ชาดก 500 ชาติ
อารามทูสกชาดก-ชาดกว่าด้วยความฉลาดอันไม่เป็นประโยชน์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสด็จมายังแคว้นโกศลพร้อมเหล่าภิกษุจำนวนมาก
ครั้งเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เดินทางเผยแผ่พระธรรมในที่ต่างๆ ครั้งหนึ่งได้เสด็จไปที่แคว้นโกศล ครั้งนั้นมีภิกษุตามเสด็จไปด้วยมากมาย
เมื่อองค์ศาสดาเดินทางมาถึงแคว้นโกศล ได้มีเศรษฐีผู้หนึ่งได้นิมนต์ให้พักที่บ้านของตน
เศรษฐีได้นิมนต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปฉันภัตตาหารที่บ้านของตน
เศรษฐีใจบุญผู้นี้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างมาก เมื่อเห็นว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จผ่านมา ก็ไม่ละโอกาสที่จะได้ฟังธรรม
“ นิมนต์ขอรับ กระผมได้เตรียมพระกระยาหารไว้พร้อมแล้วขอรับ ” “ ดีใจจัง วันนี้ได้มีโอกาสฟังธรรมด้วย ”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมายังบ้านของเศรษฐี
“ ฟังเจ้าบ่นทุกวัน จนข้าเบื่อแล้ว วันนี้ได้ฟังธรรมโชคดีจริงๆ ” เมื่อองค์พระศาสดาแสดงธรรมเรียบร้อยแล้ว เศรษฐีก็เชิญชวนให้ชมอุทยานในบ้านของตน
“ บ้านของกระผมมีอุทยานที่สวยงามมาก ขอเชิญเสด็จชมสักครั้งเถิด ขอรับ ” “ เศรษฐีนี้เห่อสวนของตัวเองจริงๆ ใครมาก็ต้องอวด ”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม ณ บ้านท่านเศรษฐี
“ หือ ก็สวนสวยจริงๆ นี่น่า ข้าเองก็ช่วยดูแลด้วยนะ ถึงได้สวยอย่างนี้ ” ภิกษุทั้งหลายเดินชมอุทยานตามคำนิมนต์ของเศรษฐี อุทยานด้านหนึ่งสวยงาม
ยังกับถูกเนรมิต อีกด้านกลับแห้งแล้งดอกไม้ต้นไม้ล้มตาย จึงเกิดความสงสัยขึ้น
บ้านของเศรษฐีใหญ่โตและร่มรื่น
“ ท่านเศรษฐี ทำไมสวนของท่านถึงมีส่วนที่แห้งแล้งด้วยละ ” “ ก็เด็กชาวบ้านที่มารดน้ำต้นไม้ให้กระผมนะสิ ขอรับ รดน้ำยังไงก็ไม่รู้ พวกนี้เล่นถอน
ออกมาทั้งรากแล้วก็รด ต้นไม้ของผมก็เลยตายหมด ”
อุทยานภายในบ้านของท่านเศรษฐีสวยงามอลังการ
พระพุทธองค์ทรงรู้แจ้งด้วยญาณ จึงตรัสว่า มิใช่แต่ในครั้งนี้หรอก เด็กชาวบ้านเหล่านี้ แม้แต่ในอดีตก็เคยทำลายสวนมาก่อน แล้วพระองค์ก็ทรง
เล่าเรื่อง อารามทูสกชาดก ณ เมืองพาราณสี ครั้งนั้นเจ้าเมืองพาราณสี ได้จัดงานเทศกาลประจำปี
บรรดาภิกษุต่างสงสัยถึงความแตกต่างของอุทยานซึ่งด้านหนึ่งสวยงามแต่อีกด้านหนึ่งแห้งแล้ง
ชาวบ้านทั้งใกล้และไกลต่างเดินทางมาร่วมงานกันอย่างล้นหลาม “ คนอื่นเค้าก็ได้ไปเที่ยวกันหมด มีแต่เราที่ต้องมานั่งเฝ้าต้นไม้ โอ๊ย อยากไปเที่ยวในงานจัง ”
นายคนสวนบ้านเศรษฐีหลังหนึ่ง นั่งทุกข์ใจอยู่ในสวน ด้วยจิตอยากออกไปเที่ยวในเมืองอย่างคนอื่นๆ บ้าง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงนำ อารามทูสกชาดก มาตรัสเล่าต่อท่านเศรษฐี
แต่เนื่องจากเป็นฤดูแล้ง ต้นไม้ที่ปลูกใหม่จะขาดน้ำ หากว่าเค้าออกไปเที่ยว ก็จะไม่มีใครคอยรดน้ำต้นไม้ ในอุทยานนั้นมีลิงอยู่ฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ ลิงฝูงนั้น
ได้เก็บดอกผลของต้นไม้ต่างๆ สุขสบายอยู่ตลอดมา นายสวนจึงคิดแผนการให้ลิงฝูงนี้ช่วยรดน้ำต้นไม้แทนตน
เมืองพาราณสีได้จัดงานเทศกาลประจำปี
“ นี้แน่ะเพื่อน เราเคยร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมาไม่น้อย อุทยานเป็นที่กินและที่อยู่ของเพื่อนมานานแล้วใช่ไหม ” “ เจี๊ยกๆๆ ใช่แล้วท่าน ถ้าไม่มีอุทยานนี้
พวกเราคงลำบากันมาก พวกเราขอขอบคุณท่านมากที่คอยดูแลเอาใจใส่
เทศกาลประจำปีมีการละเล่นทั้งดนตรี ระบำ รำฟ้อน
พวกเราบำรุงรักษาต้นไม้พวกนี้ให้ออกดอกผลงดงามตามฤดูกาล พวกท่านช่างต่างมีพระคุณกับเราจริงๆ เลย เจี๊ยกๆ ๆ ” “ เจ้าคิดได้อย่างนี้ก็ดี
บัดนี้ในเมืองมีงานเทศกาลประจำปี ชั้นอยากไปเที่ยวบ้าง แต่ก็ยังเป็นห่วงว่ายังไม่มีใครรดน้ำต้นไม้ที่เพิ่งปลูกใหม่นะสิ
คนสวนบ้านท่านเศรษฐีมีความทุกข์ใจที่ไม่ได้ไปเที่ยวงานประจำปี
ถ้าชั้นจะฝากเพื่อนช่วยดูแลรดน้ำต้นไม้ให้ จะได้ไหม ” “ ได้สิท่าน ข้ายินดี เดี๋ยวพวกเราจะเอาใจใส่รถน้ำให้อย่างดีเลยทีเดียว เจี๊ยกๆๆ ” “ แล้วข้าจะ
เป็นคนรดน้ำในสวนนี้ให้เองนะ เรื่องรดน้ำนี้ถนัดยิ่งนัก ” “ ข้าก็เหมือนกัน ท่านเที่ยวให้สนุกเถอะ ทางนี้เราจัดการเอง ”
มีฝูงลิงมากมายอาศัยอยู่ในสวนของบ้านท่านเศรษฐี
ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ของคนสวน ในวันนั้นเค้าได้ออกไปเที่ยวงานกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน “ เฮ้ย เพื่อนเกลอ รอข้าด้วยสิ รอด้วยๆ ” ก่อนออก
ไปเที่ยวนายอุทยานได้นำเครื่องมือรดน้ำจำนวนมาก มาวางไว้ให้ฝูงลิงทั้งหลาย
คนสวนได้ขอให้ฝูงลิงช่วยรดน้ำต้นไม้ในสวนแทนตน
ซึ่งฝูงลิงทั้งหลายก็ล้วนเต็มใจทำงาน ช่วยกันหยิบกระออมตักน้ำเตรียมรดน้ำต้นไม้ ขณะที่ลิงทั้งหลายเตรียมตัวรดน้ำต้นไม้ พลันลิงจ่าฝูงก็เกิดความคิด
ขึ้นมาอย่างหนึ่ง “ช้าก่อนพวกเรา อย่าเพิ่งทำ พวกเราคิดดูดีๆ
คนสวนได้นำอุปกรณ์รดน้ำพรวนดินมาวางไว้ให้ฝูงลิง
ถ้าพวกเรารถน้ำกันไปเรื่อยๆ รดไม่เป็นมันจะเปลืองน้ำนะยิ่งเป็นหน้าแล้งอยู่ด้วย เจี๊ยก ” “ เราจะทำยังไงกันดีละ ลูกพี่ ” “ ดีนะ ที่ข้าเฉลียวฉลาดรอบตัว
ไปทุกด้าน น้ำหายาก พวกเราต้องรดน้ำกันอย่างประหยัดๆ รดให้พอดีกับความต้องการของต้นไม้ ”
ลิงจ่าฝูงคิดหาวิธีประหยัดน้ำในการรดน้ำต้นไม้
“ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะลูกพี่ ว่าต้นไม้แต่ละต้นมันต้องการน้ำเท่าไหร่ ” “ พวกเจ้านี่ช่างไม่รู้อะไรเลย มันจะไปยากอะไร นี่พวกเจ้าดูข้านี่ อยากรู้ว่าต้นไม้
ต้องการน้ำเท่าไหร่ ก็ดูที่รากสิ ถอนต้นไม้ออกมาก่อน ต้นไหนรากยาวก็รดมากหน่อย รากสั้นๆ ก็รดนิดๆ ก็พอ ถูกใจในความฉลาดของข้าละสิ ”
ฝูงลิงช่วยกันถอนต้นไม้เพื่อดูรากแล้วก็รดน้ำ
ลิงบริวารทั้งหลายต่างก็เห็นดีเห็นงามตามจ่าฝูง จึงช่วยกันถอนต้นไม้ขันมาดูรากแล้วก็รดน้ำ ทำให้ต้นไม้ที่ปลูกใหม่เสียหายเป็นอันมาก ในขณะนั้น
มีบัณฑิตผู้หนึ่งเดินมาในสวน เมื่อเห็นการกระทำของฝูงลิงจึงเอ่ยปากถามขึ้น
บัณฑิตหนุ่มผ่านมาเห็นฝูงลิงกำลังถอนต้นไม้ในสวนของท่านเศรษฐี
“ ลิงเอ๋ย เหตุใดพวกเจ้าจึงต้องถอนต้นไม้เหล่านี้ด้วยเล่า ” “ พวกเรากำลังรถน้ำต้นไม้อยู่นะสิ ” “ แล้วทำไมท่านต้องถอนต้นไม้ออกมาด้วยล่ะ ” “ คนอย่างเจ้า
จะไปรู้อะไร มันเป็นวิธีประหยัดน้ำของพวกเราไงล่ะ ” เมื่อบัณฑิตทราบเรื่องราวทั้งหมดจึงอธิบายให้พวกลิงได้เข้าใจ
ลิงจ่าฝูงได้อธิบายถึงเหตุผลในการถอนต้นไม้ของตน
“ เจ้าลิงเอ๋ย ความคิดของเจ้าที่จะประหยัดน้ำนั้นถูแล้ว แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องถอนต้นไม้ออกมาดูรากหรอก เจ้าดูแค่ขนาดของต้นไม้ก็พอ ต้นเล็ก ก็รดน้ำ
น้อยหน่อย ต้นใหญ่ๆ เจ้าก็รดให้มากหน่อย ”
บัณฑิตหนุ่มแนะนำวิธีการรดน้ำต้นไม้ขนาดต่างๆ แก่ฝูงลิง
“ ท่านไม่ต้องมาพูดหรอก ท่านนั้นแหละที่ไม่รู้เรื่อง เราอยู่กับต้นไม้มาตั้งแต่เกิด พวกเราย่อมเข้าใจดีกว่าท่าน ลิงทั้งหลายรีบรดน้ำต้นไม้ตามวิธี
ของเราต่อไปเถอะ อย่าไปสนใจ ฮิๆๆๆ ”
ลิงจ่าฝูงสั่งให้บริวารลิงของตนถอนต้นไม้แล้วก็รดน้ำต่อไป
“ โธ่เอ่ยเจ้าลิงโง่ ช่างอวดฉลาดจริงหนอ คิดทำประโยชน์ แต่กลับทำความเสียหายเสียนี่ ” เมื่อบัณฑิตมองไม่เห็นผลที่จะอธิบายต่อไป จึงเดินออกไป
จากสวนด้วยความเศร้าใจ
บัณฑิตเดินจากฝูงลิงไปด้วยความเศร้าใจ
พวกลิงทำงานของตนจนเสร็จ ก็พากันพักผ่อนนั่งดูผลงานด้วยความภาคภูมิใจ เมื่อคนสวนกลับจากไปเที่ยวในเมืองมาถึง ก็พบสวนที่เละเทะ
ต้นไม้ล้มตายเสียหาย
สวนสวยกลายเป็นสวนไม้ที่แห้งเหี่ยวและล้มตาย
“ เฮ้ย พวกเจ้าทำอะไรกับสวน ทำไมสวนถึงได้เสียหายมากขนาดนี้ ไปเลย ออกไปอยู่ที่อื่นเลย ชิชะ อุตส่าห์ไว้อกไว้ใจกลับทำสวนเสียหายสะนี่ ”
คนสวนได้ไล่ฝูงลิงออกจากสวนของท่านเศรษฐี
เจ้าลิงอวดฉลาด ไม่เชื่อคำตักเตือนของบัณฑิต ต้องพบกับบทลงโทษถูกไล่ออกจากสวน ระเหเร่ร่อนไปอยู่ในป่า หากินไม่สะดวกอย่างเคย
ฝูงลิงอวดฉลาดถูกขับไล่ออกจากสวนของท่านเศรษฐี
ฝูงลิงอวดฉลาด กำเนิดเป็น เด็กชาวบ้านที่ทำลายสวนเศรษฐี
บัณฑิตในครั้งนั้น เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า