เมื่อวันที่ 29 เม.ย. นายตวง อันทะไชย
โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
กล่าวว่า ในการประชุมกรรมาธิการครั้งที่ 2
ที่ประชุมได้เปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อเนื่องเป็นครั้งที่
2 ประกอบด้วย ผู้แทนสมาคมโรงแรมไทย
สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสมาคมภัตตาคารไทย
ประเด็นหลักที่ทั้งสามสมาคมกังวลเหมือนกันคือ การโซนนิ่ง
ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใกล้วัดหรือโรงเรียนว่าอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
และไม่สามารถปฏิบัติได้
เพราะในบางจังหวัด เช่น เชียงใหม่ หรืออยุธยา
มีวัดอยู่ใกล้โรงแรมเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม
คณะกรรมาธิการได้ชี้แจงไปแล้วว่าเรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิด
โดยพ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่ได้ห้ามเช่นนั้น
เพียงแต่ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณวัดและบริเวณสถานศึกษาเท่านั้น
เมื่อได้ทราบข้อเท็จจริง ผู้แทนจากทั้งสามสมาคมจึงพอใจ
โดยคณะกรรมาธิการยืนยันด้วยว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่มีเจตนาทำลายธุรกิจท่องเที่ยว
กฎหมายต้องการจัดระเบียบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลดผลกระทบทางสังคม
และป้องกันเยาวชนในการเป็นนักดื่มหน้าใหม่เท่านั้น
เราไม่ทุบหม้อข้าวคนไทยด้วยกันเอง
นายตวงกล่าวอีกว่า
ทั้งสามสมาคมยังมีข้อท้วงติงเรื่องอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุม
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ในอีก 2 ประเด็นคือ 1.ของใช้ที่มีตราสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ แก้ว
จานรองแก้ว ที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันโดยมีมูลค่าโดยรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท
จะต้องปฏิบัติอย่างไร
2.การห้ามโฆษณาจะบั่นทอนศักยภาพการแข่งขันโดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้าน
ซึ่งประธานในที่ประชุม น.พ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข
จึงรับปากจะนำประเด็นดังกล่าวไปหารือในที่ประชุมต่อเพื่อหาข้อสรุป
ที่จะเน้นให้กระทบต่อการธุรกิจและท่องเที่ยวน้อยที่สุด
ขณะที่ผู้แทนบริษัทดิมาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด
แสดงความคิดเห็นว่า
ไม่ควรห้ามโฆษณาแต่ให้ผู้ประกอบการควบคุมจริยธรรมกันเอง
คณะกรรมาธิการระบุว่ายินดีที่ผู้ประกอบการมีความคิดเช่นนี้
แต่ได้ตั้งข้อสังเกตต่อว่า
ที่ผ่านมาการศึกษาเรื่องการฝ่าฝืนการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์(Media
monitor) มีหลักฐานชัดเจนว่า
มีการฝ่าฝืนโฆษณาทั้งทางตรงและทางอ้อมในช่วงเวลาที่ห้ามโฆษณามาโดยตลอด
ที่มา-