ผู้ทรงความยุติธรรม=กฏหมาย/กฏแห่งกรรม

เนื่องจากผมเรียนอยู่คณะนิติศาสตร์ และเมื่อจบแล้วผมไม่แน่ใจว่าจะสอบตั๋วทนายดีไหม? เพราะการที่จะเป็นอัยการ ผู้พิพากษาได้นั้นต้องผ่านการเป็นทนายมาก่อน เมื่อก่อนผมมีความฝันที่จะเป็นอัยการเพราะรักความยุติธรรม แต่เมื่อได้มาศึกษาเรื่องกฏแห่งกรรม ทำให้ผมเริ่มจะกลัวและไม่แน่ใจว่าจะประกอบอาชีพนี้ดีไหม
เพราะถ้าเราเป็นทนายในฝ่ายจำเลย เราก็ต้องช่วยแก้ต่างให้ถูกที่สุด ที่จะหาช่องโหว่ทางกฏหมายให้จำเลยได้รับโทษน้อยที่สุดหรือพ้นโทษนั้น หรือจะเป็นทนายในฝ่ายโจทก์ก็ดี หรือเป็นอัยการซึ่งนำสวนคดีผ่านตำรวจฟ้องมายังศาลก็ดี หรือเป็นผู้พิพากษาตัดสินจำเลย แม้ทำตามหน้าที่เพื่อความยุติธรรม ตายไปจะทำให้ไปสู่ทุคติไหมครับ?

ขอแก้คำว่า นำสวนคดี เป็น นำสำนวนคดี ครับ

คล้ายๆ เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตาม..

ไม่ว่าคนเมืองนั้นจะมีศีล มีธรรม หรือไม่..

เมื่อเข้าไปแล้ว เพื่อยังชีพให้อยู่รอด ย่อมต้องหลิ่วตาตาม..

ถามว่าถ้าไม่คำนึงถึงชีพ และครอบครัวล่ะ

เอาว่ายึดเอาธรรม(ความถูกต้อง)เป็นใหญ่ เหมือนดั่งใจพระโพธิสัตว์ยอมยกลูก และบุตรภรรยาให้กับชูชก เพราะคำนึงถึงพระสัพพัญญุติญาณเป็นที่ตั้ง (คือหวังหนทางพ้นทุกข์ และพาสัตว์โลกให้พ้นทุกข์ตามไปด้วย)

ทำได้ไหม? ถ้าคุณคิดว่าคุณทำได้ คุณก็จะทำได้ ถ้าคุณคิดว่าพระรัตนตรัยท่านมีคุณจริง คุณก็จะชนะในทุกสิ่ง

เหมือนกับการบำเพ็ญวิริยะบารมี, ขันติบารมี และสัจจะบารมี ไปในตัว ซึ่งน้อยคนนักที่จะได้โอกาสเช่นคุณ

เชื่อผมเหอะ..ถ้าเราหมั่นให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เป็นประจำ แล้วมันจะส่งผลให้เรายากจนลง มีคนชังมากขึ้น หรือทำให้เราโง่ขึ้น ผมว่าป่านนี้คงมีพระสึกออกมาเกลื่อนเมืองแล้วน่ะครับ

ทำเถอะครับ ทางที่สว่าง ทางที่มีผู้รู้กรุยทางไว้ให้ดีแล้ว ขอเพียงแต่เราเริ่มเดิน เมื่อยังไม่เริ่มเดิน อย่าเพิ่งกลัวครับ ระหว่างทางเราจะพบกับเพื่อนร่วมทางอีกมากมายครับ ที่หวังไปให้ถึงที่สุดแห่งทาง (ธรรม) ครับ

เป็นกำลังใจให้เสมอครับ..

ไหนๆก็เรียนด้านนี้มาแล้ว ทำงานเป็นที่ปรึกษาทางกฏหมายให้กับบริษัทต่างๆก็ได้ครับ อาจจะศึกษาเพื่อเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่นกฏหมายลิขสิทธิ์ กฏหมายด้านภาษี กฏหมายแรงงานเป็นต้น หรือไม่เช่นนั้นก็เป็นอาจารย์สอนกฏหมาย ไม่ต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาลกับใครครับ

นึกถึงปลัดอำเภอท่านหนึ่งท่านบอกว่าเหตุผลที่ท่านไม่เป็นทนายความเพราะกลัวบาปตกนรก

*****ถ้าคุณเป็นทนายความ อัยการ ตำรวจ หรือผู้พิพากษา ผมว่าโอกาสที่คุณจะพลาดทำผิดศีลทั้งทางตรงและ
ทางอ้อมมีมากเลยนะครับ คุณเคยได้ยินคดีดัง "เชอรีแอน" ไหมล่ะ ตำรวจไปจับตัวผู้ต้องหามาหลายคน ทำสำนวน
สอบสวนเสร็จแล้วส่งให้อัยการ อัยการก็ส่งฟ้องศาล ศาลพิพากษาตามที่อัยการนำสืบ ให้ลงโทษจำเลย ประหารชีวิต
จำคุกตลอดชีวิต จำเลยบางคนตายในคุกในตาราง บางคนติดคุกหลายสิบปี จนท้ายที่สุดความจริงมาปรากฎภายหลัง
ว่าจำเลยเหล่านั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาเลย ถามว่ากรณีอย่างนี้ใครล่ะสมควรจะได้รับโทษ
ตามกฎแห่งกรรม (คุณล่ะคิดว่าใครทำผิดตามกฎแห่งกรรม) ผมเคยฟังใน case ในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน ผู้ที่ทำหน้า
ที่เกี่ยวกับกรณีนี้ ล้วนแล้วแต่มีกรรมที่ต้องไปรับผลแห่งการกระทำของตนเองทั้งสิ้น ฉะนั้น ผมว่าถ้าคุณหลีกเลี่ยงไปทำ
อาชีพอื่นได้ก็คงจะดีกว่านะ แต่คุณอาจจะถามว่า คุณเรียนจบนิติศาสตร์แล้วจะให้ไปทำอะไร case ในโรงเรียนอนุบาล
ฝันในฝันก็มีที่เรียนจบนิติศาสตร์ แต่ไปทำงานเกี่ยวกับบ้านจัดสรร ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จเจริญรุ่งเรือง/ขอให้โชคดี
เลือกอาชีพที่เหมาะสมไม่พลั้งเผลอไปกระทำผิดศีลธรรมนะครับ*****

ขอตอบว่า หากทำผิดพลาดแล้วจะเกิดกรรมไหม คำตอบคือ ทุกๆ อาชีพ หากทำผิดพลาด ล้วนเกิดกรรมทั้งสิ้นครับ เช่น หมอผ่าตัดผิดพลาด นักหนังสือพิมพ์ลงข่าวผิดพลาดทำให้เจ้าทุกข์เสียหาย ครูสอนผิดทำให้นักเรียนทำผิด วิศวกรที่ออกแบบผิดทำให้อาคารถล่ม แม้แต่พระที่พลาดพลั้งทำผิดศีล ก็เกิดกรรมทั้งนั้น

ดังนั้น ถ้าหากคุณไม่อยากทำอาชีพที่คุณเีรียน เพราะกลัวว่า ถ้าทำผิดแล้วจะเจอวิบากกรรม ก็อยากจะบอกว่า ขอให้เปลี่ยนความคิดเถิดครับ เพราะไม่ว่าจะเปลี่ยนไปทำอาชีพไหนๆ หากทำผิดพลาดก็จะต้องเจอวิบากกรรมทั้งนั้นแหละ แม้บวชเป็นผู้บริสุทธิ์ เช่น พระ หากทำผิดศีล ก็เกิดวิบากกรรมเช่นกัน น่ะครับ

ขนาดนอนเฉยๆ ไม่ผิดศีล ยังมีวิบากกรรมเลยครับ ดังเคสหมูแสนรู้ ที่คุณครูไม่ใหญ่เคยนำมาเล่าว่า เป็นเพราะวันๆ เอาแต่นอน บุญไม่ทำ กรรมไม่สร้าง บุญก็หมดไปเรื่อยๆ หมดบุญจากมนุษย์ ก็มาเป็นหมูไงล่ะครับ ดีว่าไม่มีวิบากกรรมฆ่าสัตว์มา จึงทำให้เกิดเป็นหมูแสนรู้ เลยไม่ต้องถูกฆ่าไปทำหมูต้มยำ

แล้วจะทำอย่างไร ก็ทำอาิชีพที่ไม่ใช่อาชีพทุจริตนั่นแหละ แล้วตั้งใจทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาควบคู่กันไป บุญเท่านั้นที่จะสู้กับบาปได้ครับ

พวกเราชาวอนุบาลฯ ลูกพระธัมมฯ นอกจากจะต้อง พิจารณาเหตุผลร้อยแปด แบบคนทั่วไปในสังคมที่สอนหรืออ้างมาตามๆกัน ว่าถูก ว่าควรในการพิจารณาการปฎิบัตตน อย่างใด อย่างหนึ่งแล้ว
เรายังจำเป็น ต้องศึกษากฎแห่งกรรม กฎแห่งการกระทำ เป็นแนวทางปฎิบัต ที่ใช้ตัดสิน เป็นคำตอบสุดท้าย ว่าจะทำหรือไม่ทำด้วยจ้ะ
เพราะถ้าผิดพลาด ผลที่ได้รับคือ อบาย วิบากกรรม สัตว์นรก เปรต และอสูรกาย
หรือเลวร้ายกว่านั้น ก็พวกภพพิเศษ(เช่นพวก ทำร้ายผู้ที่มีคุณมากๆ เช่นหลวงปู่ของเรา) ไม่มีโอกาสแก้ตัว
...
ไม่ใช่พอตายแล้ว ให้ตั้งทนายขึ้นมาเก่งๆสักคน แล้วยกเหตุผลมาอธิบายในยมโลก
...ว่าก็แหมก็ผมเรียนมาทางนี้จะให้ทำอะไรล่ะ หรืออ้างว่าทำด้วยใจรักครับ หรืออ้างว่าไม่มีเจตนา ก็ตอนทำไม่ได้คิดอะไรมากทำไปตามจำเป็น ฯลฯ
ทำได้ไหมล่ะจ๊ะ ในยมโลก..

ถ้าคุณเป็นทนายความ อัยการ ตำรวจ หรือผู้พิพากษา พัสดีเรือนจำ โอกาสที่คุณจะพลาดทำผิดศีล ทั้งทางตรงและทางอ้อมมีมาก
เพราะคนจำเลย นักโทษ เท่านั้นที่รู้ว่าเขาทำผิดหรือไม ไม่ใช่หลักฐานนะจ๊ะ ที่บอกได้100%

และต่อให้คุณตัดสิน ให้เจ้าคนที่ผิดจริง ให้ได้รับโทษ คุณก็ได้ก่อกรรมขึ้นโดยตรงกับเขาแล้ว ดังเช่นตัวอย่างในเคสมากมาย ที่ต้องทนทุกข์ทรมาณกับวิบากกรรมในชาตินี้แทบตาย ก็ในสายอาชีพของคุณทั้งสิ้น ไม่ต้องเชื่อเลย แต่ไปศึกษาดู
...
พระเดชพระคุณฯหลวงพ่อ ท่านก็บอกแล้ว สอนแล้วนี่นะ ว่ากฎอื่นๆทางโลกว่าถูกต้อง ไม่ยกเว้น สำหรับกฎแห่งกรรม
...
ถ้าคิดว่า ทุกอาชีพ หากทำผิดพลาด ก็ล้วนเกิดกรรมทั้งสิ้นนั้น เป็นความเข้าใจที่ไม่พอนะจ๊ะ
เพราะอาชีพ แตกต่างกันมาก อาชีพที่ผิดทุกๆ นาทีที่กระทำ ก็คืออาชีพที่พระสัมมาฯ ท่านตรัสห้ามไว้ทั้งหมด
ส่วนอาชีพสายนี้ เป็นอาชีพที่ไม่ควรกระทำ จ้ะ
และอีก100 อาชีพ ที่ทำแล้ว เป็นกุศลแทบทุกการกระทำ อย่างครูที่ดี เป็นต้น
...
สายนิติศาสตร์ ถ้าทำโดยตรง ก็รวย แต่สุดท้ายมีวิบากกรรมหนัก
เลี่ยงไปทำงานเป็นที่ปรึกษาทางกฏหมายแบบคุณBlissinessman บอกก็ดีนะ
ศึกษาแบบที่คุณhomer324 ชี้แจงก็ดีนะจ๊ะ ชัดดี

ชีวิตมาสร้างบารมี บางครั้งมารู้ตอนหลัง ไม่ดีก็ต้องเลิก ไม่มีข้อแม้จ้ะ
ไม่งั้นทำผับ ขายเหล้า การพนัน ผู้หญิง รวยจะตาย ถ้ามัวแต่อ้างโน่นนี่ จะปิดทำไม

...ตัวของเราเอง ท่องไว้ว่าต้องรับกรรมเอง ใจต้องเด็ด หนักแน่นจ้ะ

การตอบควรศึกษาจากคำตอบของหลวงพ่อครับ มิใช่จะไปบอกว่า อาชีพนั้นอาชีพนี้ ห้ามทำอย่างกันเพียงอย่างเดียว

บางกระทู้ถามว่า นักแสดงเป็นได้หรือไม่ บางกระทู้ถามว่า ทนายเป็นได้หรือไม่ หรือบางทีก็ถามว่า ทหาร ตำรวจ เป็นได้หรือไม่ หรือบางคนเป็นแอร์ ฮอสเตท ต้องเสริฟ์เหล้าให้ผู้โดยสารล่ะจะทำอย่างไร

หากเราไปตอบว่า เป็นไม่ได้ แล้วเขาเหล่านั้นจะทำอย่างไร จะให้ต้องยกเลิกนักแสดง ทหาร ตำรวจ ทนาย แอร์ ฮอสเตท ทิ้งไปหรืออย่างไร แล้วใครที่ไหนเขาจะไปเข้าใจพระพุทธศาสนา เราต้องเสนอทางเลือกให้เขาด้วย ไม่ใช่บอกให้ยกเลิกอย่างเดียวนะครับ

สมัยก่อน พระโพธิสัตว์ เสวยพระชาติเป็นจันทกุมาร (ติดตามได้จากทศชาติชาดก เรื่องจันทกุมาร ผู้ยิ่งด้วยขั้นติบารมี) พระองค์ทรงตัดสินคดีโดยเที่ยงธรรม เป็นกษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรม นอกจากนี้ยังทรงบริจาคทานมหาทานตลอดชีวิต สิ้นชีพแล้วพระองค์ก็ได้ไปบังเกิดบนสวรรค์ ชาติสุดท้ายได้มาเป็นพระพุทธเจ้า

ที่ว่า "การตอบควรศึกษาจากคำตอบของหลวงพ่อครับ มิใช่จะไปบอกว่า อาชีพนั้นอาชีพนี้ ห้ามทำอย่างกันเพียงอย่างเดียว"
เห็นด้วยมากจ้ะ

อาชีพสายนี้ เคสฝันในฝัน ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านสอนว่า เป็นอาชีพที่ไม่ควรกระทำจ้ะ ลองหาอ่านดูนะจ๊ะ พวกที่ท่านมีหน้าที่ตัดสินนักโทษ มีเคสมากมาย

การให้ความรู้ในกระทู้ โดยส่วนตัว จะถือว่าตนเป็นผู้ไม่รู้ทั้งสิ้น จะยึดครูเป็นที่สุด แล้วห่วงผู้ถาม แม้จะต้องตอบไม่ตรงใจหลายท่านบ้าง แต่นี่คือความจริงที่เจ็บปวด
เจ้าของกระทู้เอง คงต้องตัดสินใจ
ได้แต่ให้กำลังใจ แต่ถ้าจะเชียร์ให้หยวนๆ ทำไม่ได้จ้ะ กฎแห่งกรรม ไม่หยวน

...ก็ต้องขอโทษ ขอขมา ที่เกิดไม่ตรงกับใจ คุณหัดฝัน นะ...

ที่ว่า "หากเราไปตอบว่า เป็นไม่ได้ แล้วเขาเหล่านั้นจะทำอย่างไร"
อาชีพที่อยู่ในเคสนั้น ถ้าไม่ดี เพราะต้องรับวิบาก พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านก็มักกล่าวว่า ก็ต้องหาทางเลิก เปลี่ยนอาชีพ จ้ะ ก็ขอกราบอาราธนา คำสอนท่านมาตอบนะ

เรื่องพระโพธิสัตว์นั้น ขอกราบอนุญาตไม่ออกความเห็นะจ๊ะ เพราะมองว่าตนเองไม่ทราบเรื่องทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องการเสวยวิบากกกรรมของท่าน คงรอให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านหยิบยกมาสอนนะจ๊ะ
อนุโมทนาบุญจ้ะ

คือ ต้องดูเป็นรายๆ ไปน่ะครับ

อย่างเคสในสมัยก่อน เจ้าของเคส เป็นแอร์ ถามหลวงพ่อว่า ต้องเสริฟเหล้าให้แขกบนเครื่องบินจะทำอย่างไร
หลวงพ่อ ก็ไม่ได้แนะนำ บอกให้เลิกเป็นแอร์นะครับ หลวงพ่อ บอกแค่ว่า อย่ายินดีกับการเสริฟให้เขา ให้ทำไปตามหน้าที่ แล้ว้อธิืษฐานว่า ขอให้เขาเลิกดื่ม และต้องคอยสั่งสมทาน ศีล ภาวนาให้มากๆ

หรือ บางอาชีพ ทหาร ตำรวจ ล่ะ หลวงพ่อ ก็ไม่ได้บอกให้เลิกนะครับ แต่บอกว่า วิบากกรรมจากการฆ่าคน ก็จะมีเกิดขึ้น แต่ขณะเดียวกัน บุญจากการปกป้องคุ้มครองชีวิต ทรัพย์สิน ผู้อื่นก็จะตามมาช่วยไว้ด้วย เป็นต้นครับ

โดยส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่า ไม่ว่าอาชีพอะไรก็แล้วแต่ ให้เร่งสั่งสมทาน ศีล ภาวนาครับ และอย่ากังวลกับอาชีพตัวเองเกินไป หากยังคงกังวล ก็ควรจะมาบวชเป็นพระสถานเดียวเท่านั้น เพราะอาชีพอื่น ล้วนเสี่ยงอบายทั้งสิ้นครับ แต่แม้เป็นพระ ก็ต้องทำตามกฏ กติกา มารยาทของพระครับ มิฉะนั้น ก็อบายเช่นกัน