้วจากการที่ต้องสงวนน้ำ อันมีค่าไว้ในร่างกายเพื่อช่วยหล่อเลี้ยงอวัยวะและขับเหงื่อดับร้อน  ซึ่งเมื่อมีของเค็มอย่างน้ำปลาซีอิ๊ว กะปิ เกลือหรือขนมกรุบกรอบรสเค็มทั้งหลายเข้าไปอีกจึงเป็นการกดดันให้ไตทำงานหนักขึ้นอีกทวีคูณ  ซึ่งในการดูแลร่างกายในหน้าร้อน  จึงขอให้รับประทานอย่างพอดีโดยใช้เทคนิคกะง่ายๆคือน้ำปลาไม่เกิน 1 ช้อนโต๊ะหรือถ้าเป็นเกลือก็ไม่เกิน 1 ช้อนชา  ส่วนอาหารก็ไม่ควรปรุงเค็มเพิ่ม
6.ทุเรียน ละมุด ขนุน ลำไย ผลไม้ที่ฉ่ำน้ำตาลเหล่านี้ทานได้แต่ต้องไม่มากไปเพราะมีน้ำตาลที่พาให้ร้อนอยู่ตัวหนึ่ง คือ ฟรุกโตส ซึ่งมีส่วนในการสร้างอนุมูลอิสระและไขมันในร่างกาย  และยิ่งกับทุเรียนยิ่งแล้วเพราะมีแร่ธาตุร้อนระอุตัวสำคัญอยู่คือ กำมะถัน ซึ่งแทรกอยู่ในแทบทุกอณูเนื้อของทุเรียนในรูปของสารประกอบกำมะถัน  ดังนั้นการกินทุเรียนในหน้าร้อนจึงควรกินพอประมาณ  รวมถึงผลไม้รสหวานจันด้วยครับแล้วจะทำให้ไม่เกิดปรากฏการณ์ร้อนในหรือเรื่องร้อนต่อสุขภาพมากจนเกินไป
7.น้ำอัดลมและเครื่องดื่มรสหวาน  การดื่มเครื่องดื่มหวานจัดเย็นเจี๊ยบช่วงหน้าร้อนในบางครั้งคราวอาจช่วยให้ความสดชื่นได้  แต่ถ้าดื่มบ่อยไปอย่างในเด็กที่อาไปจเลือกซื้อเองจากร้านสะดวกซื้อบ่อยครั้งนั้นจะส่งผลต่อสุขภาพได้  แม้ผู้ใหญ่ที่ดื่มบ่อยก็เช่นกัน  ส่วนสำคัญที่ต้องระวังคือ น้ำตาลขอให้สังเกตคำว่าฟรุกโตส ซูโครส HFCS  ที่ดื่มครั้งหนึ่งอาจพาให้ได้น้ำตาลเกินโควต้าต่อวัน  กับ กรดซ่า หรือคาร์บอนิกที่ตัวสร้างความซาบซ่าชื่นใจก็มีฤทธิ์กัดกร่อนเคลือบฟันได้  ดื่มบ่อยๆจึงไม่ดีนักและน้ำตาลก็ยิ่งชวนให้กระหายน้ำมากขึ้น

 น.พ.กฤษดา กล่าวว่า ของกินทั้ง 7 อย่างช่วงหน้าร้อนนี้จะมีส่วนในการเพิ่มร้อนหรือบางอย่างอาจไม่ส่งผลอันตรายต่อร่างกายได้ขึ้นอยู่กับตัวท่านเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามหากรับประทานในทุกครั้งที่ปรารถนาเช่นดื่มน้ำหวานดับร้อนวันละหลายๆขวดหรือออกไปเจอร้อนเมื่อไรก็เข้าร้านสะดวกซื้อดื่มทุกครั้งก็จะส่งผลที่ไม่ต้องการต่อสุขภาพในหน้าร้อนนี้ได้


มีงานบุญมาฝากค่ะ!!

29 April 2014 - 03:56 PM

*-) มีงานบุญมาฝากค่ะ!! *-)

 

แนบไฟล์  culture_16.gif   50.58K   1 ดาวน์โหลด

 

วันเสาร์ที่ 3 พ.ค.57 มีงานบุญที่วัด 3 งานคือ

6.00-14.00 น. อุปสมบทสามเณร เตรียมสถาบันธรรมชัย
11 รูป ณ อุโบสถ วัดพระธรรมกาย
ติดต่อเป็นเจ้าภาพถือพานเวียนประทักษิน โทร. 088-011-1197

10.20 น. หอฉัน มีพิธีถวาย กองทุนการศึกษาธรรมะ แก่พระภิกษุ สามเณร ศูนย์สาขาวัดพระธรรมกายและศูนย์สาขาทั่วโลกกว่า 4,000รูปและการสอบธรรม ของเยาวชนทั่วประเทศ โทร.081 4826688

13.30 น. กิจกรรมปล่อยปลาและสรรพสัตว์นับหมื่นชีวิต    จัดขึ้น ณ  วัดปทุมทอง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี   มีรถบัสไว้คอยให้บริการแก่สาธุชน รถออกเวลา 12.30 น.

โทร 0835405006


อนาคต..มะเร็งลำไส้..!

29 April 2014 - 10:44 AM

:o สาระดีๆ สำหรับคนที่กินแล้วไม่ค่อยขับถ่าย อนาคต..มะเร็งลำไส้..! :o

 

แนบไฟล์  ลำไส้2.jpg   13.54K   30 ดาวน์โหลด

 

"ตะลึง"คุณหมอพรทิพย์เขียนไว้ว่า เวลาผ่าศพจะเจออุจจาระตกค้างในลำไส้อย่างน่าตกใจ บางศพมีน้ำหนักอุจจาระถึง10 โล... แล้วเป็นเพราะอะไร???

:glare: เค้าว่า "อุจจาระตกค้าง" เนื่องมาจา:glare:
1. เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
2. กินอาหารที่มีกากใยน้อย
3. มีพยาธิ หรือ เชื้อรา ทำให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ
4. ระบบดูดซึมเสีย เพราะน้ำมันพืชเคลือบทำให้น้ำที่
ดื่มเข้าไป ไม่หมุนเวียน
5. ไม่ถ่ายอุจจาระเวลา 05.00-07.00 เช้า

 

หากถ่ายอุจจาระ หลังเวลา 7 โมงเช้า ลำไส้จะบีบให้อุจจาระขึ้นไปข้างบนเวลาถ่าย จะถ่ายไม่หมด แต่ไม่รู้ตัว ที่ปลายลำไส้จะมีประสาทปลายทวาร เมื่อมีอุจจาระที่เหลวพอมาจ่อปลายทวาร ประสาทจะส่งสัญญานบอกสมองให้ปวดอึหลัง 7 โมงเช้า ลำไส้จะทำงานไม่เป็นปกติ บีบอุจจาระให้ขาดช่วงเวลาถ่ายจนรู้สึกว่าหมดแล้ว เราก็หยุดแต่ความจริง อุจจาระท้ายขบวนยังไม่ออก แต่มันถูกดันกลับขึ้นไป ไม่มาจ่อปลายทวารทำให้เราไม่ปวดอึ เราก็นึกว่าหมดแล้ว อุจจาระที่ค้างไว้นี้ก็จะเกาะที่ผนังลำไส้ พอมีีอุจจาระใหม่ที่เหลวกว่ามันก็แซงหน้าไปก่อน แต่มันไม่สามารถดันพวกที่ค้างแข็งให้ออกไปได้ พวกที่ค้างแข็งไว้ ก็เกาะติดแน่น
ฉะนั้น ทุกวันที่ถ่าย มันก็ถ่ายเฉพาะอึที่เหลวพอ ส่วนที่เหลือ ก็เกาะไปเรื่อยๆ อุจจาระตกค้างจะไปทับเส้นเลือดต่างๆ ในกระเพาะ และกดทับกระดูกหลัง ทำให้เกิดอาการมากมายเช่นท้องอืด ปวดหลัง ปวดขา ปวดกล้ามเนื้อที่ไหล่และสะบัก เวียนหัวอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เป็นฝ้า ไมเกรน และอื่น ๆนั่นแหละเป็นที่มา..ที่คุณหมอพรทิพย์เขียนไว้ว่า เวลาผ่าศพจะเจออุจจาระตกค้างในลำไส้อย่างน่าตกใจ


:การนำอุจจาระตกค้างออกจึงจำเป็นต้องหาว่าเป็นที่สาเหตุใดใน 5 สาเหตุข้างต้น  ก็แนะนำให้ถ่ายพยาธิเสียก่อน แล้ว ลองสูตรอาหารดังต่อไปนี้ :

1. เม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา ผสมน้ำ 1 แก้วทิ้งไว้ 30 นาที ดื่มก่อนนอน เม็ดแมงลักจะลากอุจจาระตกค้างออกมา ทานเป็นปกติได้ทุกวันหรือ 3-4วันต่อสัปดาห์ แล้วแต่จะชอบ
2. นมสด 2 กล่อง (รวมจะได้ประมาณ500 มิลลิลิตร) และ กล้วยน้ำว้า 2 ลูก ทานก่อน 6 โมงเช้า ช่วงแรกควรทานติดกัน 3 วัน หากถ่ายก่อน 7 โมงเช้าเป็นปกติได้แล้ว ก็ลดมาเป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรือตามที่เห็นสมควร
3. ทานผักบุ้ง 2 กำมือ ผัด หรือ ต้ม ทำอาหารตามใจชอบผักบุ้งจะลากอุจจาระตกค้างออกมา    


แนะวิธีเอาชนะร้อนก่อนเผชิญสามอันตราย “ง่วง งง เงิบ”

25 April 2014 - 04:31 PM

แนบไฟล์  MNewsImages_44054.jpg   15.81K   25 ดาวน์โหลด

นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวว่า ในช่วงที่อากาศร้อนจัด มีโรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง ซ้ำยังเคยมีกรณีเสียชีวิตด้วย สิ่งที่ควรระวังและจับตาดูให้ดี คือ 5 โรคร้ายได้แก่ ช็อคแดด ขาดน้ำ ความดันขึ้น ไส้รั่ว(ท้องเสีย) โรคเก่ากำเริบโดยเฉพาะความดันสูง โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง

 

น.พ.กฤษดา กล่าวถึงวิธีสังเกต 3 สัญญาณร้ายฤดูร้อนก่อน ช็อคแดด ว่า ร่างกายมนุษย์มีขีดจำกัดของการอดทนต่อสิ่งต่างๆทั้งทางกายและทางใจ  แต่ในคนที่ควบคุมตัวเองได้นั้นจะสามารถป้องกันตัวจากสิ่งที่เข้ามากระทบทั้งหลายได้ดี ดังนั้นการที่เรารู้สัญญานเตือนว่า ร้อนทำพิษเอาไว้ก่อนก็จะช่วยให้สุขภาพไม่ทรุดลงไปจนถึงขีดสุดที่มนุษย์ทนไม่ได้ นั่นคือขั้นสมองกระทบกระเทือนและเสียชีวิต มีอันตรายที่มาจากความร้อนสูงที่กระทบร่างกายอย่างจังเรียกว่า ฮี้ทสโตรค(Heat stroke)หรือที่เรียกง่ายๆว่าโรคช็อคแดดเป็นภาวะที่เกิดได้ในฤดูร้อนเมื่อร่างกายมนุษย์อยู่ในสภาพที่ ร้อน อบและอับ เมื่อมี 3 ปัจจัยนี้ครบ ร่างกายจะเข้าสู่โหมดเสียน้ำ ความดันต่ำแล้วช็อคหมดสติได้

 

อย่างไรก็ตามก่อนจะถึงขั้นนั้นขอฝาก 3 สัญญาณที่ท่านใช้เตือนตัวเองได้ก่อนเหตุร้ายจากร้อนจะเกิด  ดังต่อไปนี้คือ ง่วง  สัญญานแรกแบบเบาๆคือง่วงเพลียเพราะตัวขาดน้ำ  รู้สึกอยากนอน  นี่คือตอนที่เริ่มโดนร้อนจัดใหม่ๆ งง  เป็นสัญญานถัดมาถ้ายังไม่รู้จักพาตัวไปหลบร้อนก็คือ งุนงง จากเส้นเลือดสมองขยาย  สมองโดนพิษจากความร้อนที่สูงกว่าอุณหภูมิปกติ เงิบ  เมื่อสมองถูกอบอยู่ในที่ที่ร้อนนานเกินจะทนแล้ว  ส่งผลให้ระบบร่างกายผิดปกติ  หัวใจทำงานหนัก  ร่างกายขาดน้ำ  รวมทั้งหมดเป็นผลลัพธ์น่าตกใจคือหมดสติจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ดังที่เห็นจากกรณีน่าเศร้าอย่างเด็กติดอยู่ในรถกลางแดด หรือสุนัขและแมวที่เกิดอาการช็อคแดดขึ้นมายามฤดูร้อน