ไปที่เนื้อหา


nongmai

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 19 Aug 2006
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Mar 09 2008 03:31 PM
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

เหตุใดไปเกิดในสุทธาวาสพรหมจึงเป็น 1 ในอาภัพ 18 ประการ

09 March 2008 - 02:17 PM

อนุโมทนาบุญกับผู้รู้ทุกท่านที่ได้มาถาม-ตอบกันในเว็บนี้ ทำให้ได้ความรู้ใหม่ ๆ และกำลังใจดี ๆ ในการเพิ่มพูนการทำความดีให้ยิ่งขึ้นไปอีก สาธุค่ะ

อยากทราบว่าในสมัยพระพุทธเจ้าที่ทรงเลือกที่จะโปรด แทนการปราบ โดยจะโปรดมนุษย์ให้บรรลุธรรมเข้านิพพานไปเป็นกลุ่ม ๆ เท่าที่พระองค์จะทรงโปรดได้ แทนการไปขุดรากถอนโคนพญามาร

ทราบมาว่า ผู้ที่บรรลุเป็นพระโสดาบัน จะเกิดอีก 7 ชาติจึงเข้านิพพาน ผู้ที่เป็นพระอนาคามี คืออาจไม่ต้องบวชเป็นพระ แต่สามารถบรรลุธรรมถึงขั้นพระอนาคามี เมื่อละจากโลก จะไปเกิดในพรหมชั้นสุทธาวาส ซึ่งพรหมชั้นนี้ ไม่ต้องกังวลว่าหมดกำลังบุญจะหล่นตุ๊บมาเกิดอีก เพราะสามารถนั่งบำเพ็ญเพียรต่อในชั้นนั้น และเข้านิพพานไปได้เลย
ซึ่งก็ถือว่าเป็นเป้าหมายที่น่าจะเป็นที่พอใจ เพราะอย่างไร ปุถุชนคนมีกิเลสอยู่บ้าง ก็เป็นการยากที่จะให้บรรลุในขั้นนิพพานเลย อย่างดีที่สุดน่าจะเป็นพรหมชั้นสุทธาวาส

และอีกอย่างหนึ่ง สมัยนั้น ก็ยังไม่มีหมู่คณะที่มีมโนปณิธานจะไปที่สุดแห่งธรรม บังเกิดขึ้น
แล้วเหตุใด พระองค์จึงถือว่า การไปเกิดเป็นพรหมชั้นสุทธาวาสนี้ จัดเป็น 1 ในอาภัพ 18 ประการ??

คำถามเรื่ององค์พระภายในและการไปพระนิพพาน

21 September 2007 - 09:59 AM

นอกจากการนั่งสมาธิทำใจหยุดใจนิ่ง เพื่อให้เข้าถึงองค์พระภายในให้ได้แล้ว ข้าพเจ้ายังได้มีโอกาสไปศึกษาเกี่ยวกับการเจริญสติปัฏฐาน 4 ด้วย ซึ่งความจริงแล้ว หากเราได้เจอครูบาอาจารย์ที่คิดว่าจะพาไปถึงฝั่งได้ ก็น่าจะหยุดที่อาจารย์ของเราได้แล้ว แต่เห็นปณิธานของหมู่คณะที่จะรื้อสัตว์ขนสัตว์จึงไม่แน่ว่าบุญบารมีของตนจะมากถึงขั้นนั้นไหม ตามความเชื่อที่ว่าที่ได้มาทำบุญร่วมกันกับหมู่คณะเพราะเคยสร้างร่วมกันมา แต่กว่าจะได้มาเจอก็พลั้งพลาดทำผิดไปมากซะอาจทำให้หมดจากชาตินี้ คงต้องไปชดใช้อีกนาน กว่าจะพ้นมาเจอหมู่คณะ ซึ่งคงสร้างบารมีรุดหน้ากันไปมากแล้ว ทำให้อยากหาวิธีต่าง ๆ เพื่อพ้นจากสังสารวัฏ

ค้นหาจากที่ใดๆ ก็มักสรุปว่าควรเจริญสติปัฏฐาน 4 เพราะเป็นทางสายเอกที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าจะทำให้เราไปถึงพระนิพพานได้ ซึ่งหมายถึง การมีสติรู้ตัวตลอดเวลา ทั้งความรู้สึก และการเคลื่อนไหว ไม่ยินดี ยินร้าย กับความรู้สึกต่าง ๆ ที่จะผ่านเข้ามาจากบุคคลภายนอก ซึ่งให้เจริญไปพร้อมกันในขณะที่เราทำกิจการงานต่างๆ ไม่ต้องนั่งหลับตาอยู่ในที่เงียบ เพราะนั่นก็ทำให้จิตนิ่งได้อยู่แล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดมารบกวน นอกจากความคิดที่เราสร้างขึ้นมาเอง

ซึ่งข้าพเจ้าสรุปได้ว่า การที่เราไม่ยินดียินร้ายในอารมณ์ เข้าใจเรื่องการสมมติของสังขารแต่สามารถเจริญสติได้เกือบตลอดเวลา จะทำให้เราหมดความยินดีในสังขาร และละได้เมื่อเวลาใกล้จะตาย เมื่อละสังขารอาจยังต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่ หรือที่ดีที่สุด อาจได้ไปเกิดในสุทธาวาสพรหม คือหมดบุญจากชั้นนั้น ก็เข้านิพพานได้

แต่ความรู้ความเข้าใจในองค์พระภายใน ยังต้องการความรู้อีกมากจากท่านผู้รู้ เพราะได้แต่ปฏิบัติตาม ไม่เคยลังเลสงสัย อยากทราบว่า การเข้าถึงองค์พระภายในให้ได้ในชาตินี้ จะทำให้เราไปถึงพระนิพพานได้อย่างไร

ไม่อธิษฐานจิตเพื่อไปที่สุดแห่งธรรมได้หรือไม่

19 September 2007 - 11:09 AM

จากกระทู้เรื่องนิพพาน กับ ที่สุดแห่งธรรม
ที่มีผู้ตอบว่า นิพพาน คือ ไม่มีการเกิด การตาย และที่สุดแห่งธรรม คือ การรื้อวัฏฏะสงสาร
ถ้าข้าพเจ้าเข้าใจความน่ากลัวของวัฏฏะสงสาร และอยากจะไปถึงนิพพานให้เร็วที่สุด เพราะไม่แน่ว่าหากไม่หวังพระนิพพานอาจมีชาติหนึ่งชาติใดที่เกิดหลงผิดหรือบาปอกุศลวิ่งตามทันทำให้พลาดพลั้งทำผิดขึ้นมา ก็จะต้องเริ่มใช้วิบากกรรมใหม่อย่างไม่จบสิ้น ดังนั้น ถ้าจะอธิษฐานจิตไปพระนิพพานเลย คือไม่ใช่วงบุญพิเศษได้หรือไม่

ข้าพเจ้าทราบว่าบุญบารมีคงยังไม่มากพอให้ไปนิพพานในชาตินี้ได้แน่นอน แต่ถ้าปรารถนาพระนิพพาน จะทำให้เราใกล้กับโสดาบันซึ่งไม่หวังในสังขารที่จะเกิดแล้ว แม้แต่การเกิดในสวรรค์ก็ตาม ซึ่งเกิดอีกเพียงเจ็ดชาติก็ไปนิพพานแล้วได้ ได้หรือไม่ เพราะตอนนี้ได้ทำบุญอย่างทุ่มเทกับวัดพระธรรมกายและทราบซึ้งในพระเมตตาของหลวงพ่อที่จะเผยแผ่วิชชามาก แต่ไม่อยากกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ถ้าอธิษฐานให้อยู่ดุสิต กลัวว่าถ้าหมดบุญหรือมีโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์จะเผลอไปทำผิดเข้า แล้วจะไม่จบสิ้น

ข้าพเจ้ากลุ้มใจและสับสนมากเลยตอนนี้ อยากให้ผู้รู้ช่วยตอบให้คลายกังวลด้วย ขออนุโมทนากับทุกท่านและผู้ดูแลเว็บ ที่จะไม่ลบกระทู้นี้ เพื่อเป็นการให้ความกระจ่างกับเพื่อนมนุษย์ที่ยังสับสนอยู่

ขอบคุณมากค่ะ

ถวายเงินใส่ซองให้พระได้หรือไม่

10 August 2007 - 12:07 PM

รบกวนผู้รู้ช่วยให้ความรู้ด้วย

"ประเคนสิ่งที่ไม่สมควรแก่สมณบริโภค เช่น เงิน หรือ ทอง หรือสิ่งของที่ทำด้วยเงินหรือทองเช่นพานเงิน พานทอง ขันเงิน ขันทอง ถาดเงิน เป็นต้น นอกจากนี้ไม่ควรหยิบยื่นธนบัตร เงินทอง หรือวัตถุที่ใช้แทนเงินเช่น เช็ค ฯลฯ แก่พระภิกษุแม้จะใส่ภาชนะประเคนหรือใส่บาตรก็ไม่ควร เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นวัตถุอนามาส พระท่านรับไม่ได้ถือว่าผิดพระวินัย ถ้าประสงค์จะถวายควรใช้ใบปาวารณาแทนตัวเงิน ส่วนตัวเงิน ควรมอบไว้แก่ผู้ทำหน้าที่ปฏิบัติพระภิกษุรูปนั้นเรียกว่า กัปปิยการก"


"สิ่งของที่ไม่สมควรประเคนถวายพรตะสงฆ์
สิ่งของที่ไม่สมควรประเคนถวายพระ ได้แก่ รูปิยะ คือ เงิน และวัตถุสำหรับใช้แทนเงิน เช่น ธนบัตร เป็นต้น ไม่นิยมประเคนถวายพระภิกษุโดยตรง เพราะผิดวินัยพุทธบัญญัติ ถ้าพระภิกษุสงฆ์ประเคนต้องอาบัติโทษ

- ในการถวายปัจจัยนั้น นิยมใช้ใบปวารณาแทนตัวเงิน ส่วนตัวเงิน นิยมมอบไว้กับไวยาวัจกรของพระภิกษุนั้น โดยเขียนใบปวารณาถวายปัจจัย ตัวอย่างดังนี้


ข้าพเจ้าขอน้อมำถวายปัจจัย 4 แก่พระคุณเจ้า เป็นมูลค่าเท่าราคา...............บาท............สตางค์ ได้มอบไว้แก่ไวยาจักรของพระคุณเจ้าแล้ว หากพระคุณเจ้ามีความประสงค์สิ่งใดอันควรแก่สมณบริโภค โปรดเรียกร้องได้จากไวยาจักรของพระคุณเจ้านั้น เทอญ
(ลงนาม)....................ผู้ถวาย วันที่ ........................."

ทั้งสองอันคัดลอกมาจากหนังสือมนต์พิธี

และเคยได้ยินท่านผู้รู้ท่านหนึ่งเคยบอกว่า ไม่ควรถวายเงิน แม้ว่าจะใส่ซองแล้ว ให้กับพระสงฆ์ หรือวางไว้บนถังสังฆทานและถวายพระ เพราะจะทำให้พระเกิดกิเลส ทำให้ได้บุญน้อยกว่าการที่ไม่ถวายปัจจัย

และพอได้อ่านจากหลายที่ ๆ คัดลอกมา ก็ไม่แนะนำให้ถวายปัจจัยกับพระเช่นกัน หรืออาจเป็นบาปก็ได้ เพราะสนับสนุนให้ผู้ที่ละแล้วซึ่งกิเลส เกิดกิเลสอีก เพราะว่าพระไม่ได้บรรลุอรหันต์ทุกรูป

จึงอยากทราบว่า แล้วจริง ๆ เราสามารถหรือสมควรถวายปัจจัยหรือไม่

(พระรับประเคนแล้วไม่ได้เก็บไว้เอง กับ ถวายกับพระแล้วพระท่านเก็บไว้เองต่างกัน คำถามนี้ถามในกรณีที่ถวายกับพระเป็นการส่วนตัว)




อุบาสิกาต้องเป็นสาวพรหมจรรย์หรือไม่

15 July 2007 - 08:17 AM

อยากทราบอานิสงส์ของการเป็นอุบาสิกา ทั้งหยาบและละเอียดด้วยค่ะ