แม้การ "เกิด แก่ เจ็บ ตาย" จะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การมีชีวิตที่ยืนยาวก็เป็นความปรารถนาของทุกชีวิต

ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากที่ใครจะทำได้

แต่สำหรับ "นพ.เฉก ธนะสิริ" ประธานมูลนิธิฟื้นฟูส่งเสริมการแพทย์ไทยเดิม และประธานกิตติมศักดิ์ชมรมอยู่ 100 ปี-ชีวีเป็นสุข กล้าที่จะประกาศตน ตั้งแต่เมื่อประมาณ 15 ปีที่ผ่านมาว่า "ผมจะอยู่ให้ได้ถึง 120 ปี"

ที่กล้าประกาศตัวเช่นนี้ เป็นเพราะ นพ.เฉกได้ปฏิบัติตัวค่อนข้างเคร่งครัด ในเรื่องการออกกำลังกาย เปลี่ยนแปลงอาหารที่กินและบริหารจิต และศึกษาเรื่องนี้ทั้งศาสตร์ฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกมามากพอสมควร จึงเห็นว่าการอยู่ดีชีวีมีสุขถึง 120 ปี เป็นเรื่องที่เป็นไปได้

เรื่องการจะมีอายุยืนยาวถึง 120 ปีนี้ ในประเทศไทย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นท่านแรกในประเทศไทยที่สนใจศึกษาหาความรู้ ในเรื่องนี้ท่านได้เขียนบทความชื่อ "วิธีทำให้อายุยืน 120 ปี" เพราะท่านเป็นคนไทยคนแรกๆ ที่นอกจากจะสนใจในเรื่องนี้แล้ว ยังได้เดินทางไปเข้าหลักสูตรกับ ดร.อาชลาน เพื่อปฏิบัติให้มีอายุยืนยาวแข็งแรงไม่มีโรคภัย ณ ประเทศโรมาเนีย

"ผมเองก็เคยเดินทางไปศึกษาหาความรู้ที่โรมาเนียด้วย นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2547 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ตรัสต่อข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนที่เฝ้ารับเสด็จฯ เพื่อถวายพระพรในวันเฉลิมพระชนมพรรษาว่า พระองค์ท่านตั้งพระทัยที่จะทรงมีพระชนมพรรษาถึง 120 ปี ซึ่งปัจจุบันนี้พระองค์ท่านทรงมีพระชนมพรรษา 79 พรรษาเต็ม กำลังย่างเข้าปีที่ 80 อานาประชาราษฎร์ต่างแซ่ซ้องสาธุการ อยากให้พระองค์ท่านทรงบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้ทรงตั้งพระราชหฤทัย"

การศึกษาเรื่องอายุยืนยาวนี้ มีทั้งในซีกโลกฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก ซึ่งฝากฝั่งนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ตะวันตกได้ศึกษาพบว่า คนจะมีชีวิตยืนยาวมีหลักใหญ่ 3 ประการ กล่าวคือ พันธุกรรม 30% พฤติกรรม มีความสำคัญมาก 60% ส่วนปัจจัยสิ่งแวดล้อมรอบด้านคือ ปัจจัยทางครอบครัวและสิ่งแวดล้อม เช่น ดินฟ้าอากาศ มีผลเพียง 10% แต่ในแนวทางตะวันออก โดยเฉพาะหลักพุทธศาสนาให้ความสำคัญ กับ "บุญกรรม" และ "บาปกรรม" ที่กระทำจะเป็นตัวแปรสำคัญอย่างยิ่ง แต่แนวความคิดในเรื่อง "กรรม" ตะวันตกไม่ได้กล่าวถึงเลย เพราะไม่เข้าใจ

ดังนั้น "วัตรปฏิบัติ" จะต้องประกอบด้วย ทาน ศีล และภาวนา


นพ.เฉก ได้ศึกษาเปรียบเทียบพระราชวงศ์ที่พระชนมายุใกล้เคียงกัน 2 ราชวงศ์ คือราชวงศ์อังกฤษ สมเด็จพระนางเจ้าอลิซาเบธ พระชนมายุแก่กว่าพระเจ้าอยู่หัวประมาณ 1 ปี พระราชชนนีของพระนางเจ้าสวรรคต เมื่อ 102 ปี พระราชชนนีของพระเจ้าอยู่หัวสวรรคต เมื่อ 93 ปี (หมายถึงพันธุกรรม)

"เมื่อประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา ผมเคยได้ยินคนไทยที่เคยศึกษาอยู่ในประเทศอังกฤษนานพอที่จะรู้ตื้นลึกหนาบางของราชวงศ์ของอังกฤษกล่าวว่า พระราชินี และพระราชวงศ์อังกฤษไม่ได้ใช้แพทย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังดูแลรักษาสุขภาพ หากแต่ใช้ "หมอผี" ดูแลรักษา ผมแปลกใจมากจนกระทั่ง พ.ศ.2534 ผมได้เดินทางไปเยี่ยมบุตรสาวที่ประเทศอังกฤษ เขาได้พาผมไปเที่ยวเมืองเคมบริดจ์ ซึ่งจะต้องผ่านเมืองเล็กๆ ชื่อ Heddingham มีปราสาทเก่าแก่ 800 ปี จึงขึ้นไปดูปราสาทเก่า ได้พบหนังสือวางขายชื่อ "The Patient Not The Cure" (คนไข้ทำให้โรคหายไม่ใช่หมอ) คนเขียนเป็น แพทย์ประจำพระราชวงศ์อังกฤษถึง 4 ชั่วอายุ นับตั้งแต่พระราชชนนีจนถึงพระราชปนัดดา ชื่อ Dr.Margery G.Blackie (ล่วงลับไปนานแล้ว) ท่านเป็นแพทย์ที่จบแพทยศาสตร์ แต่เรียนและปฏิบัติรักษาแบบทางเลือกด้วยวิธีใช้พิษถอนพิษ (Homoeopathy) คือใช้หลักการรักษาและดูแลสุขภาพตามหลักให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานขึ้นเอง เพื่อสู้กับเชื้อโรค คล้ายวิธี ปลูกฝี หรือฉีดวัคซีน แพทย์สาขานี้ จะไม่ยอมใช้ยาที่เป็นสารเคมีอย่างเด็ดขาด มักจะใช้สมุนไพร ถ้าจำเป็นในรูปของทิงเจอร์ต่างๆ ซึ่งแพทย์แบบนี้มีจำนวนน้อยมากๆ"

จึงไม่แปลกอะไรที่หนังสือของ "หมอผี" ของราชตระกูลประเทศอังกฤษ จึงไม่ได้ระบุถึงการป่วยเจ็บของราชวงศ์อังกฤษทั้ง 4 ชั่วอายุ สมเด็จพระราชชนนีก็สวรรคตโดยไม่มีโรคและไม่ต้องใช้ยาในการรักษา สมมุติว่าถ้าไม่ทรงอ้วน นพ.เฉกเชื่อว่าจะทรงมีพระชนมายุถึง 110 ปี ได้สบายๆ

นพ.เฉก เล่าถึงเรื่องบังเอิญที่สหรัฐอเมริกาก็มี "หมอผี" ชื่อ Dr..Andrew Weil เขียนหนังสือขายดีมากหลายเล่ม เล่มหนึ่งชื่อ

"Spontaneous Healing" แปลเป็นภาษาไทยชื่อ "พลังบำบัด ร่างกายคุณรักษาตัวเองได้" พิมพ์ถึง 4 ครั้งแล้ว


"หมอผีอเมริกาผู้นี้สำเร็จวิชาแพทยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่ใช้วิธีรักษาคนไข้ที่ป่วยจากโรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค เช่น เบาหวาน ความดัน ข้ออักเสบ หัวใจ และหลอดเลือดตีบสมองเสื่อม อ่อนเปลี้ยเพลียแรง โดยไม่ใช้ยา แต่จะให้คนไข้ที่มารักษากับเขาทิ้งยาที่เคยกินทั้งหมด แล้วให้ปฏิบัติตามที่เขาแนะนำอย่างเคร่งครัดด้วยการกินอาหารออกกำลังกายตามความเหมาะสมแต่ละคน และที่สำคัญยิ่ง เขาให้คนไข้นั่งสมาธิ เป็นประจำ 10 วัน เท่านั้น อาการเริ่มเห็นผลเป็นที่น่าพอใจมาก"

ในเมื่อมี "หมอผี" ที่ประเทศอังกฤษแล้ว ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ ก็มี "หมอเทวดา" ได้เช่นกัน

เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2537 นพ.เฉกได้เดินทางไปสังเกตการณ์และดูงานการแพทย์สาขาใหม่ คือ Bio-Molecular-cell therapy และ Rejuvunation Therapy คือการใช้เซลล์ของแกะรักษาโรคที่เป็นกับอวัยวะใดก็ใช้อวัยวะของแกะอวัยวะนั้นรักษา คือตับรักษาตับ ไตรักษาไต และใช้เซลล์ทำให้เป็นหนุ่มสาวกระชุ่มกระชวยอายุยืนยาว

นพ.เฉก มีโอกาสไปดูที่สถานพยาบาลของ Dr.S.Brock ที่เมือง Lingrguiss,Munchen ประเทศเยอรมนี โดย อ.พรรณทิพา วัชโรบล ผู้ซึ่งศึกษาวิชานี้เป็นผู้นำไปพบว่าสถาบันแห่งนี้ในอดีตมีบุคคลสำคัญของโลกเคยเดินทางมาชุบตัว เพื่อให้เป็นหนุ่มเป็นสาว บ้างก็มารักษาโรค อาทิ จักรพรรดิฮิโรฮิโต ชาลี แชปปลิน โป๊ป องค์ก่อนๆ อดีตประธานาธิบดีเยอรมนีและเซอร์วินสตัน เชอร์ชิล เป็นต้น ประเทศเยอรมนีดำเนินการศึกษาค้นคว้ามานานนับ 70-80 ปีมาแล้ว ประเทศสหรัฐอเมริกาเพิ่งจะมาตื่นเต้นเมื่อไม่เกิน 20 ปีมานี้เอง เรื่องการบำบัดรักษาและการยืดอายุให้ยืนยาวนี้ในอนาคต วิชา Cell Therapy จะมีบทบาทอย่างสูง หากแต่ค่ารักษาแพงมากๆ อย่างไรก็ดี วงการแพทย์ของประเทศไทยได้อาศัยการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาเป็นหลักเกณฑ์ จึงยากที่จะเข้าใจหลักเกณฑ์การแพทย์เยอรมนี

จากการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง นพ.เฉกระบุว่า สำหรับคนที่ต้องการมีอายุยืนยาวอย่างมีพฤฒิพลังถึง 120 ปี นั้นจะต้องปฏิบัติให้ได้ 5 ข้อ ต่อไปนี้

1.ต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ หนักเบาตามอายุ แต่การออกกำลังต้องให้ได้ออกซิเจนสม่ำเสมอ คือเพื่อให้เกิด พลังชีวิต หรือพลังแอโรบิคไปจนตายนั้น คือ ใช้หลักที่ว่า อยากมีแรงต้องออกแรง หรือต้องทำงานกลางแจ้งจนตลอดชีวิต

2.ต้องกินอาหารธรรมชาติ คือพืชพรรณธัญญาหาร เช่น แป้งเชิงซ้อนได้แก่ ข้าวซ้อมมือ ข้าวโพด เผือก มัน และผลไม้ และผักหลากสี หลากรส ลดเนื้อสัตว์ 4 เท้า และ 2 เท้า วันหนึ่งกิน 2 มื้อ ก็พอแล้ว งดหรือลดมื้อเย็นใช้หลักที่ว่า กินน้อย-ตายยาก กินมาก-ตายเร็ว อาหารอายุสั้น เช่น ผักสด ผลไม้สด ทำให้อายุยืน อาหารอายุยืน เช่น กระป๋อง ซอง แฮม ไส้กรอก กุนเชียง ทำให้อายุสั้น

3.ต้องดื่มน้ำสะอาด น้ำเปล่าๆ วันละ 10-12 แก้ว

4.ต้องพักผ่อนนอนให้หลับสนิท ภูมิต้านทานในตัวจะสูงมาก เชื้อโรคแพ้ราบคาบและทำจิตใจให้สงบเป็นสมาธิ ไม่สร้างปัญหาชีวิตให้แก่ตน ครอบครัวและสังคม หากเป็นไปได้ให้ฝึกเจริญสมาธิ วิปัสสนากรรมฐาน เป็นนิจศีล ดำเนินชีวิตทุกๆ อย่างด้วย ไตรสิกขา คือศีล-สมาธิ-ปัญญา จงมั่นใจว่า การฝึกจิตให้นิ่งเป็นจิตที่มีพลังสูง

5.หมั่นสร้างแต่กรรมดี สร้างบุญสร้างกุศล ละเว้นความชั่วทุกชนิด และตั้งโปรแกรมจิตของตนทุกวันเวลาที่จะมีชีวิตยืนยาว 120 ปี อย่างมีคุณภาพ โดยพิจารณาให้เห็นชัดว่าร่างกาย คือฮาร์ดแวร์ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะต้องดูแลระมัดระวังให้ทำหน้าที่อย่างดีอยู่เสมอ ส่วนโปรแกรมที่จะป้อนเข้าไป เพื่อให้ได้ข้อมูลนั้นก็คือ "จิต" ของเรานั้นเอง การจะตั้งใจให้ผลออกมาดีนั้น คำสอนของพระพุทธเจ้าให้ใช้หลัก อิทธิบาท 4 หมายถึง สิ่งที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จ 4 อย่าง คือฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา

นอกจากนั้น การจะใช้อาหารเสริม วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ รวมทั้งการใช้เซลล์บำบัดจึงกลายเป็นเรื่องรองลงไปจากการปฏิบัติตัวด้วยตนเอง ทั้งหมดนี้เป็นคำแนะนำจาก นพ.เฉก "หมอผี" ของประเทศไทย
 
 
 
ที่มา-
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages//2007-04-28-3.html
เมื่อ 26 กรกฎาคม 2567 00:01
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv