เลขาธิการ ปธ.ศาลฎีกาจี้โรงเรียนรัฐ เลิกระบบโควต้า-เด็กเส้น ชี้เอาเปรียบลูกชาวบ้าน ขัดรัฐธรรมนูญ
เมื่อวันที่
21 สิงหาคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
จัดสัมมนาการนำกฎกระทรวงตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546
ไปสู่การบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนายจรัญ ภักดีธนากุล
เลขาธิการประธานศาลฎีกา บรรยายพิเศษในหัวข้อ
การปฏิบัติต่อเด็กเพื่อประโยชน์สูงสุดและการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อเด็ก
ตามกฎกระทรวง ออกตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ว่า
งานในกระบวนการศาลจะเตือนคณะผู้พิพากษาให้ระวังการใช้ดุลพินิจในการกำหนด
โทษคดีอาญา
หากเป็นเรื่องเหมือนกันอย่าใช้ดุลพินิจแตกต่างกัน
การใช้ดุลพินิจต้องไม่ฝ่าฝืนและไม่เลือกปฏิบัติ
โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับเด็ก ขอให้มองประโยชน์เด็กสูงสุดเป็นสำคัญ
ปัญหาที่เกิดขณะนี้ คือ การเลือกปฏิบัติต่อเด็กโดยสัญชาติ
เป็นอคติในระดับที่สังคมโลกยอมรับ ทั้งนี้
การเลือกปฏิบัติโดยสัญชาติไม่ขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายคุ้มครองเด็ก
เนื่องจากไม่มีการกำหนดไว้
ทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติระหว่างเด็กไทยและเด็กต่างด้าวได้
แต่ยังมีหลักสิทธิมนุษยชน ศีลธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ที่ต้องคำนึงในการปฏิบัติ
"การเลือกปฏิบัติต่อเด็กในสังคมไทยยังมีให้เห็นอีกมาก
จึงอยากให้มีการแก้ไขโดยเฉพาะในโรงเรียนของรัฐ โรงเรียนสาธิตต่างๆ
จะมีหลักเกณฑ์กำหนดให้ลูกของเจ้าหน้าที่รัฐได้แต้มต่อในการเข้าเรียน
ได้คะแนนจากการเป็นลูกหม้อเพิ่มขึ้นกว่าลูกชาวบ้านทั่วไป
หรืออาจไม่ต้องสอบก็เข้าเรียนได้เลย การให้โควต้าลูกของเจ้าหน้าที่ เช่น
รับนักเรียน 100 คน จะให้โควต้าลูกเจ้าหน้าที่รัฐไว้ 50 คน
ลูกชาวบ้านทั่วไปต้องไปแข่งขันให้ได้ 50 คน
หลักปฏิบัติหรือกฎเกณฑ์อย่างนี้ การใช้หลักการนี้ถือว่าไม่เป็นธรรม
ถือเป็นการเลือกปฏิบัติต่อเด็กจากสถานะของบุคคล" นายจรัญกล่าว
เลขาธิการประธานศาลฎีกา
กล่าวว่า หากเรื่องนี้มีการฟ้องร้องเป็นกรณีพิพาท
ผู้ถูกเลือกปฏิบัติสามารถไปฟ้องร้องศาลปกครองหรือยื่นเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกา
ตีความได้
ซึ่งมีการวินิจฉัยกรณีการรับสมัครพนักงานใหม่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(กฟผ.) มีหลักการสอบข้อเขียนและสอบปากเปล่า
โดยสอบข้อเขียนต้องได้ไม่ต่ำกว่า 60 คะแนน แต่หากเป็นลูกของพนักงาน
กฟผ.หรืออดีต กฟผ. สอบข้อเขียนได้เพียง 50 คะแนนก็ผ่านได้
ถือเป็นแต้มต่อที่เหนือกว่าคนทั่วไป เป็นการเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรม
ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 30 วรรค 3 ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัย
กฟผ.มีความผิด จะไปกำหนดกฎเกณฑ์อย่างนี้ไม่ได้ ต้องยกเลิกไป ดังนั้น
อยากให้ผู้ถูกเลือกปฏิบัติ ออกมาแสดงตน และช่วยกันแก้ไข
ความอยุติธรรมก็จะหมดไป
ที่มา-