สธ.เผยโครงการวิจัยทดลองวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ในคนไทยใหญ่ที่สุดโลก
ที่ศึกษาใน จ.ระยอง ชลบุรี คืบหน้ามาก
คนไทยอาจโชคดีก่อนใครที่จะได้วัคซีนใช้ ระบุขณะนี้ฉีดอาสาสมัครกว่า 14,000
คนครบแล้ว หลังฉีด ไม่มีอาการข้างเคียง ทุกคนสบายดี
อาสาสมัครรุ่นแรกจะครบกำหนดติดตามผล 3 ปี ในเดือนพฤษภาคม 2550 นี้
วันนี้ (1 ธ.ค.) ที่ลานหน้าโรงแรมสตาร์ จังหวัดระยอง
นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย
นายแพทย์ศุภชัย ฤกษ์งาม
ผู้อำนวยการโครงการศึกษาวัคซีนเอดส์ทดลองระยะที่ 3 กรมควบคุมโรค
เป็นประธานเปิดงานรวมพลังพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ที่จังหวัดระยอง
ครั้งที่ 2 เนื่องในวันเอดส์โลก
โดยกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ทหารบก
ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้จัดทำ โล่แสดงความขอบคุณชาวจังหวัดระยอง
ที่ร่วมมือในการวิจัยในชุมชน
และสนับสนุนให้บุตรหลานเป็นอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการวิจัยวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ในคน
จำนวน 8,181 คน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นตัวแทน รับมอบ
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันเอดส์โลก
องค์การอนามัยโลกและโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติได้ประกาศให้ทุกประเทศทั่วโลก
ร่วมรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ ภายใต้คำขวัญ “เอดส์หยุดได้...ร่วมใจสัญญา” (Stop Aids, Keep the promise) เพื่อหยุดยั้งและลดผลกระทบจากโรคเอดส์ และให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการรักษาและป้องกันเอดส์อย่างทั่วถึงภายในปี 2553
โดยโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ คาดว่าในปี 2549
ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์กว่า 39 ล้านคน เสียชีวิตเกือบ 3
ล้านคน และมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นวันละ 11,000 คน ในประเทศไทยคาดว่ามีผู้ติดเชื้อสะสมมาตั้งแต่
พ.ศ.2527 จนถึงขณะนี้รวม 1 ล้านกว่าคน เสียชีวิตแล้ว 85,456 คน
ยังมีชีวิตอยู่ 306,066 คน สาเหตุหลักของการติดเชื้อกว่าร้อยละ 80
มาจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
ทั้งนี้แนวโน้มของการป่วยหลังติดเชื้อและเสียชีวิตจะน้อยลง
เนื่องจากผู้ติดเชื้อได้รับบริการการดูแลสุขภาพและได้รับยาต้านไวรัสเอดส์แล้ว
1 แสนกว่าคน ทำให้จำนวนผู้ป่วยโรคเอดส์ในปี 2549 ซึ่งมีจำนวน 5,786 คน
น้อยกว่าปี พ.ศ. 2544 ถึง 4 เท่าตัว ส่วนผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ในปี พ.ศ.
2549 มีทั้งหมด 952 คน น้อยกว่าปี พ.ศ. 2544 ถึง 8 เท่าตัว และในปี พ.ศ.
2550 นี้จะเพิ่มความเข้มข้นในการลดผู้ติดเชื้อรายใหม่
โดยเน้นการส่งเสริมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยง
ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรค โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น เยาวชน
ตั้งเป้าให้ได้ร้อยละ 80
โดยจะลดการติดเชื้อเอดส์รายใหม่ลงให้เหลือปีละไม่เกิน 5,300 คน ภายในปี
พ.ศ. 2553
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า
อีกมาตรการหนึ่งที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการขณะนี้คือ
การวิจัยทดลองวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ในคน ซึ่งเป็นระยะที่ 3
ศึกษาในชุมชนที่จังหวัดระยองและชลบุรี ในอาสาสมัครจำนวนถึง 16,000 คน
ซึ่งจัดว่าเป็นการทดลองที่ใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มในปลายปี พ.ศ. 2546
และจะสิ้นสุดโครงการในปี พ.ศ 2552
เพื่อดูว่าจะได้ผลป้องกันการติดเชื้อเอดส์ได้หรือไม่
เป็นการหาคำตอบให้ทั่วโลก ซึ่งได้พยายามพัฒนาวัคซีนป้องกันเอดส์มากว่า 20
ปี รวมกว่า 30 ชนิด จากทั้งหมด 33 โครงการ ในจำนวนนี้เป็นการศึกษาในไทย 12
โครงการ แต่ยังไม่มีประเทศใดสำเร็จ
โดยประเทศไทยได้ศึกษาวัคซีนที่ใช้กับเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์อี
ที่พบในไทยมากกว่าร้อยละ 90 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบร้อยละ 3
ของสายพันธุ์ที่พบทั่วโลก
ขณะที่สายพันธุ์ที่พบในประเทศผู้ผลิตวัคซีนเป็นสายพันธุ์บี
จึงจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องดำเนินการวิจัยและพัฒนาวัคซีนที่เหมาะสมกับคนไทย
การใช้วัคซีนเอดส์จะเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยเสริมการรณรงค์ทางด้านสังคมและพฤติกรรม
ช่วยประหยัดงบประมาณของประเทศชาติในการป้องกันและการรักษาพยาบาลโรคเอดส์ได้ปีละกว่า
3,000 ล้านบาท
ด้านนายแพทย์ศุภชัย กล่าวว่า
โครงการศึกษาวัคซีนเอดส์ที่จังหวัดระยองและชลบุรีนั้น
กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลและกรมการแพทย์ทหารบก
ศึกษาในกลุ่มประชาชนที่ยังไม่ติดเชื้อเอชไอวี อายุระหว่าง 18-30 ปี
ซึ่งสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 16,402 คน อยู่ในจังหวัดระยอง 8,181 คน
ที่เหลืออีก 8,221 อยู่จังหวัดชลบุรี โดยใช้วัคซีนสังเคราะห์ 2 ชนิดคือ
แอลแวค (ALVAC) และ เอดส์แวค (AIDS VAX)
เป็นวัคซีนปูพื้นและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย วัคซีนแอลแวค
ฉีดกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันในเซลล์เม็ดเลือดขาว
เพื่อฆ่าเชื้อในเซลล์ ส่วนวัคซีนเอดส์แวค
ฉีดกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสร้างถูมิคุ้มกันในเลือด
เพื่อทำลายเชื้อไวรัสก่อนเข้าสูเซลล์
การทดลองจะแบ่งอาสาสมัครออกเป็น 2 กลุ่ม
โดยกลุ่มหนึ่งจะได้รับวัคซีนเอดส์ทดลอง
อีกกลุ่มหนึ่งจะได้รับสารเลียนแบบวัคซีน จะได้รับการฉีดวัคซีนทั้งหมดคนละ
6 เข็ม เป็นเวลา 6 เดือน
อาสาสมัครรายแรกเริ่มฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2546
ขณะนี้มีอาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนครบทุกเข็มเมื่อเดือนกรกฎาคม 2549
ที่ผ่านมาจำนวนกว่า 14,000 คน หลังฉีดทุกคนสบายดี
ไม่มีอาการข้างเคียงร้ายแรง ใช้ชีวิตได้ตามปกติ
กำลังอยู่ระหว่างการติดตามผลอย่างใกล้ชิดเป็นระยะทุก 6 เดือน
โดยอาสาสมัครรุ่นแรกจะครบระยะติดตามผล 3 ปี ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.
2550 และรุ่นสุดท้ายจะครบ 3 ปี ใน พ.ศ. 2552
หลังจากนั้นจะใช้เวลาวิเคราะห์ข้อมูล ประสิทธิผลของวัคซีนประมาณ 1 ปี
และจะสรุปผลการศึกษาได้ภายในปี พ.ศ. 2552 หากวัคซีนที่ทดลอง
ประสบผลสำเร็จในการป้องกันโรค
ไทยจะเป็นประเทศแรกในโลกที่จะมีวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ใช้
นายแพทย์ศุภชัย กล่าวอีกว่า จากการติดตามผลหลังฉีด
อาสาสมัครทุกคนสบายดี และได้รับความร่วมมืออย่างดีจากอาสาสมัคร
ปฏิบัติตัวตามข้อแนะนำ
โดยสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติแต่ต้องมีแบบปลอดภัย
และผลดีจากการศึกษาครั้งนี้พบว่า
อาสาสมัครมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเสี่ยงติดเชื้อเอดส์น้อยลง
ทั้งการมีเพศสัมพันธ์และการใช้สารเสพติด
ที่มา-