ณ ตำบล ทงโจว เรื่องราวของ จางผิ่นเจิ้ง หญิงชาวบ้านธรรมดาๆ อายุ 53 ปีรายหนึ่ง ที่แต่งงานออกไปพร้อมๆ กับที่รับเลี้ยงดูหญิงชราที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใดๆ กับตนเองไปด้วย ได้ถูกกล่าวขวัญและพูดถึงกันในวงกว้าง

จางผิ่นเจิ้งและลูกชายถ่ายรูปร่วมกับแม่เฒ่าจิน
       ตัดสินใจรับเลี้ยงดู
       
       แม่เฒ่าจิน เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2450 อายุครบ 100 ปีพอดีในปีนี้ ลักษณะหน้าของแม่เฒ่าแสดงว่าเป็นผู้มีบุญ ใบหน้าใหญ่ ใบหูยาว แต่เนื่องจากผ่านการผ่าตัดรักษาโรคเกี่ยวกับสตรีจึงไม่สามารถมีบุตรได้ ส่วนสามีนั้นเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้หลายปี ดังนั้นจึงเหลือเพียงแม่เฒ่าใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้เพียงลำพัง ซึ่งตัวแม่เฒ่าเองก็ได้เตรียมตัวเตรียมใจกับชะตาชีวิตของตนเองไว้แล้ว แต่ใครจะคาดคิดว่า ในวันหนึ่งจะมีเด็กสาวอายุเพียง 19 ปีกล่าวกับนางว่า “ต่อไปนี้หนูจะเลี้ยงดูคุณย่าเอง ขอให้คุณย่าคิดเสียว่าหนูเป็นหลานแท้ๆ ก็แล้วกัน”
       
       เด็กสาวเจ้าของคำพูดข้างต้นนั้น คือจางผิ่นเจิ้ง เป็นหลานสาวแท้ๆ ของเจ้าของบ้านที่แม่เฒ่าจินเช่าอยู่ แม้ว่าในเวลานั้นจะอายุเพียง 19 ปี แต่เมื่อเห็นชีวิตของหญิงชราไร้ที่พึ่งรายนี้จึงเกิดความสงสารอย่างจับใจ และตัดสินใจที่จะจูงมือของแม่เฒ่าชรา ให้ค่อยๆ ออกเดินไปบนถนนชีวิตด้วยกัน ซึ่งพริบตาเดียววันเวลาได้เปลี่ยนผ่านไปแล้วถึง 34 ปี
       
       ก่อนแต่งงาน จางผิ่นเจิ้งนั้นจะไปดูแลแม่เฒ่าจิน เกือบทุกวัน นำเอาอาหารและเสื้อผ้าไปให้ ซึ่งในทุกครั้งที่ได้เห็นแม่เฒ่าอายุขนาดนี้ต้องมาหาบน้ำ จางผิ่นเจิ้งก็รู้สึกสะท้อนใจ เป็นความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ถูกว่ามีรสชาติอย่างไร ดังนั้นจางผิ่นเจิ้งจึงหวังว่าหากตนมีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่กับแม่เฒ่าจิน ได้ดูแลแม่เฒ่าจิน ก็คงจะเป็นการดีไม่น้อย และในปีพ.ศ. 2524 เมื่อเธอแต่งงาน ความหวังอันนี้จึงได้กลายมาเป็นความจริง หญิงใจงามตัดสินใจพาแม่เฒ่าจินมาอาศัยอยู่ร่วมกับเธอในบ้านใหม่ ที่มีความกว้างเพียง 40 ตารางเมตรเท่านั้น

       ขอบคุณสามีที่เข้าใจ
       
       จางผิ่นเจิ้งเล่าว่า สามีของเธอเป็นคนจิตใจดี มีอาชีพขับรถแท็กซี่ ซึ่งช่วงที่ทั้งสองคบกันนั้น เธออยู่ในช่วงที่ต้องดูแลแม่เฒ่าจินซึ่งกำลังป่วยหนัก ซึ่งจางผิ่นเจิ้งก็ได้บอกให้เขาเข้าใจตั้งแต่แรกว่าหากจะแต่งงานก็คงจะต้องพาแม่เฒ่าจินไปอยู่ด้วย
       
       สามีของจางผิ่นเจิ้งเป็นคนเงียบๆ ตลอด 30 ปีที่ผ่านมาไม่เคยต่อว่าเธอสักคำ แต่ทุกครั้งที่ได้ยินสามีขอร้องด้วยคำพูดเหล่านี้ว่า ”ช่วยล้างเท้าให้ฉันด้วยได้ไหม” “อยู่กับฉันอีกสักพักได้ไหม” จางผิ่นเจิ้งก็ทราบดีว่า ตนเองได้ละเลยสามีไปมากเลยทีเดียว
       
       ในช่วงของการสัมภาษณ์ สามีของจางผิ่นเจิงเปิดประตูเข้ามาพร้อมกล่องข้าว และผงะเล็กน้อยเมื่อพบเห็นผู้คนมากมายอยู่เต็มห้อง หลังจากนั้นจึงค่อยๆ เปิดกล่องข้าว หยิบหมั่นโถวใบหนึ่งไปวางเบาๆ ไว้บนมือของแม่เฒ่าจิน พร้อมทั้งกลัดกระดุมเสื้อให้ หลังจากนั้นจึงพยักหน้าน้อยๆ ให้ภรรยาแล้วจึงเดินออกจากห้องไป “พ่อผมและผมเป็นพวกกลัวกล้อง แต่อย่างไรเราก็ถือว่าแม่เฒ่าจินเป็นคนในครอบครัวของเราอยู่แล้ว” บุตรชายของจางผิ่นเจิ้งกล่าว

       หญิงใจงามย้ำ เกิดเป็นคนต้องมีสัจจะ
       
       ทุกวันนี้ถ้าวันไหนแม่เฒ่าจินไม่เห็นหน้าจางผิ่นเจิ้งก็จะไม่ยอมพูดจาไปทั้งวัน บางวันถึงขนาดร้องไห้ออกมา
       
       จางผิ่นเจิ้งกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “เกิดเป็นคนต้องมีสัจจะ เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะดูแลแม่เฒ่าก็ต้องทำให้ได้ตามที่พูด และตั้งใจว่าจะดูแลแกไปจนกระทั่งถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต”
 
 
 
 
 
 
ที่มา- 
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages//2007-04-14-1.html
เมื่อ 25 กรกฎาคม 2567 21:40
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv