นักวิทยาศาสตร์นานาชาตินำเสนอรายงาน
20 หน้ากระดาษเรื่องโลกร้อน ระหว่างการประชุมในกรุงปารีส
เมืองหลวงฝรั่งเศส เมื่อวันศุกร์ 2 ก.พ. ระบุชัดว่า
มนุษย์คือตัวการทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน ถึงกว่า 90 เปอร์เซ็นต์
ผลจากการกระทำดังกล่าวกำลังส่งผลให้อุณหภูมิพื้นผิวโลกเพิ่มขึ้น
ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น
สถานการณ์โลกร้อนจะเกิดขึ้นต่อเนื่องเรื่อยๆไปอีกหลายร้อยปี
ไม่ว่ามนุษย์จะช่วยกันแก้ปัญหาหรือควบคุมสภาพมลภาวะอย่างไรก็จะไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น
เพราะกระบวนการดังกล่าวได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
คณะนักวิทยาศาสตร์ร่วมทำนายว่า ภายในสิ้นศตวรรษนี้ หรือราวปี 2643 อุณหภูมิเฉลี่ยบนพื้น ผิวโลกจะเพิ่มสูงขึ้น 1.8-4.0 องศาเซลเซียส ซึ่งเคยมีการทำนายกันมาแล้วว่าอุณหภูมิพื้นผิวโลกจะเพิ่มขึ้น 1.5-5.8 องศาเซลเซียส ส่วนระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้น 18-59 ซม. ซึ่งเคยมีการทำนายกันมาแล้วเช่นกันเมื่อปี 2544 ว่าระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นถึง 89 ซม.
ข่าวแจ้งว่า การนำเสนอรายงานชิ้นนี้ได้มีความพยายามจากสถาบันการลงทุนแห่งอเมริกา ซึ่งสนับสนุนเงินทุนโดยบริษัทน้ำมันเอ็กซอนโมบิลของสหรัฐฯ เสนอเงินให้นักวิทยาศาสตร์และนักเศรษฐศาสตร์ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขอเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของ รายงานดังกล่าวแต่ถูกปฏิเสธ
ขณะเดียวกัน ผลจากรายงานดังกล่าวก็คงไม่ทำให้รัฐบาลประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช เปลี่ยนแปลงนโยบายลดการปล่อยก๊าซทำลายชั้นบรรยากาศลงได้ตามร่างพิธีสารเกียวโต ซึ่งสหรัฐฯคัดค้านและไม่ยอมร่วมลงนามด้วยมาตลอดเช่นกัน ทั้งนี้ ผลกระทบจากการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เก็บกักความร้อนจากแสงอาทิตย์เอาไว้ภายใต้ชั้นบรรยากาศโลก ซึ่งผลต่อเนื่องคือทำให้โลกเกิดพายุรุนแรง เกิดความแห้งแล้งรุนแรงและระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น โดยนักวิทยาศาสตร์ทำนายว่า น้ำทะเลจะเพิ่มระดับเร็ว กว่าที่คาดการณ์กันไว้ นอกเหนือจากอุณหภูมิน้ำที่เย็นขึ้นเพราะน้ำแข็งขั้วโลกละลาย จะส่งผลกระทบถึงปริมาณสัตว์ทะเลและระบบนิเวศน์อื่นๆให้เสียหายตามมาเป็นลูกโซ่
