วาฬออร์ก้า - นักท่องเที่ยวพบฝูงวาฬออร์ก้า สัตว์ตระกูลโลมาที่ใหญ่ที่สุดชนิดเดียวกับที่ถูกตามล่าในภาพยนตร์เรื่องฟรีวิลลี่ ดำผุดดำว่ายเล่นน้ำใกล้กับหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา เมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากไม่พบวาฬชนิดนี้ปรากฏตัวในเมืองไทยมากว่า 10 ปี

ฝูงวาฬออร์ก้า 4-5 ตัว โผล่น่านน้ำไทย ใกล้หมู่เกาะสุรินทร์ สร้างความตื่นเต้นให้กับนักดำน้ำและนักท่องเที่ยว นักวิชาการชี้เป็นชนิดเดียวกับในหนัง "ฟรีวิลลี่" มีเขี้ยว เผยตามมากินกระเบนราหู



นักดำน้ำและนักท่องเที่ยวฮือฮาพบฝูงวาฬออร์ก้าชนิดเดียวกับภาพยนตร์เรื่องฟรีวิลลี่ จำนวน 4-5 ตัว ดำผุดดำว่ายเล่นน้ำใกล้กับหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา โดย ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ว่า ได้รับแจ้งจากนักดำน้ำที่นั่งเรือเร็วจากช่องเขาขาด ใกล้กับหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา และเรือท่องเที่ยวหลายลำที่นำนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมทะเลบริเวณดังกล่าว ว่า ประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้พบวาฬออร์ก้าประมาณ 4-5 ตัว โดยมีลูกอยู่ในฝูงด้วย ดำผุดดำว่ายอยู่ในบริเวณดังกล่าวเป็นเวลานานพอสมควร ซึ่งเรือท่องเที่ยวที่เห็นต่างใช้วิทยุบอกต่อกัน สร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวที่พบเห็นอย่างมาก

ดร.ธรณ์กล่าวว่า วาฬออร์ก้าเป็นวาฬมีเขี้ยว ล่าสัตว์เป็นอาหาร ขนาดตัวอาจยาวถึง 5 เมตร หรือกว่านั้น ซึ่งยังมีหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าวาฬออร์ก้าจะอยู่ในเขตน้ำเย็นเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงสามารถพบวาฬออร์ก้าได้ทั่วโลก เพราะวาฬเป็นสัตว์เลือดอุ่น สามารถอาศัยอยู่ในเขตใดก็ได้ที่มีอาหารเพียงพอ โดยวาฬออร์ก้ากินแมวน้ำเป็นอาหารหลัก ส่วนใหญ่จะพบบริเวณเขตน้ำอบอุ่น ที่มีแมวน้ำอาศัยเป็นจำนวนมาก

"มีวาฬออร์ก้ากลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ในเขตร้อนแถบเส้นศูนย์สูตร กินอาหารหลากหลาย โดยเฉพาะฉลามและกระเบนราหู หรือแมนต้า อันถือเป็นอาหารหลักของออร์ก้าในถิ่นนี้ ซึ่งเป็นไปได้ว่า วาฬออร์ก้าเข้ามาในน่านน้ำประเทศไทย เพราะมีอาหารคือกระเบนราหูจำนวนมาก" ดร.ธรณ์กล่าวว่า และว่า ส่วนเหตุที่มีกระเบนราหูเข้ามาจำนวนมาก เพราะอิทธิพลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่ทำให้น้ำเย็นจากใต้ทะเลขึ้นมาอยู่สูงขึ้น น้ำเลยขุ่นขึ้นเล็กน้อย ทำให้มีแพลงตอนที่เป็นอาหารของกระเบนราหูมีจำนวนมาก ดร.ธรณ์กล่าวว่า มีรายงานว่าเจอวาฬออร์ก้าในเมืองไทยเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้วที่หมู่เกาะสิมิลัน ต่อด้วยการถ่ายภาพใต้น้ำแบบไม่ชัดที่กองหินริเชลิว ใกล้หมู่เกาะสุรินทร์ และล่าสุดพบที่หมู่เกาะสุรินทร์

ดร.ธรณ์กล่าวว่า วาฬออร์ก้าแม้กินสัตว์เป็นอาหาร แต่ไม่มีอันตรายต่อมนุษย์ แทบไม่มีรายงานว่า วาฬออร์ก้าจู่โจมมนุษย์ หากพบเห็นวาฬออร์ก้า ไม่ควรกระโดดลงไปเล่นน้ำด้วย ยกเว้นคนที่มีความชำนาญอย่างสูงมาก เพราะวาฬออร์ก้าอยู่ในทะเลเปิด พฤติกรรมของวาฬออร์ก้ายังขี้เล่น บางครั้งอาจเข้ามาเล่นกับนักดำน้ำ และทำให้นักดำน้ำได้รับอันตราย เช่น งับลากลงไปในที่ลึกแล้วค่อยปล่อยขึ้นมา นอกจากนี้ วาฬออร์ก้าแม่ลูกอ่อน ยังอาจดูแลลูกเป็นพิเศษ ทำให้เกิดอาการก้าวร้าวหากคนเข้าไปใกล้

อนึ่ง วาฬออร์ก้า (ORCA) หรือชื่อวิทยาศาสตร์ orcinus orca สัตว์ในตระกูลโลมา ถือเป็นโลมาที่ใหญ่ที่สุด เป็นวาฬมีเขี้ยว ที่เราคุ้นเคยกันดี จากภาพยนตร์วาฬแสนรู้เรื่อง "ฟรีวิลลี่" ลักษณะทั่วไปมีหลังสีดำ หน้าอกสีขาว ข้างลำตัวมีสีขาว มีรอยแต้มสีขาวเหนือบริเวณลูกตา ความยาว ตัวผู้อาจยาวที่สุดถึง 9.5 เมตร หนักได้มากที่สุดถึง 8 ตัน ตัวเมียมีขนาดเล็กลงมา ยาวประมาณ 8.5 เมตร หนัก 5 ตัน อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง ฝูงละ 4-8 ตัว สามารถอาศัยในเขตใดก็ได้ที่มีอาหารเพียงพอ แต่กินแมวน้ำเป็นอาหารหลัก อาหารอื่นๆ เช่น ฉลาม กระเบน ฯลฯ ปัจจุบันมีประชากรอยู่ราว 1 แสนตัว แบ่งเป็น 7-8 หมื่นตัวอาศัยอยู่ในมหาสมุทรแอนตาร์คติก อีก 8 พันกว่าตัวอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ที่เหลืออาจเจอได้ในน่านน้ำประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย แต่วาฬออร์ก้าในภูมิภาคเอเชียจะกินฉลามและกระเบนแมนต้าเป็นอาหารหลัก ไม่เคยพบว่าจู่โจม หรือทำร้ายมนุษย์

 
 
 
 
ที่มา- 

บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages//2007-03-27-2.html
เมื่อ 5 กรกฎาคม 2567 06:19
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv