กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : กองทัพเรือสหรัฐ แถลงว่า
อาจส่งโลมาและสิงโตทะเลหลายสิบตัวที่ได้รับการฝึกให้ตรวจจับการโจมตีทางน้ำ
ออกลาดตระเวนฐานทัพเรือคิทแซพ-บังกอร์ที่ตั้งอยู่ในเมืองพูเก็ต ซาวนด์
ใกล้เมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ
ซึ่งเป็นฐานทัพที่เต็มไปด้วยเรือดำน้ำ เรือรบ
และห้องทดลองที่เสี่ยงต่อการถูกผู้ก่อการร้ายที่เป็นนักว่ายน้ำ
และนักดำน้ำเล่นงาน
รายงานข่าวเผยว่า
แม้จะมีการพิจารณาทางเลือกที่จะป้องกันฐานทัพเรืออยู่หลายวิธี
แต่หลายฝ่ายเห็นชอบที่จะส่งสิงโตทะเลแคลิฟอร์เนียและโลมาหัวขวดแอตแลนติกราว
30 ตัว จากโครงการฝึกสัตว์น้ำของกองทัพเรือในซานดิเอโกไปลาดตระเวนฐานทัพ ซึ่ง
นายทอม ลาพุซซา โฆษกโครงการฝึกสัตว์น้ำแห่งนี้กล่าวว่า โลมาจะยอดเยี่ยมในเรื่องการลาดตระเวนเพื่อค้นหานักว่ายน้ำ
และนักดำน้ำอันเป็นผลจากความสามารถอันน่าทึ่งในการใช้คลื่นโซนาร์ตรวจสอบสิ่งที่อยู่ใต้น้ำ
นายลาพุซซา เสริมด้วยว่า
หากโลมาพบบุคคลต้องสงสัยก็จะทิ้งสัญญาณเตือนภัยเพื่อชี้ตำแหน่งให้หน่วยสกัดกั้นของกองทัพเรือทราบว่าจะต้องค้นหานักดำน้ำผู้นั้นที่ใด
ส่วนสิงโตทะเลจะสามารถคาบห่วงชนิดพิเศษที่ผูกติดไว้กับเชือกยาวซึ่งสามารถรวบขาของนักว่ายน้ำต้องสงสัยที่จะถูกลากขึ้นมาสอบสวน
ทั้งนี้
กองทัพเรือต้องการนำสัตว์น้ำแสนรู้เหล่านี้เข้าประจำการในพื้นที่แถบตะวันตกเฉียงเหนือมาตั้งแต่ปี
2532 แต่ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางไม่อนุญาต
เนื่องจากกลุ่มพิทักษ์สิทธิสัตว์วิตกว่าอุณหภูมิของน้ำทะเลในแถบนั้นที่เย็นกว่าในซานดิเอโกถึง
10 องศา จะส่งผลกระทบต่อสัตว์
และสัตว์พวกนี้อาจทำลายระบบนิเวศในบริเวณนั้นได้
ทางกองทัพจึงทดลองนำโลมาและสิงโตทะเลไปอยู่ในบริเวณหนาวเย็น เช่น
ทะเลในอลาสกา และสแกนดิเนเวีย
ซึ่งปรากฏว่าสัตว์เหล่านี้สามารถปรับตัวได้ดี
ขณะที่นายลาพุซซาให้คำยืนยันว่าหากสัตว์เหล่านี้ถูกส่งไปประจำการที่รัฐวอชิงตัน
กองทัพเรือจะให้อยู่ในสถานที่ปิดล้อมที่อบอุ่น
และจะให้ออกลาดตระเวนเพียงครั้งละประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
ด้านนางสเตฟานี บอยล์ส นักชีววิทยาสัตว์ทะเล และโฆษกกลุ่มพิทักษ์สิทธิสัตว์ "พีต้า" มองว่า
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลไม่ควรถูกขังไว้ในพื้นที่ปิดล้อมแคบๆ
และสามารถถูกทำให้ไขว้เขวได้ง่ายเมื่อออกสู่น่านน้ำที่เปิดกว้าง
ทั้งยังมองว่าสัตว์เหล่านี้จะตกอยู่ในอันตรายเนื่องจากไม่สามารถเข้าใจถึงผลร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเองหากไม่ทำตามที่ฝึกไว้
ที่มา-