คุณครูคนใหม่กับลูกศิษย์
       เอเอฟพี - แม้เกิดมาไม่มีแขนมีขา แต่ฮิโรทาดะ โอโตทาเกะ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนญี่ปุ่นและทั่วโลกเมื่อทศวรรษที่แล้ว ด้วยหนังสือติดอันดับเบสต์เซลเลอร์ว่าด้วยความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวในการต่อสู้เพื่อเติมเต็มชีวิตที่ 'ไม่ครบห้า'
       
        มาวันนี้เขาเริ่มต้นความท้าทายใหม่ในอาชีพครู เพื่ออบรมบ่มเพาะเยาวชนให้ยอมรับความแตกต่างในสังคม
       
        "ความฝันของผมคือ สร้างโลกที่สงบสุข ถ้าความสามารถและบุคลิกลักษณะของผมสามารถนำผมเข้าใกล้จุดหมายนี้แม้เพียงก้าวเล็กๆ ผมคงมีความสุขมากและพบความหมายของการเกิดมาในโลก" เขาพูดพร้อมรอยยิ้มฉาบทาบนใบหน้า
       
        โอโตทาเกะ วัย 31 ปี นักเขียนหนังสือเบสต์เซลเลอร์ที่โด่งดังไปทั่วโลกจากหนังสือ 'Nobody's Perfect' หรือ 'ไม่ครบห้า' ในภาคภาษาไทย ที่ตีพิมพ์ออกมาเมื่อ 9 ปีก่อน เริ่มสอนหนังสือในโรงเรียนประถมซูกินามิ ไดยอน ในโตเกียว ประเดิมปีการศึกษาใหม่เมื่อต้นเดือนเมษายน

โอโตทาเกะ นักสู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อความพิการ
       "นี่เป็นวันอันยิ่งใหญ่สำหรับครู" โอโตทาเกะประกาศต่อหน้านักเรียนที่ยืนเข้าแถวกันอยู่ในวันเปิดเทอมวันแรก "พวกเธอบางคนถามครูว่า จะสอนอย่างไร? ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะ พวกเธอต้องช่วยครู เช่น เขียนกระดานให้ หรือไม่ครูอาจใช้แก้มกับไหล่หนีบชอล์กเขียนเองก็ได้"
       
        หลังเลิกแถว นักเรียนบางคนมารุมล้อมดูและลูบคลำไหล่และขาคุณครูคนใหม่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อไฟฟ้า เพราะอยากรู้ว่าแขนขาพิกลพิการสองคู่นั้นเริ่มต้นและสิ้นสุดที่ไหน
       
        แทนที่จะขัดขืน โอโตทาเกะในชุดสูทสีเทาอ่อน ผูกไทสีชมพู กลับยิ้มละไมให้ลูกศิษย์
       
        โอโตทาเกะเกิดมาพร้อมความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ไม่ค่อยพบบ่อยนักที่เรียกว่า tetra-amelia อาการของความผิดปกตินี้คือ ไม่มีแขนขา
       
        คุณครูคนใหม่มาโรงเรียนพร้อมกับชินิชิ โอโนะ ผู้ช่วยที่คอยช่วยเหลือทุกอย่าง ตั้งแต่เปลี่ยนชุดกีฬาให้ ไปจนถึงขับรถรับส่ง
       
        กระนั้น ความพิการไม่ได้ขัดขวางโอโตทาเกะจากการทำกิจกรรมหลายอย่างที่ไม่น่าเป็นไปได้ เช่น เล่นบาสเก็ตบอลและเบสบอล ภายหลังการฝึกฝนและอดทนเป็นปีๆ
       
        ความมุ่งมาดปรารถนาผลักดันให้โอโตทาเกะประสบความสำเร็จในอาชีพผู้สื่อข่าวกีฬา ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเบนเข็มมาเรียนครูเมื่อสองปีที่แล้ว
       
        โอโตทาเกะจะสอนวิชาสังคมให้เด็กเกรด 6, วิทยาศาสตร์สำหรับเกรด 5 และศีลธรรมสำหรับเกรด 1-6
       
        "มีบางสิ่งที่มีเพียงผมเท่านั้นที่จะสอนเด็กๆ ได้ เช่น การเคารพและการยอมรับ ซึ่งไม่มีอยู่ในตำราเรียนเล่มไหนๆ"
       
        เขาสำทับว่า การมีคนพิการอยู่ในห้องเรียน เหมือนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยอยู่ในสภาพนั้นเพราะพ่อแม่ตัดสินใจส่งเขาเข้าเรียนในโรงเรียนปกติ จะช่วยสร้างบรรยากาศของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว
       
        "การเปิดโอกาสให้เด็กเรียนรู้ตามธรรมชาติผ่านประสบการณ์การอยู่ร่วมกับนักเรียนพิการ น่าจะดีกว่าการสอนปาวๆ ว่าการเลือกปฏิบัติเป็นสิ่งไม่ดี"
       
        หลักการชีวิตอื่นๆ ที่โอโตทาเกะตั้งใจถ่ายทอดให้เด็กๆ ยังรวมถึงการกำหนดเป้าหมายและไปให้ถึงโดยใช้ความมุมานะอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
       
        "ถ้ามองสภาพผม คุณคงคิดว่าเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่ผมจะเลี้ยงและส่งลูกบาส แต่ถ้าเด็กมองผมและคิดว่า 'ว้าว! เขาคงต้องพยายามสาหัสสากรรจ์ถึงทำแบบนั้นได้' พวกเขาจะรู้สึกว่าต้องท้าทายตัวเองในการทำอะไรสักอย่างโดยไม่ยอมแพ้กลางคัน หรือการเห็นโอโนะช่วยผม เด็กๆ อาจรู้สึกว่า การช่วยเหลือคนอื่นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริง ผมคงมีความสุขมาก"
       
        อดีตนักข่าวที่ผันตัวเองมาเป็นครูหวังว่า จะสามารถกำราบเด็กเฮี้ยว ที่เป็นปัญหาหนักในโรงเรียนญี่ปุ่น และถูกโทษว่าเป็นสาเหตุของการฆ่าตัวตายของนักเรียนหลายคน
       
        "ผมหวังว่านักเรียนของผมจะยอมรับกันและกัน และรู้สึกว่าธรรมชาติสร้างให้แต่ละคนเกิดมาแตกต่างกัน"
       
        อย่างไรก็ตาม คุณครูไม่ครบห้ารู้ดีว่าต้องต่อสู้กับความท้าทายใหญ่หลวง ในสายตาของเขา คนพิการในญี่ปุ่นได้รับการยอมรับน้อยกว่าในชาติตะวันตก
       
        โอโตทาเกะมองว่า ญี่ปุ่นเป็นสังคมเอกเทศที่มีปัญหาในการยอมรับคนพิการ เพราะไม่ชินกับการสัมผัสกับคนพิการในชีวิตประจำวัน ซึ่งนี่คือสาเหตุและทางออกของปัญหานี้
       
        "ปกติแล้ว คนส่วนใหญ่จะได้เจอคนพิการในโอกาสพิเศษเท่านั้น จึงมีปฏิกิริยาราวกับอยู่กันคนละโลก แต่ถ้าคุ้นเคยกับการต้องข้องเกี่ยวกับผู้พิการในชีวิตประจำวัน พวกเขาจะไม่มองคนพิการเป็นบุคคลพิเศษอีกต่อไป"
       
        การต่อสู้กับปัญหาการเลือกปฏิบัติเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของโอโตทาเกะ
       
        "ไม่ว่าคุณจะพิการหรือไม่ แต่ถ้าคุณเข้ากับคนอื่นได้ คุณก็จะได้รับการยอมรับจากคนๆ นั้น"
       
        สำหรับตัวเอง เขามีจุดกึ่งกลางระหว่างการใช้สถานการณ์ของตัวเองเพื่อสร้างความแตกต่างในสังคม ควบคู่ไปกับต่อสู้เพื่อให้คนญี่ปุ่นยอมรับผู้พิการ
       
        "ผมผ่านชีวิตมาไกลบนพื้นฐานความคิดง่ายๆ ว่าในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ผมท้าทายตัวเองให้ทำในสิ่งที่อยากทำ และผมอยากให้สังคมเลิกมองแค่ความพิกลพิการของผม แต่อยากให้ยอมรับความพิการนั้น"
 
 
 
 
 
ที่มา- 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages//2007-05-01-2.html
เมื่อ 5 กรกฎาคม 2567 08:09
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv