ไมโครซอฟท์แนะวิธีประหยัดพลังงานลดปัญหาสิ่งแวดล้อม
ระบุควรปิดสกรีนเซฟเวอร์หรือการตั้งค่าเปลี่ยนการแสดงผลหน้าจอเมื่อไม่มีการใช้งาน
ชี้เครื่องพีซีที่แสดงหน้าจอสกรีนเซฟเวอร์นั้นใช้พลังงานสูงเท่ากับการเปิดหลอดไฟขนาด
100 วัตต์ต่อเนื่อง 1 ปี
ดีน ดีวิทท์ (Dean DeWhitt)
หัวหน้าทีมพัฒนาชุดคำสั่งวินโดวส์หรือวินโดวส์เคอร์แนลของไมโครซอฟท์
เป็นผู้ประกาศแนะนำให้ผู้บริโภคปิดฟังก์ชันสกรีนเซฟเวอร์ในคอมพิวเตอร์
โดยยกเหตุผลว่าการแสดงภาพสกรีนเซฟเวอร์สวยงามนั้นทำให้คอมพิวเตอร์ผลาญพลังงานมากกว่าการปล่อยให้หน้าจอ
คอมพิวเตอร์พักการทำงานชั่วคราวหรือที่รู้จักกันในนาม
sleep mode หรือ hibernating mode
"คอมพิวเตอร์พีซีที่กำลังแสดงภาพสกรีนเซฟเวอร์จะต้องใช้พลังงานเทียบเท่ากับการเปิดหลอดไฟขนาด
100 วัตต์หนึ่งดวงต่อเนื่องนาน 1 ปี
โรงงานไฟฟ้าต้องปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศปริมาณ 1,350
ปอนด์จึงจะสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าจำนวนนี้ได้"
ไมโครซอฟท์รับข้อมูลการใช้พลังงานของคอมพิวเตอร์เหล่านี้มาจากสถาบันวิจัย
PC Pro Labs ของอังกฤษ
ซึ่งดำเนินการสำรวจเพื่อเปรียบเทียบการใช้พลังงานในคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการวินโดวส์วิสต้า
(Windows Vista) และวินโดวส์เอ็กซ์พี (Windows XP) ในองค์กร
โดยไม่มีรายงานว่าการสำรวจครั้งนี้ตรวจวัดการใช้พลังงานคอมพิวเตอรที่เปิดสกรีนเซฟเวอรโดยอิงจากรอบระยะเวลาเท่าใด
ผลที่ออกมาคือวิสต้าทำได้ดีกว่าเนื่องจากการมี Sleep mode
โหมดหยุดการทำงานชั่วคราวเช่นเดียวกับที่มีในคอมพิวเตอร์แมคอินทอชของแอปเปิล
โหมดหยุดการทำานชั่วคราวจะทำให้คอมพิวเตอร์พีซีสามารถประหยัดพลังงานได้
แต่ก็สามารถตื่นหรือตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้ได้ทันทีที่ต้องการ
ไมโครซอฟท์ระบุว่าโหมดคอมพ์หลับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการให้คอมพิวเตอร์พร้อมต่อการทำงานเสมอ
ขณะเดียวกันซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส
การอัปเดทหรือการดาวน์โหลดไฟล์ทิ้งไว้ก็ยังสามารถทำงานได้ต่อเนื่อง
ที่มา-