เมื่อวันที่
5 ธ.ค.น.พ.สมบัติ แทนประเสริฐสุข ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรค
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า
ในการประชุมเครือข่ายพันธมิตรด้านวัณโรค ครั้งที่ 11 ที่ประเทศอินโดนีเซีย
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
มีการหารือและระดมความคิดเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของโรควัณโรคสายพันธุ์ใหม่
ซึ่งดื้อยาต้นตำรับ หรือเอ็กซ์ดีอาร์ทีบี ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้
โดยนักวิชาการจากทั่วโลกแสดงความวิตกกับเรื่องดังกล่าว
เพราะวัณโรคสายพันธุ์ใหม่นั้นยังไม่มีวิธีรักษาอย่างชัดเจน
และถือว่าวัณโรคเป็นโรคที่กำลังกลับมาเป็นปัญหารุนแรงในอนาคต
น.พ.สมบัติ กล่าวอีกว่า จากสถิติของผู้ป่วยวัณโรคในประเทศทูร์เกา
เฟราเอนเฟลด์ ประเทศในทวีปแอฟริกา ระหว่างเดือนม.ค.2548-มี.ค.2549
มีผู้ป่วยวัณโรคจากสายพันธุ์เอ็มดีอาร์ทีบี
หรือเชื้อวัณโรคที่ดื้อยาหลายขนานมีจำนวน 221 ราย
ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยเอดส์ ซึ่งมีวัณโรค
สายพันธุ์เอ็กซ์ดีอาร์ทีบีแทรกซ้อน จำนวน 53 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 52
ราย ภายในเวลา 16 วัน
ส่วนคนปกติที่ป่วยด้วยวัณโรคสายพันธุ์ใหม่จะเสียชีวิตร้อยละ 50
ส่วนที่มีชีวิตอยู่จะพิการ
เพราะเชื้อโรคเข้าไปทำลายปอดจนบางครั้งทำให้เสียปอดไปหนึ่งข้าง
และจะทรมานจากการหายใจ
"ในส่วนของไทยพบว่า มีผู้ป่วยวัณโรคประมาณ 8
หมื่นคน พบว่าเป็นวัณโรคสายพันธุ์ดื้อยาหลายขนานมีประมาณ 200 คน
ซึ่งหากรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างต่อเนื่อง จะรักษาหายภายใน 8 เดือน
แต่หากหยุดยา 1-2 วันอาจทำให้การรักษาต้องใช้เวลานานถึง 1 ปีครึ่ง
หากรับประทานยาอย่างไม่ต่อเนื่องก็มีโอกาสทำให้เชื้อพัฒนาเป็นสายพันธุ์ใหม่ได้
ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลการระบาดของสายพันธุ์ใหม่ในไทย
กำลังให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการหาข้อมูลอยู่
โดยเชื้อดังกล่าวจะทราบต่อเมื่อนำเข้าตรวจในห้องปฏิบัติการระดับมาตรฐานที่เหนือกว่าระดับประเทศ"
น.พ.สมบัติ กล่าว
น.พ.สมบัติ กล่าวต่อว่า
เชื้อวัณโรคเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ทนทานต่อสภาวะแวดล้อมแบบปิดที่มีความชื้น
ที่สามารถดำรงชีพได้หลายวัน แต่จะตายเมื่อโดนแสงแดด
แม้ว่าวัณโรคจะไม่มีอาการเฉียบพลันเช่นเดียวกับโรคซาร์ส โรคไข้หวัดนก ฯลฯ
แต่ผู้ที่ได้รับเชื้อจะไม่รู้ตัว
เพราะภูมิคุ้มกันในร่างกายจะกดเชื้อโรคไว้ที่ต่อมน้ำเหลือง
ขณะเดียวกันก็จะแพร่เชื้อด้วยการไอจาม นำเสมหะที่เป็นเชื้อโรคสู่ผู้อื่น
แต่เมื่อร่างกายอ่อนแอ มีภูมิต้านทานต่ำ อาการของโรคถึงจะกำเริบ
ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในวัยที่มีภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ อาทิ เด็ก คนชรา
หรือผู้ป่วยโรคเอดส์ อาจได้รับเชื้อตอนหนุ่มสาว
แต่เชื้อแสดงอาการในช่วงชราก็เป็นได้
น.พ.สมบัติ กล่าวว่า
แนวทางการรักษาวัณโรคด้วยเชื้อดื้อยาหลายขนาน หรือเอ็มดีอาร์ทีบี
ต้องฉีดยาทุกวันเป็นระยะเวลา 2 เดือน หลังจากนั้นต้องรับประทานยาวันละ 5-6
ชนิดติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 ปีครึ่ง
และยิ่งป่วยเป็นวัณโรคสายพันธุ์ใหม่ยิ่งน่าเป็นห่วง
เพราะในการประชุมครั้งนี้ยังไม่ได้สรุปแนวทางการรักษาว่าจะใช้ยาชนิดใด
และในเอกสารการประชุม สรุปแนวทางรักษาแค่เพียงสั้นๆว่า
โรคดังกล่าวยังมีข้อจำกัดในการรักษาอยู่มาก
การเลือกใช้ยาคงต้องวินิจฉัยเป็นกรณีๆไป
ซึ่งเท่ากับว่าขณะนี้ยังไม่มีการรักษาที่เป็นแบบแผนตายตัว
"สิ่งที่เป็นปัญหาอีกอย่างในขณะนี้คือ ยารักษาโรควัณโรค 2
ตัวล่าสุดจะออกสู่ท้องตลาดประมาณปี 2553
แต่หากระหว่างนี้มีการระบาดของโรควัณโรคสายพันธุ์ใหม่
ก็ไม่มียาชนิดใดใช้รักษา และจนถึงเวลานั้นก็ไม่แน่ใจว่า
ยาดังกล่าวจะสามารถรักษาเชื้อนี้ได้หรือไม่
เพราะถ้าเชื้อสายพันธุ์เดิมพัฒนาจนมาเป็นสายพันธุ์ใหม่เหมือนว่าเชื้อโรคต้อนให้วงการแพทย์จนมุมในการรักษา"
น.พ.สมบัติ กล่าว
น.พ.สมบัติ กล่าวด้วยว่า
ปัญหาคือผู้ป่วยวัณโรคมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทั้งที่ควรลดลง
ถ้าไม่มีโรคเอดส์ควรมีจำนวน 3-4 หมื่นคนเท่านั้น
แต่ขณะนี้พบผู้ป่วยที่เข้าสู่ระบบการรักษาเพียง 5 หมื่นคน
ระบบการรักษาที่สถานพยาบาลมีจำนวนเท่าเดิม แต่คนไข้มีจำนวนมากขึ้น
จึงต้องอาศัยความร่วมมือกับผู้ป่วย
พัฒนากลยุทธ์ในการสังเกตโดยตรงกับผู้ป่วยให้ทานยาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้ผู้ป่วยหายจากวัณโรคได้มากที่สุด
และป้องกันก่อเชื้อจะดื้อยาหลายขนานและพัฒนาเป็นสายพันธุ์ใหม่
"ขณะนี้สำนักโรคเอดส์ฯอยู่ระหว่างรอการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการสำหรับการตรวจเชื้อวัณโรคสายพันธุ์ใหม่
ที่มีมาตรฐานเหนือกว่าระดับประเทศจากองค์การอนามัยโลก
โดยห้องปฏิบัติการระดับดังกล่าวที่มีอยู่ทั่วโลก มีเพียงประเทศเกาหลี
ยุโรป สหรัฐอเมริกา ทำให้ยากต่อการตรวจวินิจฉัยได้ทัน" น.พ.สมบัติ กล่าว
ที่มา-