เส้นทางแพร่-ลำปาง ยังวิกฤต/ระเบิดหินยักษ์ไม่ได้ผล-สั่งปิดถนนต่อ

แพร่ - เมืองแพร่ดินถล่มหนักขึ้นปิดเส้นทางต่อเนื่อง นักเดินทางเดือดร้อนหนักต้องอ้อมโลก ในขณะที่แขวงการทางแพร่หวั่นก้อนหินยักษ์หล่นใส่รถยนต์ หลังใช้ระเบิดไม่ได้ผลต้องปิดเดินรถต่อเนื่อง คาดต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 7 วันจึงจะแก้ปัญหาได้

       ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2549 เป็นต้นมาเส้นทางสายแพร่ ลำปาง ทางหลวงหมายเลข 11 บริเวณหมู่ที่ 5 ต.บ่อเหล็กลอง อ.ลอง จ.แพร่ ตรงหลักกิโลเมตรที่ 37/300 รถยนต์ผ่านไม่ได้ เนื่องจากมีเหตุเขาถล่มลงมาปิดเส้นทางจราจรทั้งหมด ถึงแม้ว่าแขวงการทางแพร่ และหมวดการทาง อ.ลอง และศูนย์สร้างทางจังหวัดลำปาง ได้นำเครื่องจักรเข้ามาลำเลียงหินและดินออกจากผิวจราจร แต่ไม่สำเร็จ สามารถเปิดให้รถเดินได้ในช่องเล็กๆ เท่านั้น

       ในขณะที่เส้นทางดังกล่าว เป็นสายหลักสายหนึ่งที่จะเดินทางขึ้นไปจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้มีรถยนต์สัญจรเป็นจำนวนมาก ทำให้รถติดบริเวณจุดเกิดเหตุทั้งฝั่ง อ.แม่ทะ จ.ลำปาง และ ฝั่ง อ.ลอง จ.แพร่ รถยนต์ต้องรอคิวเปิดให้เดินรถผ่านช่องแคบๆ ดังกล่าว ในขณะที่จุดดินพังทลายนั้นยังมีก้อนหินขนาดใหญ่ เท่ารถบรรทุก ที่มีทีท่าว่าจะหล่นลงมาซึ่งอยู่สูงจากพื้นดินไปประมาณ 30 เมตร ซึ่งการนำรถแทรกเตอร์เข้าไปเกรดดินออก และแรงสั่นสะเทือนจากรถยนต์ที่วิ่งผ่านไปมา อาจทำให้หินก้อนดังกล่าวตกลงมาสร้างความเสียหาย ให้กับรถยนต์คันใดคันหนึ่งก็เป็นได้

       ล่าสุด กรมทางหลวงได้ปิดเส้นทางดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อทำการระเบิดก้อนหินดังกล่าวตั้งแต่ช่วงสายของวันที่ 18 ต.ค.2549 ที่ผ่านมา โดยได้รับความร่วมมือจาก นายนพพร ศักดาพร กรรมการผู้จัดการบริษัท ศักดาพร จำกัด ผู้สัมปทานระเบิดหินใน อ.ลอง นำระเบิดไดนาไมต์ พร้อมพนักงานเข้าไประเบิดหินก้อนดังกล่าว ให้ตกลงมาเพื่อความปลอดภัย แต่ผลการระเบิดไม่ทำให้หินก้อนดังกล่าวเคลื่อนตัวตกลงมาได้

       จากการสำรวจของเจ้าหน้าที่เหมืองหินบริษัทดังกล่าว พบว่า หินก้อนดังกล่าวพร้อมที่จะหลุดและหล่นใส่รถยนต์ได้ทุกขณะถ้ามีฝนตกลงมา ซึ่งการเตรียมระเบิดก้อนหินดังกล่าว เจ้าหน้าที่ปิดการจราจรทำให้รถยนต์มารออยู่ทางฝั่งแม่ทะ จ.ลำปาง ยาวกว่า 1 กม. และฝั่ง อ.ลอง จ.แพร่ ก็มีรถมาอออยู่เช่นกัน

       นายสมชาย มูลทุ่ง นายช่างหัวหน้าหมวดการทางลอง เปิดเผยว่า กรมทางหลวงพยายามเปิดเส้นทางให้เร็วที่สุดแต่หินพังทลายมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งหินก้อนใหญ่ที่จะตกลงมาวันใดไม่รู้ ในเรื่องนี้จะมีการหารือกันอีกครั้งในการย่อยหินก้อนดังกล่าวให้ตกลงมาเพื่อความปลอดภัย