นพ.มงคล
ณ สงขลา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเตือนอากาศในประเทศไทยที่ร้อนจัดกว่าทุกปี
มีความเสี่ยงเกิดโรคในระบบทางเดินอาหาร รวมทั้งโรคลมแดด (Heat stroke)
ซึ่งเกิดในช่วงที่สภาพอากาศร้อนจัด ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา
มีประชาชนเสียชีวิตจากสาเหตุนี้ปีละประมาณ 371 คน
ในประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานใครเสียชีวิต
ถ้าอุณหภูมิของร่างกายเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติเกิน
40 องศาเซลเซียส ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องให้การรักษาอย่างรีบด่วน
เนื่องจากมีโอกาสเสียชีวิต 17-70%
สัญญาณสำคัญของโรคนี้คือ
ไม่มีเหงื่อออก ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ ผู้ที่เป็นจะกระหายน้ำมาก ปวดศีรษะ
มึนงง วิงเวียน คลื่นไส้ หายใจเร็ว อาเจียน
ซึ่งต่างจากการเพลียแดดหรือเป็นลมแดดทั่วๆ ไป ที่จะพบมีเหงื่อออกด้วย
เมื่อเกิดอาการดังกล่าวจะต้องหยุดพักทันที
ถ้าไม่ได้รับการดูแลรักษาทันท่วงที จะทำให้เสียชีวิตได้
ในการช่วยเหลือคนเป็นลมแดดคือนำเข้าที่ร่ม
ให้นอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
ถอดเสื้อผ้าออก ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกตัว คอ รักแร้
เชิงกราน ศีรษะ ร่วมกับการใช้พัดลมช่วยเป่าระบายความร้อน
หรือเทน้ำเย็นราดลงบนตัวเพื่อลดอุณหภูมิของร่างกายให้ต่ำลงโดยเร็วที่สุด
และรีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาโดยเร็วที่สุด
ในรายที่อาการยังไม่มาก ควรให้ดื่มน้ำเปล่าธรรมดามากๆ
กลุ่มเสี่ยงร่างกายขาดน้ำได้แก่
เด็ก ผู้สูงอายุ
เนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่าคนหนุ่มสาว
ผู้ที่มีโรคประจำตัวได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง ที่ต้องกินยาควบคุมความดัน
เช่น ยาขับปัสสาวะ ซึ่งมีผลขับสารโซเดียมออกจากร่างกาย
ทำให้มีโอกาสเกิดความผิดปกติของระดับเกลือแร่ได้เร็วกว่าผู้อื่น
รวมทั้งผู้ที่เป็นโรคอ้วน หรือผู้ที่อดนอน
เนื่องจากจะทำให้ร่างกายตอบสนองต่อความร้อนที่ได้รับช้ากว่าปกติ
ส่วนผู้ที่ดื่มสุราหรือเบียร์
ร่างกายจะมีโอกาสสูญเสียน้ำและเกลือแร่สูงกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่ม
เพื่อขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย
ที่มา-