![mad.gif](style_emoticons/default/mad.gif)
ได้บุญต่างกันอย่างไรครับ?
เริ่มโดย Dhamma Bot, Oct 16 2006 08:14 PM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 16 October 2006 - 08:14 PM
การอุทิศส่วนบุญ และการอนุโมทนาบุญ ต่างก็เป็นบุญกริยาด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งเราต่างก็อุทิศบุญและอนุโมทนาบุญกันเป็นประจำอยู่แล้วใช่ไหมครับ ทีนี้ผมสงสัยว่าบุญที่ได้จากการอุทิศบุญ และการอนุโมทนาบุญ อย่างไหนน่าจะมากน้อยหรือต่างกันอย่างไร และอานิสงส์ของบุญระหว่างสองอย่างนี้จะเป็นอย่างไรครับ
![mad.gif](style_emoticons/default/mad.gif)
#2
โพสต์เมื่อ 16 October 2006 - 08:36 PM
ทำทั้ง 2 อย่างนี้หล่ะคะ เป็นที่มาแห่งบุญเช่นกัน
หยุดนั่นแหละเป็นตัวสมถะ
หยุดนั่นเองเป็นตัวสำเร็จ
ทั้งทางโลกและทางธรรม สำเร็จหมด
หยุดนั่นเองเป็นตัวสำเร็จ
ทั้งทางโลกและทางธรรม สำเร็จหมด
#3
โพสต์เมื่อ 16 October 2006 - 09:18 PM
มาดู
#4
โพสต์เมื่อ 16 October 2006 - 09:37 PM
เป็นบุญคนละแบบครับ แต่อุปการะซึ่งกันและกัน ยอมให้ผู้อื่นได้มีส่วนแห่งบุญ กับยอมรับส่วนแห่งบุญจากผู้อื่น เรียกว่าไม่แล้งน้ำใจ ใจกว้าง ลดมานะทิฏฐิของตนได้ด้วยครับ
#5
โพสต์เมื่อ 16 October 2006 - 09:45 PM
QUOTE
ผมสงสัยว่าบุญที่ได้จากการอุทิศบุญ และการอนุโมทนาบุญ
อย่างไหนน่าจะมากน้อยหรือต่างกันอย่างไร
อย่างไหนน่าจะมากน้อยหรือต่างกันอย่างไร
๖. ปัตติทานมัย บุญเกิดจากการเฉลี่ยหรืออุทิศส่วนความดีให้ผู้อื่น
ข้อนี้มีอุปมาเหมือนการนำเปลวไฟจากเทียนของเรา ไปต่อที่เทียนของผู้อื่น
ซึ่งเทียนของเราก็ยังสว่างอยู่ ไม่ได้ดับลับไปไหน
ผมว่าการอุทิศบุญให้ผู้อื่น เข้าลักษณะ เราเป็นผู้ให้
ธรรมดาผู้ให้ย่อมมีใจที่สะอาด นอกจากไม่ได้แย่ง ชิง เบียดเบียนผู้อื่นแล้ว เรายังให้เขาอีกด้วย
ผู้ให้ต้องมีความเมตตา ปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข
ผู้ให้ต้องมีความกรุณา ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์พ้นภัย
ด้วยสภาพใจที่ประกอบด้วยเมตตา กรุณา ใจที่สะอาดดังกล่าว
จึงเป็นเหตุให้ใจยิ่งใส ดวงบุญเดิมยิ่ง ใสยิ่งสว่าง ยิ่งขยาย เป็นดวงบุญโตที่มากขึ้น
๗. ปัตตานุโมทนามัย บุญเกิดจากความยินดี ,มุทิตาในการทำความดีของผู้อื่น
ผมว่าเข้าลักษณะ เราเป็นผู้รับ
คงเหมือนแต่เดิมเรามียอดบัญชีเงินฝาก 100 ล้านบาท
เมื่อเรายินดี มีมุทิตาในการทำความดีของผู้อื่น
อาจมีใครเพิ่มยอดบัญชีเงินฝากใหม่อีก 1 ล้านบาท รวมเป็น
เป็น 101 ล้านบาท เป็นต้น ( ตัวเลขสมมุติ นะครับ )
ทีนี้หากจะเทียบว่า อย่างไหนได้บุญมากกว่ากัน
ผมว่ามีปัจจัยอื่นอีกมากนะครับ
ซึ่งถ้าใช้จินตมยปัญญาของกายมุนุษย์หยาบคิด
ผมว่ายากที่จะคำนวณได้ถูกต้อง ว่าแบบไหนได้บุญมากกว่ากัน
บางกรณี ปัตติทานมัย ( เป็นผู้ให้ ) อาจทำให้ดวงบุญใส สว่าง โตกว่า
บางกรณี ปัตตานุโมทนามัย ( เป็นผู้รับ ) อาจทำให้ดวงบุญใส สว่าง โตกว่า
เพราะอนุโมทนาบุญกับบุคคลที่ออกจากนิโรธสมาบัติ หรือ ทำคุรุกรรมฝ่ายกุศลฯล เป็นต้น
วิธีที่ดีกว่าการเทียบเคียง คือ ใช้ธรรมจักษุตรวจว่า
ในแต่ละกรณี แบบไหนได้ดวงบุญที่โตกว่ากัน
QUOTE
และอานิสงส์ของบุญระหว่างสองอย่างนี้จะเป็นอย่างไรครับ
ถ้าปัตติทานมัย ( เป็นผู้ให้ ) ก็ย่อมเป็นที่รักของผู้รับ +
ย่อมมีบุญบันดาลให้ผู้อื่นอยากเอาบุญมาฝากเรา ทำให้เรามีบุญชีบุญเพิ่มขึ้น
ถ้า ปัตตานุโมทนามัย ( เป็นผู้รับ ) ก็ย่อมเป็นที่รักของผู้ให้
( ถ้าเขาไม่รัก ไม่ปรารถนาดี เขาคงไม่ให้เราหรอก ) +
ขึ้นกับเราอนุโมทนาบุญ อะไร ก็ได้อานิสงส์พิเศษตามนั้น
เช่น
อนุโมทนา การบวชพระธรรมทายาทที่วัดพระธรรมกาย
ก็ทำให้ได้โอกาส บวชพระได้บ้าง ได้ง่ายในอนาคต เป็นต้น
สรุปว่า
ถ้าเรายังไม่มีธรรมจักษุไปตรวจด้วยตนเอง
ควรหมั่นทำทั้ง 2 แบบ เพราะเป็นทางมาแห่งบุญทั้งนั้น
โดยลืมเรื่องการเปรียบเทียบไปบ้าง
เพราะ คิด ๆ เท่าไร คิดไม่ออกสักที
ดังนี้แล
*** ต้องให้เพื่อนสมาชิกท่านอื่น มาแสดงความเห็นต่อแล้วครับ
และถ้าความเห็นของผมผิดพลาดประการใด
ก็ทักท้วง ตักเตือน ช่วยปรับความเข้าใจถูกให้ผมด้วยนะครับ สาธุ ๆ ๆ
*** ข้อมูลเพิ่มเติม
บุญกิริยาวัตถุ สิ่งที่เป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ, เรื่องที่จัดเป็นการทำบุญ, ทางทำความดี
๑. ทานมัย
๒. สีลมัย
๓. ภาวนามัย
๔. อปจายนมัย ด้วยการประพฤติอ่อนน้อม
๕. เวยยาวัจจมัย ด้วยการช่วยขวนขวาย รับใช้
๖. ปัตติทานมัย ด้วยการเฉลี่ยส่วนความดีให้ผู้อื่น
๗. ปัตตานุโมทนามัย ด้วยความยินดีความดีของผู้อื่น
๘. ธัมมัสสวนมัย ด้วยการฟังธรรม
๙. ธัมมเทสนามัย ด้วยการสั่งสอนธรรม
๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ ด้วยการทำความเห็นให้ตรง
ว่าโดยย่อ คือ
๑.ทานมัย ทำบุญด้วยการให้
๒.สีลมัย ทำบุญด้วยการรักษาศีลและประพฤติดี
๓.ภาวนามัย ทำบุญด้วยการเจริญภาวนา
ไฟล์แนบ
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม
#6
โพสต์เมื่อ 16 October 2006 - 10:29 PM
dangdee อนุโมทนาด้วย
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
#7
โพสต์เมื่อ 17 October 2006 - 12:28 PM
คุณ dangdee ตอบดีเสมอเลยนะคะ สาธุ
DREAMLOVER เป็นคนตอบคำถามไม่ได้เรื่องเลยค่ะ บางทีเรารู้ เข้าใจเฉพาะตัวเรา แต่ไม่รู้จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจบ้างยังไง
เห็นหลายๆท่านในนี้ตอบดีมากๆ แถมยังขยายความเพิ่มเติมให้เราได้รู้มากขึ้นไปอีกด้วยค่ะ สาธุอีกที
DREAMLOVER เป็นคนตอบคำถามไม่ได้เรื่องเลยค่ะ บางทีเรารู้ เข้าใจเฉพาะตัวเรา แต่ไม่รู้จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจบ้างยังไง
![tongue.gif](style_emoticons/default/tongue.gif)
เห็นหลายๆท่านในนี้ตอบดีมากๆ แถมยังขยายความเพิ่มเติมให้เราได้รู้มากขึ้นไปอีกด้วยค่ะ สาธุอีกที
#8
โพสต์เมื่อ 18 October 2006 - 12:31 AM
สาธุครับ
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ
เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก
Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain
#9
โพสต์เมื่อ 19 October 2006 - 06:25 AM
I think it depend on your piti.... the more you pitit and remebering your boon the more you will get more kah.
In my opinion การอุทิศบุญ will give you more merits than การอนุโมทนาบุญ kah. Coz inorder for you to share you merit - อุทิศบุญ with some one else..... you yourself need to do it. So you get to level of boon.
1 ) you made it your self.
2 ) you share it with some one.... and because of sharing you will get more boon kah!!
In my opinion การอุทิศบุญ will give you more merits than การอนุโมทนาบุญ kah. Coz inorder for you to share you merit - อุทิศบุญ with some one else..... you yourself need to do it. So you get to level of boon.
1 ) you made it your self.
2 ) you share it with some one.... and because of sharing you will get more boon kah!!
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ
ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ
![^_^](https://www.dmc.tv/forum/public/style_emoticons/default/happy.png)