ด้วยความรัก ความศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้าจึงหนุนนำให้นักธุรกิจรุ่นใหม่ "แป้ง-ภัทริน ซอโสตถิกุล" กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีโนวา จำกัด ผู้พัฒนาและบริหาร ซีซัน เทรนดี้ มอลล์ มุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางแห่งธรรมอย่างจริงจังควบคู่ไปกับการใช้ชีวิตทางโลกอย่างมีสติ
       


ภัทริน ซอโสตถิกุล
       “สนใจธรรมะมาตั้งแต่เด็กค่ะ นอกจากคุณพ่อ คุณแม่ พาไปทำบุญที่วัดเป็นประจำแล้ว การที่ได้เห็นคุณแม่นั่งสมาธิทุกเช้า กลายเป็นสิ่งที่ซึมซับเข้ามาอยู่ในตัวเองโดยไม่รู้ตัว พอโตขึ้นจึงเริ่มมีคำถามกับตัวเองว่า เราเกิดขึ้นมาทำไม ชีวิตคนเรามีสาระอะไรมากกว่านี้ไหม เหมือนกับว่า ทุกวันนี้เราเกิดมาเพื่อดำเนินชีวิตที่เป็นแพทเทิร์น โตขึ้นก็เรียนหนังสือ จากนั้นก็ทำงาน จนเกษียณเมื่ออายุมากขึ้น เป็นวัฏจักรวนเวียนแบบนี้” ลูกสาวคนสวยของ เกริกชัย – ร.ศ. รัชนี ซอโสตถิกุลเกริ่นที่มาที่ไป
       
       ...แสงสว่างจากพระธรรม เริ่มส่องนำทางชีวิตของหญิงสาวให้แจ่มชัดขึ้น นับตั้งแต่การเข้าวิปัสสนากรรมฐาน ขณะที่เธอยังศึกษาเพียงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นในตอนนั้นการปฏิบัติธรรมของเธอเพียงรู้สึกว่าทำแล้วสบายใจ แต่ยังมิได้ซาบซึ้งเข้าไปถึงแก่นแท้ของธรรมะเท่าใดนัก อาจเป็นเพราะชีวิตในช่วงวัยเรียนยังมิได้พบเจออุปสรรคมากมายเข้ามาในชีวิต กระทั่งเริ่มมีความรู้สึกเข้าใจ และซาบซึ้งในพระธรรมเมื่ออายุล่วงเข้า 27 ปี
       
       พอทำงานมาชั่วระยะหนึ่งได้เห็นถึงความวุ่นวายของจิตใจตัวเอง อาจเป็นเพราะทำงานเยอะด้วย จึงเริ่มรู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่ค่อยสงบ แต่เมื่อได้มีโอกาสไปวิปัสสนาประมาณ 7 วันได้เริ่มฝึกการเจริญ สติปัฏฐาน 4 อย่างจริงจัง
       

       ทำให้เริ่มเข้าใจคำถามที่มีอยู่ภายในใจมาโดยตลอดว่า “คนเราเกิดมาทำไม” และคำตอบที่ได้รับก็คือ “คนเราเกิดมาเพื่อหาทางพ้นทุกข์ที่ถาวร” ซึ่งวิธีเดียวที่จะสามารถไปถึงตรงจุดนั้นได้ คือ การปฏิบัติธรรม การเจริญภาวนา
       
       หลังจากการฝึกวิปัสสนากรรมฐานครั้งนั้นก็พยายามหาความรู้เพิ่ม และใช้ชีวิตให้เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนามากขึ้น จนเริ่มเห็นความแตกต่างหลายๆ ด้านในชีวิตของตัวเอง ได้สัมผัสถึงความสงบที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเรา
       
       เป็นความสุขที่เกิดมาจากการมีสติด้วยตัวเราเอง แม้มีเงินทองมากมายเท่าไหร่ก็ซื้อหามาไม่ได้ ขณะนี้ก็ยังอยู่ในระหว่างการเดินทางหาคำตอบว่าเกิดมาทำไม จึงพยายามปฏิบัติให้มากขึ้นในทุกๆ วัน” เจเนอเรชั่นที่ 3 ทายาทกิจการศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ถ่ายทอดความรู้สึก
       
       ...นับแต่บัดนั้นมุมมองของชีวิตจึงมาถึงจุดเปลี่ยน เธอดำเนินการตั้งเป้าหมายใหม่ในชีวิต จากเดิมที่จุดหมายในชีวิตมีเพียงต้องทำหน้าที่ในแต่ละบทบาทของตัวเองให้ดีที่สุด หากยังมีอีกงานสำคัญที่สุดคือ “งานทางธรรม” ซึ่งตั้งใจว่าจะปฏิบัติควบคู่กันไปโดยตลอด
       
       โดยงานทางธรรมของเธอ นอกจากจะรับเป็นเจ้าภาพในการจัดปฏิบัติธรรมแล้ว ยังหมายรวมไปถึงการได้ชักชวนผู้คนที่สนใจ และต้องการเข้ามาปฏิบัติธรรมให้ได้มีโอกาสมาสัมผัสความสุขอันเกิดจากธรรมะซึ่งส่งผลให้ชีวิตมีความหมายมากยิ่งขึ้น
       
       “เดินจงกรม และนั่งสมาธิทุกเช้าก่อนไปทำงาน รู้สึกเลยว่าถ้าช่วงไหนมีเวลาปฏิบัติได้มาก จิตใจของเราจะมีพลัง เมื่อเจอปัญหาต่างๆ หรือเจอสิ่งเร้าที่เข้ามากระทบก็สามารถที่จะผ่านพ้นไปด้วยสติโดยที่ใจเราจะไม่ขึ้นลงตามสิ่งเร้าที่เข้ามากระทบ
       
       แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ปฏิบัติน้อยอาจจะด้วยงานยุ่ง หรือไม่มีเวลา รู้สึกเลยว่าช่วงนั้นใจของเราจะขึ้นลงได้ง่ายมาก สำหรับตัวเองมั่นใจเลยว่า การได้ปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอจะทำให้เป็นคนมีสติ ปัญหาต่างๆ ที่เข้ามากระทบจะส่งผลต่อจิตใจได้น้อยลง การปฏิบัติธรรมจึงทำให้เรามีความสุขได้ง่ายขึ้น ไม่ทุกข์ไปกับสิ่งต่างๆ อันเป็นปัจจัยภายนอก ทำให้ได้เห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ รอบตัวได้มากขึ้น
       
       ความสุขแท้จริงของคนเราเกิดจากความสงบภายในจิตใจ มีสติในการใช้ชีวิต เรียกว่าเป็นความสุขที่อิ่มบุญ และอยู่ได้นาน
ตรงกันข้ามกับความสุขทางโลกที่เกิดมาจากการมีเงินทอง สิ่งของ ลาภยศสรรเสริญซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำตลอดเวลา พอหยุดเมื่อไหร่ก็คือจบเป็นความสุขที่ไม่เที่ยงแท้

       เมื่อได้สัมผัสความอิ่มเอมใจนี้ถึงได้บอกกับตัวเองว่า คนเราต้องพัฒนาจิตใจของตัวเองทั้งใน เรื่องของศีล ทาน ภาวนา และฝึกสติ ยิ่งพัฒนาตัวเองมากขึ้นเท่าไหร่ คนรอบข้าง และสิ่งต่างในชีวิตๆ ก็จะดีขึ้นไปด้วย” หญิงสาวบอกเล่าความสุขในการปฏิบัติธรรม
       
       ...เช่นนั้น กัลยาณมิตรของเธอจึงมีหลากหลายวัย ที่สำคัญวัยรุ่นยังหันมาปฏิบัติธรรมกันมากขึ้น ด้วยคนรุ่นใหม่มีทัศนคติที่เริ่มมองว่า ธรรมะไม่ใช่เรื่องของคนแก่ ธรรมะไม่ใช่เรื่องเชย และไม่ใช่เรื่องของคนเฉพาะกลุ่ม หรือเฉพาะคนที่สูงอายุ หรือคนที่มีความทุกข์ในชีวิตเท่านั้น
       

       เธอกล่าวเสริมว่า อาจเป็นเพราะประโยชน์ที่พวกเขาได้จากการเริ่มปฏิบัติซึ่งจะเห็นผลได้จากการที่จิตใจสงบ เยือกเย็น และมีความประณีตเพิ่มขึ้น นอกจากชีวิตจะมีความสุขแล้วก็ยังสามารถอยู่กับความทุกข์ได้ดีอีกด้วยซึ่งเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ในเรื่องของการปล่อยวาง สิ่งต่างๆ ไม่เที่ยง ยิ่งยึดถือมากเท่าไหร่ก็ทุกข์มากเท่านั้น
       

       “สำหรับตัวเองพยายามปฏิบัติให้เป็นกิจวัตรประจำวัน และตั้งใจไว้เลยว่าใน 1 เดือนจะต้องไปปฏิบัติธรรมไม่น้อยกว่า 4 ครั้ง ถึงจะไม่ค่อยมีเวลาแต่คนเราต้องเลือกทำในสิ่งที่สำคัญก่อน นี่ก็เพิ่งกลับมาจากการปฏิบัติธรรม 9 วัน ที่วัดไกลกังวล จ.ชัยนาท ไปอยู่ในกุฏิคนเดียวในป่า เป็นการได้อยู่กับตัวเองโดยไม่ได้เจอกับใครเลย รับประทานอาหารมื้อเดียว ถือศีล 8
       
       สำหรับสิ่งที่ได้จากการอยู่คนเดียว คือ ทำให้เราได้ดูสติของตัวเอง และรู้ข้อบกพร่องของตัวเอง เห็นตัวเอง ซึ่งถ้าเราอยู่ในโลกภายนอกก็จะไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับตัวเอง เมื่อได้เห็นข้อบกพร่องของตัวเองแล้ว เราจะเกิดปัญญาในการคิดว่าจะทำอย่างไรให้ชีวิต
       

       อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญคือ การเจริญสติปัฏฐาน 4 คือ การมีสติระลึกรู้ รู้ทันในปัจจุบัน อย่างที่บอกว่าถ้าเรารู้ในสิ่งที่จะเข้ามากระทบ และจับทัน คือ เรารู้ทัน เราก็จะไม่ให้ความโลภ ความโกรธ ความหลง เข้ามาอยู่ที่ตัวเราได้ ซึ่งการฝึกสติปัฏฐาน 4 มีประโยชน์ในการนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงๆ” ภัทรินเล่าประสบการณ์อันได้จากการปฏิบัติธรรม
       
       นักธุรกิจรุ่นใหม่ หัวใจใฝ่ธรรมะทิ้งท้ายว่า ตั้งใจจะปฏิบัติธรรมในส่วนที่สามารถทำได้ในชีวิตประจำวันให้มากที่สุด และคิดว่าเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของตัวเองเช่นกัน ทุกวันนี้มองว่าธรรมะ คือ ชีวิต เรียกว่า ธรรมะเป็นสิ่งสำคัญมากจนต้องนำมาอยู่ในชีวิตของเธอเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมุ่งมั่นที่จะเดินบนเส้นทางธรรมตลอดไป
       

       คงจะดีมิใช่น้อย...หากชาวพุทธทั้งหลายจะถือฤกษ์งาม ยามดี ในวันมาฆบูชา ซึ่งปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม เป็นจุดเริ่มต้น เปิดใจให้ธรรมะได้เข้ามาในชีวิต
 
 
 
 
 
 
ที่มา- 
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages//2007-03-01-1.html
เมื่อ 5 กรกฎาคม 2567 04:10
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv