ชาดก 500 ชาติ
สุวรรณหังสชาดก-ชาดกว่าด้วยความโลภ
นครสาวัตถีครั้งหนึ่งในพุทธกาลสมัย ณ พระเชตวันในนครสาวัตถีต้นตำนานแห่งนิทานความดีที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เป็นชาดกตามลักษณะธรรม
อันปรากฎขึ้น กาลครั้งนั้นก็เช่นกัน พระพุทธศาสดาทรงตรัสพระธรรมคำสอนในข้อความโลภขึ้นเหล่าภิกษุณีกำลังสวดมนต์ทำวัตรเช้าอรรถกถานั้นมีต้นเหตุจากบรรดาเหล่าภิกษุณีแห่งพระเชตวันมหาวิหารแห่งนี้ ได้กระทำสิ่งไม่ดีงาม คือความโลภนั่นเอง เหล่าภิกษุณีดังกล่าว
มีถูลนันทาเถรีเป็นหัวหน้า คอยควบคุมดูแลเหล่าภิกษุณีให้อยู่ในวินัยสงฆ์อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติไว้
เหล่าภิกษุณีพากันออกบิณฑบาตในตอนเช้า“ นี่ก็ถึงเวลาที่ต้องออกบิณฑบาตแล้ว เมื่อสวดมนต์เสร็จแล้ว พวกท่านตามเราออกมาเถิด ” พระภิกษุณีต่างมีวัตรปฏิบัติงดงามเป็นอันดี หน้าที่หนึ่ง
ซึ่งกลุ่มของพระถูลนันทาเถรีปวารนาไว้คือ บิณฑบาตกระเทียมเพื่อประกอบในภัตตาหารบ้าง เป็นโอสถบ้างตามวาระ
ภิกษุณีบิณฑบาตกระเทียมเพื่อนำไปทำโอสถและประกอบภัตตาหาร“ บิณฑบาตทางนี้ด้วยครับ ” “ เจริญพรโยม ” “ เร็วๆ เข้าสิ พระภิกษุณีมาโน้นแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันบิณฑบาตรนะ ” “ ข้าก็รีบสุด ๆ แล้วเนี่ย ” ครั้นต่อมา
ได้มีอุบาสกผู้ค้ากระเทียมในนครสาวัตถีได้กราบปวารนาถวายกระเทียมแก่ภิกษุณีสงฆ์ เพื่อไม่ให้ลำบากไปเที่ยวบิณฑบาต
ชาวบ้านต่างพากันใส่บาตรภิกษุณีด้วยกระเทียม“ กระผมนำกระเทียมจำนวนมากมาถวายพระแม่เจ้าขอรับ ” “ เจริญพรโยม ขอให้ท่านทำมาค้าขายสะดวก สำเร็จดั่งใจนึกนะท่าน ” “ สาธุ ” อุบาสกผู้ปวารนา
กระเทียมยังได้สั่งคนดูแลโรงเรือนเก็บสินค้านี้ให้ถวายแก่ภิกษุณีไปทุก ๆ ครั้ง ครั้งละ ๒-๓ ห่อ หากมีเถรีเหล่านี้มาหา
อุบาสกพ่อค้าต้องการที่จะถวายกระเทียมแด่ภิกษุณีสงฆ์ครั้งหนึ่งทางราชการมีงานฉลอง กระเทียมที่ร้านรวมถึงส่วนที่เก็บตุนไว้ของพ่อค้าใจบุญผู้นี้ได้ถูกกว้านซื้อไปหมด “ กระผมต้องขออภัยพระแม่เจ้าด้วยนะขอรับ
กระเทียมที่ร้านได้ถูกซื้อไปหมดไม่มีเหลืออยู่เลยนะขอรับ ” “ ถ้าเช่นนั้นควรทำเช่นไรดี วันนี้บิณฑบาตมาก็ได้น้อยมาก กลัวไม่พอสำหรับทำโอสถ ”
พ่อค้าอุบาสกปวารณาที่จะถวายกระเทียมแด่ภิกษุณีสงฆ์“ พระแม่เจ้านำบริวารไปที่ไร่เถิด เรายังมีกระเทียมกักตุนอยู่ที่ไร่ไม่น้อยขอรับ ” “ ได้สิ ขอบใจท่านมาก ” “ นิมนต์พระเถรีที่ไร่กระเทียม กระผมจะนำทาง
ไปเดี๋ยวนี้แหละขอรับ ” ไม่นานเหล่าภิกษุณีก็ถึงที่เก็บกระเทียมภายในไร่ของอุบาสกซึ่งออกปากถวายไว้แล้ว
พ่อค้าอุบาสกนำทางภิกษุณีไปยังโรงเรือนที่เก็บกระเทียมในไร่ของตนเหล่าภิกษุณีจึงทำการขนเอากระเทียมเหล่านั้นกลับวิหารเชตวันอย่างมากมายไม่รู้จักประมาณ “ ช่วยกันขนกลับไปเยอะๆ เถิด พักนี้ชาวบ้านออกมาใส่บาตร
กระเทียมกันน้อยเหลือเกิน ขนไปเยอะๆ เราจะได้มีพอทำโอสถได้หลายๆ เดือน ” “ หัวงาม ๆ ทั้งนั้นเลยนะคะพระแม่เจ้า ”เหล่าภิกษุณีนำกระเทียมกลับไปยังวิหารมากมายจนเกินงาม“ เฮ้ย ท่านพระภิกษุณีจะขนไปทำยาหรือเอาไปขายหน่ะ เยอะขนาดนั้น ” พฤติกรรมอันโลภมากนั้นไม่สมควรทำ เมื่อคนเฝ้าไร่พากันตำหนิ เหล่าสงฆ์ในพระวิหาร
ก็พลอยอับอายและโกรธเคือง “ กว่าพวกผมจะเก็บกระเทียมพวกนั้นจากไร่มาหมดก็ ๒-๓ อาทิตย์ เหล่าภิกษุณีมาบิณฑบาตวันเดียว ขนไปหมดเลยนะท่าน ”
เหล่าภิกษุสงฆ์ต่างพากันตำหนิการกระทำของภิกษุณี“ การกระทำเช่นนั้นไม่เหมาะเลย เราจะนำความไปกราบทูลแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ” ครั้นเหล่าภิกษุกราบทูลความนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ทรงตรัสตำหนิ
ภิกษุณีถูลนันทา ในครั้งนั้นพระองค์ทรงเปิดสังฆสภาเพื่อแสดงธรรมที่เหมาะแก่การโปรดภิกษุณีผู้โลภมากไว้ในกาลนั้นว่า
ภิกษุนำความเรื่องของภิกษุณีไปกราบทูลแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า“ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายขึ้นชื่อว่าบุคคลผู้มีความปรารถนาไม่รู้จักพอนั้น ไม่อาจกระทำให้ลาภผลของตนยั่งยืนได้ มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้นที่ภิกษุณีถูลนันทา
มีความโลภเป็นใหญ่ แม้ในอดีตชาติเธอก็เคยผิดพลั้งเพราะโลภมากมาแล้ว ”
พระสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่า สุวรรณหังสชาดก แก่เหล่าภิกษุทั้งหลายสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสสาทกความโลภนั้นด้วยชาดกสุวรรณหังส ดังนี้ ย้อนกาลเวลาไปยังพุทธสมัยพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน พระโพธิสัตว์
จุติขึ้นในครอบครัวพราหมณ์สกุลหนึ่ง เมื่อเติบโตเป็นหนุ่มก็ได้รับการตบแต่งให้วิวาห์กับสตรีอันมีชาติตระกูลสมควรกันพระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ได้แต่งงานกับสตรีที่มีชาติตระกูลเสมอกันเมื่อแต่งงานออกเรือนแล้วก็เป็นครอบครัวพราหมณ์อยู่ในจารีตแห่งวรรณะและมีทรัพย์พอกินอยู่ได้ไม่ขัดสน ทั้งสองมีบุตรหญิงด้วยกัน ๓ คน “ ลูกสาวของเรา
ทั้งสามคนนับวันก็เติบโตเป็นสาวกันหมดแล้วนะพี่ ” “ เจ้าต้องหมั่นสอนให้ลูก ๆ ทำงานบ้านงานเรือนอย่าให้บกพร่อง ออกเรือนไปจะได้ไม่ขายหน้าเขา
พราหมณ์ทั้งสองมีลูกสาวด้วยกันทั้งหมด ๓ คน” ธิดาทั้งสาม ชื่อนันทา นันทวดี และสุนันทา ยิ่งวันก็ยิ่งเจริญวัย ในขณะที่บิดามารดาเริ่มร่วงโรยสู่วัยชราอันเป็นธรรมดาของโลก “ มาทานข้าวทานปลา
กันได้แล้วล่ะลูก ๆ วันนี้แม่สั่งให้คนทำของโปรดของพวกเจ้าทั้งนั้นเลยนะ ” “ มีอาหารอ่อน ๆ ให้พี่บ้างไหม พักนี้ท้องมันไม่ค่อยย่อยเลย ”
พราหมณ์พระโพธิสัตว์ถึงแก่กรรมลงด้วยวัยชรา“ ท่านพ่อแก่แล้วฟันไม่แข็งแรงมากกว่ามั้งค่ะ ต้องทานอาหารอ่อน ๆ ” “ เออ ลูกคนนี้ชั่งแซวพ่อจริง ๆ ” ในที่สุดเทวทูตองค์ที่ ๔ ที่ชื่อว่ามรณะก็นำความตาย
มาสู่ครอบครัว พราหมณ์ผู้หาเลี้ยงภรรยาและบุตรสาวก็ถึงแก่กรรมลงในวันหนึ่ง “ ฮือ ฮือ ฮือ ท่านพี่จากไปแล้ว แล้วน้องจะเลี้ยงลูกต่อไปยังไง ”
พราหมณ์พระโพธิสัตว์ละโลกแล้วไปเกิดเป็นพญาหงส์ทองพราหมณ์นั้นครั้นถึงกาลชีวิตลงแล้วก็ไปเกิดเป็นหงส์ทองในป่าใหญ่อันอุดมสมบูรณ์ ในกำเนิดใหม่หงส์ทองมีญาณระลึกชาติได้ เพราะมีอานิสงส์
ของพระโพธิสัตว์ ครั้นเติบโตได้เต็มวัยสรีระก็เต็มไปด้วยขนทองคำงดงามยิ่ง จึงทำสมาธิอนุสติญาณสู่กาลอดีตเมื่อยังเป็นมนุษย์ด้วยความใคร่รู้
พญาหงส์ทองสามารถระลึกอดีตชาติของตนได้“ อืม ก่อนนี้เราอยู่ในวรรณะพราหมณ์หรือนี้ มีภรรยาและมีบุตรหญิง แล้วตอนนี้พวกนางมิได้สุขดั่งเก่าเพราะขาดคนเลี้ยงดู ช่างน่าสงสารจริง ๆ เฮ้อ ”
ในญาณสมาธินั้นนำความสงสารบังเกิดแก่สุวรรณหงส์เป็นอย่างยิ่ง ความเป็นอยู่จริงที่บุตรีและนางพราหมณ์ประสบอยู่คือ การมีชีวิตอยู่เพื่อรับจ้าง
ทำงานหนักให้ผู้อื่นสุขสบาย
ภรรยาและบุตรของพราหมณ์ต้องทำงานหนักเพื่อเลี้ยงชีพ“ อึบ เอ้ย หนักจัง ” “ ไหวรึเปล่าท่านแม่ ” “ ฮือ ฮือ ทำไมท่านพี่ต้องทิ้งพวกเราไปด้วย ถ้าพ่อเจ้ายังอยู่พวกเราก็คงไม่ลำบากกันอย่างนี้ ” พญาหงส์เมื่อทราบทุกสิ่ง
แจ้งจากญาณแล้วก็เร่งบินมาสู่ครอบครัวเดิมของตนเพื่อช่วยเหลือให้สุขสบาย “ ว้าวหงส์ หงส์ทองคำ ” “ ไหนพี่ อุ๊ย ใช่จริง ๆ ด้วยหงส์ทองเหลืองอร่ามไปทั้งตัวเลย ”
พญาหงส์ทองบินมาหาลูกและเมียของตน“ มาจากไหนกันเนี่ย จับไว้เร็วลูก ๆ ” “ จะดีหรือท่านแม่ เป็นพญาหงส์เชียวนะ จะยอมให้เราจับง่ายๆ หรือ ” “ ช้าก่อนเถอะลูกเอ๋ย เรานี้คือบิดาของเจ้า
มาเกิดในร่างทองคำนี้ ลูกเอ๋ยจากนี้ไปจงนำขนทองคำนี้ไปเลี้ยงชีวิตอยู่กินกันให้สุขสบายเถิด ” พญาหงส์ทองสลัดขนไว้ให้แล้วอำลาจากไปพญาหงส์ทองได้มอบขนทองคำของตนให้กับภรรยาและลูก ๆ“ อุ๊ย ขนทองคำ งานนี้รวยแล้วเรา ” “ ท่านพ่อคงเป็นห่วงพวกเรามาก เกิดใหม่แล้วยังเป็นห่วงพวกเราอีก ” “ มีขนทองของท่านพ่อ พวกเราก็สบายกันแล้วสิท่านพี่ ”
“ ใช่จ้ะ พวกเราไม่ต้องทำงานหนักเหมือนเคยแล้ว ขอบคุณท่านพ่อจริง ๆ ” ไม่นานต่อมาฐานะของพราหมณ์และลูก ๆ ก็ดีขึ้นมากพญาหงส์ทองได้แวะเวียนมามอบขนทองของตนให้ลูกและเมียอย่างสม่ำเสมอพญาหงส์ทองก็ยังแวะมาสลัดขนไว้ให้เป็นระยะมิได้ทอดทิ้งแต่อย่างใด “ อึบ สองสามขนคงจะพอนะ พวกเจ้าสุขสบายกันแล้วเราก็สบายใจ ” วันหนึ่งด้วยความ
ปรารถนาไม่รู้จักพอนางพราหมณ์กลับคิดร้ายต่อผู้มีพระคุณ คิดแผนร้ายขึ้นมาแผนหนึ่ง “ ลูก ๆ เชื่อแม่เถอะ หากวันหนึ่งพญาหงส์ไม่กลับมาอีกภรรยาของพราหมณ์ได้วางแผนให้ลูกๆ จับตัวพญาหงส์ทองพวกเราจะทำกันยังไง คราวนี้หากเขาบินมาหาเรา ต้องจับตัวถอนขนเอาไว้ให้หมด เราจะรวยกันใหญ่ หึ หึ ” “ จะดีหรือท่านแม่ ท่านพ่ออุตส่าห์ช่วยเราไว้นะ ”
“ นั่นนะสิ ข้าไม่ทำตามที่ท่านแม่บอกหรอก สงสารท่านพ่อ ” “ พวกข้าเชื่อว่าท่านพ่อหรือพญาหงส์ไม่ทิ้งพวกเราไปหรอกภรรายาพราหมณ์ได้จับตัวพญาหงส์เพื่อที่จะนำไปถอนขนท่านแม่อย่าทำอย่างนี้เลย ท่านพ่ออุตส่าห์เป็นหวงเรานะ ” เมื่อบุตรสาวไม่เห็นด้วยกับแผนการร้ายของนางพราหมณ์ นางพราหมณ์จึงวางกลหลอกพญาหงส์
แล้วจับมาจัดการถอนขนทองคำด้วยตัวคนเดียว “ นี่แน่ะ ไม่มีใครช่วยทำเองก็ได้ อย่าดิ้นสิท่านพี่ ท่านน่าจะดีใจนะขนของพญาหงส์ทองเปลี่ยนเป็นขนธรรมดาหลังจากที่ถูกถอนจนหมดทั้งตัวเจ็บตัวแค่นิดหน่อย แต่ลูกเมียสบายไปชาติหนึ่งนะ ” “ โอ้ย โอ้ย นางพราหมณ์โง่เอ้ย เจ้าจะไม่ได้สิ่งใดจากเราอีกแล้ว ” “ เราไม่เอาอะไรอีกแล้วล่ะ ขอขนเจ้า
หมดเนื้อหมดตัวคราวนี้ก็พอ บอกว่าอย่าดิ้น อย่าดิ้น เดี๋ยวเจ็บ ข้าถอนขนลำบากรู้ไหม อยู่นิ่ง ๆ ” “ ท่านแม่ไม่น่าทำอย่างนี้เลย ท่านพ่ออุตส่าห์มาช่วยแท้ ๆ ”เมื่อขนชุดใหม่ขึ้นเต็มตัวพญาหงส์ทองก็บินหนีกลับไปยังที่อยู่ของตน“ สงสารท่านพ่อจัง ” “ ทำไมท่านแม่ถึงได้โลภมากเช่นนี้นะ ” พริบตาขนทุกเส้นของพญาหงส์ก็ถูกถอนจนเจ็บแสบทรมานไปทั้งร่าง แต่ด้วยพระโพธิสัตว์มิได้
สมัครใจมอบให้ขนทุกเส้นที่ถอนมาจึงกลายเป็นขนนกหงส์ธรรมดา ๆ นางพราหมณ์โกรธมาก จึงจับพญาหงส์ใส่ตุ่มขังไว้รอขนชุดใหม่ในฤดูกาลหน้า “ โอ้ย โอ้ย
เจ็บแสบไปทั้งตัว เมื่อเจ้าไม่สำนึกบุญคุณของเรา เกิดความโลภขนาดนี้ เราก็จะไม่ขอช่วยเจ้าอีก โอ๊ะ โอ้ย ”
ด้วยบุญญาบารมีพระโพธิสัตว์เพียงไม่กี่วันขนทองชุดใหม่ก็งอกขึ้นเต็มตัว และบัดนั้นเองพญาหงส์ก็บินหนีไปยังที่อยู่ตน ตั้งแต่นั้นมานางพราหมณ์กับลูก ๆ
ก็ไม่ได้พบกับตัวหงส์ทองอีกเลยพระพุทธองค์ตรัสชาดกจบแล้ว ทรงตรัสคาถานี้ความว่า คนได้สิ่งใด ควรยินดีด้วยสิ่งนั้น เพราะความโลภเกินประมาณชั่วนัก
นางพราหมณ์จับพญาหงส์เสียแล้วจึงเสื่อมจากทอง
ในพุทธกาลครั้งนั้น นางพราหมณี กำเนิดเป็น ภิกษุณีถูลนันทา
ธิดาทั้งสาม กำเนิดเป็น เหล่าภิกษุณีบริวาร
พญาหงส์ทอง เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้าคาถาประจำชาดกยัง ลัทธัง เตนะ ตุฏฐัพพังอะติโลโภ หิ ปาปาโกหังสาระชัง คะเหตะวานะสุวัณณา ปะริหายะติบุคคลได้สิ่งใด ควรยินดีด้วยสิ่งนั้นเพราะความโลภเกินประมาณ ชั่วนัก[[videodmc==58513]]
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages//นิทานชาดก-สุวรรณหังสชาดก.html
เมื่อ 1 กรกฎาคม 2567 10:10
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv