ชาดก 500 ชาติ
ขันธปริตตชาดก-ชาดกว่าด้วยพระปริตรป้องกันสัตว์ร้ายต่าง ๆ
กลุ่มภิกษุกำลังช่วยกันผ่าฟืนริมประตูเรือนไฟในสมัยพุทธกาลเมื่อครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่งตรัสพระธรรมเทศนานี้ ครั้งนั้น
มีภิกษุกลุ่มหนึ่งกำลังช่วยกันผ่าฝืนกันอยู่ที่ประตูเรือนไฟ
งูออกมาจากร่องไม้ฟืนที่กลุ่มภิกษุกำลังผ่ากันอยู่“ อ้าว เร่งมือกันหน่อย นี่ก็ใกล้เวลาทำวัตรเย็นแล้ว ” “ ก็เร่งอยู่นี่ไง เจ้าเองก็อย่าชักช้าล่ะ ” ในขณะที่ภิกษุเหล่านั้นกำลังเร่งหาฟืนอยู่นั้น
งูตัวหนึ่งที่กำลังหลับอยู่ในร่องไม่ผุได้ยินเสียงผ่าฟืนก็ตื่นขึ้น แล้วเลื้อยออกมาจากไม้นั้น
งูพิษได้กัดภิกษุรูปหนึ่งที่กำลังผ่าฟืนแล้วตรงเข้ากัดที่เท้าของภิกษุรูปหนึ่งมรณภาพทันที “ หนอย งูกำลังหลับกำลังนอน น่ารำคาญจริง แบบนี้ต้องโดนดี นี่แน่ะ ๆ ” “ โอ้ย ช่วยข้าด้วย
ข้าถูกงูกัด ” “ ทำใจดี ๆ เอาไว้ เดี๋ยวข้าตามคนมาช่วย ลืมตาสิ เจ้าอย่างเพิ่งตาย ”
ภิกษุตื่นตกใจเมื่อรู้ว่ามีอะไรบางอย่างกัดที่เท้าของตนเรื่องที่ภิกษุถูกงูกัดจนมรณภาพนี้ได้ปรากฏไปทั่ววัด ภิกษุทั้งหลายต่างพากันสนทนาในเรื่องนี้ที่โรงธรรม “ ภิกษุนั้น ถูกงูกัดที่หน้าประตูเรือนไฟ
นั้นแหละ ” “ เจ้างูนี่ร้ายจริง ๆ เห็นว่าพอกัดแล้ว ภิกษุนั้นก็มรณะภาพทันทีเลย ”
ภิกษุรูปหนึ่งมรณภาพทันทีหลังจากถูกงูกัด“ โอโห้น่ากลัวจริง ๆ เลย เป็นแบบนี้ข้าก็ไม่กล้าไปผ่าฝืนแถวนั้นแล้วหล่ะ ” พระศาสดาเสด็จมาเห็นภิกษุเหล่านั้นกำลังจับกลุ่มสนทนากันอยู่
จึงทรงตรัสถาม “ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร ”เหล่าภิกษุต่างพากันพูดถึงเรื่องงูพิษที่กัดภิกษุตาย“ พวกเราสนทนากันเรื่องที่มีภิกษุถูกงูกัดมรณะพระเจ้าค่ะ ” “ พวกเรากลัวจะถูกงูกัด จนไม่มีใครกล้าไปแถวนั้นอีกพระเจ้าค่ะ ” “ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
หากภิกษุรูปนั้นจักได้เจริญเมตตาแผ่ถึงตระกูลพญางูทั้ง ๔ แล้ว งูก็จะไม่กัดภิกษุนั้น แม้ดาบสทั้งหลายซึ่งเป็นบัณฑิตแต่ปางก่อนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นกลุ่มภิกษุกำลังสนทนากันอย่างเคร่งเครียดเมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่ได้อุบัติก็ได้เจริญเมตตาในพญางูทั้ง ๔ ปลอดภัยอันจะเกิดเพราะอาศัยตระกูลพญางูเหล่านั้น ” พระศาสดาตรัสดังนั้นแล้ว
จึงทรงนำเรื่องราวในอดีตมาแสดงดังนี้ ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตทรงเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสถามกลุ่มภิกษุที่กำลังสนทนากันอยู่พระโพธิสัตว์อุบัติในตระกูลพราหมณ์แคว้นกาสี ครั้นเจริญวัยพระโพธิสัตว์ก็สละกามสุขออกบวชเป็นฤาษี สร้างอาศรมบทที่คุ้งแม่น้ำแห่งหนึ่ง
ในหิมวันตประเทศ “ ความสุขทางโลก มิใช่ความสุขที่แท้จริง เราควรสละเสียดีกว่า ”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่า ขันธปริตตชาดกเมื่อออกบวชเป็นฤาษีแล้ว พระโพธิสัตว์ก็ได้บำเพ็ญเพียรจนเกิดอภิญญาและสมาบัติ เป็นที่นับถือของฤาษีในป่านั้น และเป็นครูประจำคณะ
ของหมู่ฤาษีทั้งหลาย “ ฤาษีผู้นี้บำเพ็ญเพียรจนสำเร็จฌาน ช่างน่าเลื่อมใสนัก ”พระโพธิสัตว์ได้บังเกิดในตระกูลพราหมณ์แห่งแคว้นกาสี“ พวกเราขอฝากตัวเป็นศิษย์ท่าน ขอท่านจงรับเราเอาไว้ด้วยเถิด ” “ ถ้าเช่นนั้นพวกท่านทั้งหลายจงตั้งใจบำเพ็ญเพียรเพื่อให้เกิดอภิญญาและสมาบัติเถิด ”ณ ที่ฝั่งแม่น้ำที่คณะฤาษีของพระโพธิสัตว์อาศัยอยู่นั้น มีงูพิษนานาชนิดอาศัยอยู่ งูได้กัดฤาษีเสียชีวิตไปหลายตน
พระโพธิสัตว์ได้ออกบวชเป็นฤาษี“ งู งู ช่วยด้วย ข้าโดยงูกัด ช่วยข้าด้วย ” “ ทางนี้ก็มี ป่าแห่งนี้มีงูมากมายเหลือเกิน ” เรื่องที่ฤาษีถูกงูกัดตายไปหลายตนนั้น นับวันก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น
สร้างความหวาดกลัวให้กับฤาษีทั้งหลายในคณะของพระโพธิสัตว์ยิ่งนัก “ ไม่ไหวแล้ว ข้ากลัวเหลือเกิน ”
บรรดาฤาษีทั้งหลายต่างพากันยกให้ฤาษีโพธิสัตว์เป็นอาจารย์ของพวกตน“ วันนี้ก็มีฤาษีถูกงูกัดตายอีกแล้ว ” “ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราก็คงไม่รอดเหมือนกัน ” เมื่อพระโพธิสัตว์เห็นว่าฤาษีทั้งหลายต่างพากันหวาดกลัว
งูพิษนั้น จึงเรียกประชุมและให้โอวาทแก่ฤาษีทั้งหลาย “ หากพวกท่านเจริญเมตตาในตระกูลพญางูทั้ง ๔ งูทั้งหลายก็จะไม่กัดพวกท่าน
ริมฝั่งแม่น้ำใกล้ๆ ที่ฤาษีพักมีงูพิษอาศัยอยู่มากมายเพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้ไป พวกท่านจงเจริญเมตตาในพญางูทั้ง ๔ เถิด ” พระโพธิสัตว์บอกให้ฤาษีทั้งหลายเจริญเมตตาแก่พญางูทั้ง ๔ แล้วจึงกล่าวคาถา“ ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับตระกูลพญางู วิรูปักขะ ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับตระกูลพญางู เอราปถะ ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับตระกูลพญางู ฉัพยาปุตตะ
ฤาษีหลายตนถูกงูพิษกัดตายขอไมตรีจิตของเราจงมีกับตระกูลพญางู กัณหาโคตมะ” พระโพธิสัตย์ครั้นแสดงตระกูลพญางูทั้ง ๔ แล้ว จึงกล่าวคาถาต่อ ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์
ที่ไม่มีเท้า ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์สองเท้า ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์สี่เท้า
บรรดาฤาษีทั้งหลายต่างพากันหวาดกลัวงูพิษที่มีจำนวนมากขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์ที่มีเท้ามาก ขอสัตว์ที่ไม่มีเท้า สัตว์ที่มีสองเท้า สัตว์ที่มีสี่เท้า สัตว์ที่มีเท้ามากอย่าได้เบียดเบียนเราเลย ทั้งมวลจงพบ
กับความเจริญ ความชั่วช้าอย่าได้มาแผ้วพานสัตว์ตนใดตนหนึ่งเลย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ฤาษีโพธิสัตว์ได้บอกให้ศิษย์ของตนแผ่เมตตาให้กับเหล่าสัตว์ทั้งหลายมีพระคุณหาประมาณมิได้ บรรดาสัตว์เลื้อยคลาน คือ งู แมลงป่อง แมลงมุม ตุ๊กแกและหนูมีคุณหาประมาณไม่ได้ เราได้ทำการรักษา ทำการปกป้อง
ไว้แล้ว ขอสัตว์ทั้งหลายผู้มีชีวิตจงพากันหลีกไป ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระโพธิสัตว์ได้แผ่เมตตาให้กับพญางูทั้ง ๔ ตระกูลขอนอบน้อมพระพุทธเจ้าทั้ง ๗ พระองค์ ” พระโพธิสัตว์ผูกพระปริตนี้ให้แก่คณะฤาษีแล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คณะฤาษีก็ตั้งอยู่ในโอวาทของ
พระโพธิสัตว์ เจริญเมตตา ระลึกถึงพระพุทธคุณ เมื่อฤาษีรำลึกถึงพระพุทธคุณอยู่อย่างนี้
พระโพธิสัตว์ได้แผ่เมตตาให้กับสัตว์สี่เท้าบรรดางูทั้งหลายทั้งหมดต่างก็หนีไป แม้พระโพธิสัตว์ก็เจริญพรหมวิหาร มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า เมื่อพระศาสดาแสดงพระธรรมเทศนา
จบแล้วจึงทรงอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลายแผ่เมตตาไปยังตระกูลพญางูทั้ง ๔พระศาสดาทรงให้ภิกษุทั้งหลายแผ่เมตตาจิตไปยังพญางูทั้ง ๔ ตระกูล“ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุแผ่เมตตาจิตไปยังตระกูลพญางู ๔ จำพวกนี้ เพื่อคุ้มครองตน เพื่อรักษาตน เพื่อป้องกันตน ” พระศาสดาทรงนำพระเทศนา
นี้มาแล้วทรงประชุมชาดกพระศาสดาทรงประชุมชาดกแก่เหล่าคณะสงฆ์คณะฤาษีในครั้งนั้น ได้เป็น เหล่าภิกษุในครั้งนี้
ครูประจำคณะ คือเราตถาคตนี้แล[[videodmc==58484]]
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages//นิทานชาดก-ขันธปริตตชาดก.html
เมื่อ 1 กรกฎาคม 2567 10:11
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv