นักวิจัยของ Accenture ขวามือคือ Dadong Wan และ Adam Pilon (บนจอภาพ) ขณะสาธิตการทำงานของระบบ 'The Virtual Family Dinner' หรือระบบดินเนอร์เสมือนที่ทำให้ครอบครัวซึ่งอาศัยคนละที่สามารถรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันได้ (ภาพประกอบจาก AP)
       ใครที่ต้องทนเหงาขณะรับประทานอาหารคนเดียวเตรียมเฮ ล่าสุดนักวิจัยสหรัฐฯสามารถพัฒนาระบบดินเนอร์เสมือนที่ช่วยให้สมาชิกในครอบครัวที่อยู่ห่างไกลกันสามารถร่วมวงทานข้าวด้วยกันได้ ระบบดังกล่าวยังคงเป็นระบบต้นแบบในขณะนี้ คาดว่าจะสามารถนำไปผลิตเพื่อใช้งานจริงในอีกสองปีข้างหน้า
       
       ระบบดังกล่าวเป็นผลงานการพัฒนาของบริษัท Accenture ตั้งอยู่ในชิคาโก สหรัฐอเมริกา มีชื่อทางการว่าระบบ "The Virtual Family Dinner" มีกลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มผู้สูงอายุหลังเกษียน ที่อาศัยอยู่คนละเมือง หรือคนละประเทศกับบุตรหลาน
       
       หลักการทำงานคือเมื่อผู้สูงอายุทำอาหารเสร็จ และเตรียมพร้อมสำหรับการรับประทาน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนไปยังบุตรหลานที่อยู่คนละเมือง จากนั้นบุตรหลานก็จะเดินไปยังครัวของตัวเองที่ติดตั้งกล้องดิจิตอลและไมโครโฟนสำหรับถ่ายภาพทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นในห้อง โดยทั้งสองฝ่ายจะต้องติดตั้งลำโพงและจอภาพสำหรับรับชมภาพและเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งขนาดของหน้าจอจะมีผลต่อขนาดความใหญ่และความสมจริงของการร่วมวงดินเนอร์แบบเสมือน
       
       นักวิจัยนั้นแสดงความเป็นห่วงว่า ระบบดังกล่าวจะมาแทนที่การว่าจ้างพยาบาลดูแลผู้สูงอายุ หากเป็นเช่นนั้นจริงอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพกับผู้สูงอายุได้ เนื่องจากระบบดังกล่าวช่วยเหลือผู้สูงอายุแต่ในด้านสังคมเท่านั้น แต่ไม่สามารถเอาใจใส่ด้านอาหารและสุขลักษณะอย่างใกล้ชิด
       
       ระบบดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพัฒนาในขณะนี้ โดย Dadong Wan นักวิจัยอาวุโสของ Accenture กล่าวว่าระบบดังกล่าวจะแล้วเสร็จพร้อมวางจำหน่ายในอีก 2 ปีข้างหน้า สนนราคา 500 ถึง 1,000 เหรียญสหรัฐต่อบ้านหนึ่งหลัง ราว 17,500-35,000 บาท
       
       Wan เปิดเผยว่า ระบบนี้จะแตกต่างจากการใช้เว็บแคมและวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ หรือการประชุมทางไกลผ่านกล้องบนอินเทอร์เน็ต เพราะผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านเทคโนโลยีหรือต้องมีคอมพิวเตอร์พีซีในครอบครอง แต่ผู้ใช้สามารถติดตั้งเพื่อให้ระบบทำงานกับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์เช่นไมโครโฟน กล้องดิจิตอล ที่มีอยู่แล้วได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาให้สามารถเชื่อมโยงระบบมากกว่า 2 บุคคลขึ้นไป และให้สามารถแสดงผลผ่านจอโทรทัศน์ได้ โดยอาศัยแนวคิดเดียวกับเคเบิลทีวี
       
       "ระบบอาจจะร้องเตือนคุณว่า 'Mom is on channel 456'" Wan อธิบายแผนการพัฒนาการทำงานของระบบในอนาคต ว่าผู้ใช้อาจได้ชมภาพคุณแม่ผ่านทีวี
 
 
 
 
ที่มา-
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages//2006-12-26-1.html
เมื่อ 25 กรกฎาคม 2567 02:13
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv