"ติช นัท ฮันห์" พระมหาเถระนิกายเชนองค์สำคัญของโลก ที่ไทม์สยกย่องเป็นผู้มีผลงานโดดเด่น เดินทางมาร่วมงานวิสาขฯ โลกในไทย พร้อมเจริญพระพุทธมนต์ ถวายในหลวงครบรอบ 80 พรรษา

เนื่องในงานวันวิสาขบูชาโลก ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 26-31 พฤษภาคมนี้ พระมหาเถระนิกายเชนองค์สำคัญของโลกอย่างท่านติช นัท ฮันห์ พร้อมคณะได้เดินทางมาร่วมงานด้วย

พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดงานประชุมวิชาการชาวพุทธนานาชาติ ครั้งที่ 4 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ กล่าวว่า รัฐบาลไทยโดย มจร.ได้นิมนต์ท่านติช นัท ฮันห์ พระมหาเถระชาวเวียดนามในพระพุทธศาสนานิกายเชนมหายานองค์สำคัญของโลก แห่งหมู่บ้านพลัม ประเทศฝรั่งเศส และคณะอีก 64 รูป เดินทางมาร่วมกิจกรรมประชุมนานาชาติ เนื่องในวันวิสาขบูชาโลก ซึ่งจะจัดขึ้นที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม และศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ถนนราชดำเนิน กทม.

โดยในวันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม เวลา 08.30 น. พระภิกษุสงฆ์และภิกษุณีจากหมู่บ้านพลัมจะเจริญพระพุทธมนต์เพื่อสันติภาพโลก ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ จากนั้น 10.00 น. ท่านติช นัท ฮันห์ จะไปปาฐกถาเรื่องพระพุทธศาสนากับธรรมาภิบาลและการพัฒนา กระทั่ง 16.30 น. ท่านติช นัท ฮันห์ และผู้นำสงฆ์ทั้งหมดจะเดินทางไปที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ 80 พรรษา

นอกจากนี้ ในวันที่ 30 พฤษภาคม เวลา 10.00 น. ท่านติช นัท ฮันห์ จะเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงรับรองผู้นำทางศาสนาประเทศต่างๆ รวม 150 รูปต่อคน ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเป็นเจ้าภาพ

"คณะกรรมการจัดงานเลือกหัวข้อ พระพุทธศาสนากับธรรมาภิบาลและการพัฒนา เนื่องจากคนทั่วโลกได้เห็นพระจริยวัตรและ
การปกครองประเทศขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงครองราชย์ด้วยทศพิธราชธรรม และพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนา จนได้รับการยอมรับจากองค์การสหประชาชาติและนานาประเทศทั่วโลก ถือเป็นแบบอย่างการปกครองและการพัฒนาที่ยั่งยืน" พระธรรมโกศาจารย์ กล่าว

สำหรับประวัติของท่านติช นัท ฮันห์ นั้นได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทม์สให้เป็น "ฮีโร่" หรือผู้มีผลงานอันโดดเด่นและเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนทั้งโลก หนังสือหลายเล่มของท่านติดอันดับหนังสือขายดี ทั้งในยุโรปและอเมริกา ทุกหนแห่งที่ไปบรรยายจะมีผู้ฟังแน่นขนัด แม้ต้องเสียค่าผ่านประตูก็ตาม โดยเฉพาะที่หมู่บ้านพลัมอันเป็นสำนักในประเทศฝรั่งเศส ทุกปีจะมีผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมประจำฤดูร้อนนับพันคนในคราวเดียวกัน คนเหล่านี้มาจากแทบทุกทวีปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่แอฟริกาและอเมริกาใต้ คำสอนของท่านนำความสงบเย็นและหว่านความรักลงไปในจิตใจของผู้คนนับล้าน

พ.ศ.2492 ติช นัท ฮันห์ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุได้ 23 ปี จากนั้นจึงเดินทางไปไซ่ง่อน เพื่อช่วยฟื้นฟูพุทธศาสนาและเขียนบทความ ซึ่งถูกต่อต้านจากผู้นำองค์กรชาวพุทธและรัฐบาลอย่างมาก พ.ศ.2505 เมื่อได้รับการเสนอทุนจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน เพื่อศึกษาศาสนาเปรียบเทียบ จึงเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา

หนึ่งปีต่อมาท่านติช นัท ฮันห์ ได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย แต่ท่านตัดสินใจเดินทางกลับเวียดนาม เพื่อมาทำงานด้านความร่วมมือระหว่างพุทธมหายานและหินยานในประเทศ ด้วยการตั้ง ร.ร.ยุวชนรับใช้สังคม เพื่อรักษาสังคมที่เสียหายจากสงคราม สานต่อแนวคิดเรื่องพุทธศาสนาที่ผูกสัมพันธ์กับสังคม และพัฒนาวงการสงฆ์ด้วยการสอนและเขียนในสถาบันพุทธศาสนาขั้นสูง เป็นการบ่งบอกถึงแนวคิดของท่านว่า การกระทำและปัญญาต้องก้าวไปด้วยกัน และจัดตั้งคณะเทียบหินในปี 2509 ท่านตระหนักว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการต่อสู้เพื่อสันติภาพ เพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือ หยุดการสนับสนุนสงคราม และมุ่งเน้นสันติภาพ โดยปลุกจิตสำนึกต่อคนทั่วโลก จน มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ เสนอนาม ติช นัท ฮันห์ ขึ้นรับรางวัลโนเบลสาขาเพื่อสันติภาพ

การทำงานเช่นนี้ทำให้รัฐบาลเวียดนามใต้ปฏิเสธการกลับประเทศของท่าน จนแม้รวมประเทศแล้วก็ตาม ท่านติช นัท ฮันห์ จึงลี้ภัยอย่างเป็นทางการในประเทศฝรั่งเศส โดยสอนประวัติศาสตร์พุทธศาสนาเวียดนามที่มหาวิทยาลัย และสร้างอาศรมแห่งหนึ่งนอกเมืองปารีส เพื่อเขียนหนังสือและปลูกพืชผักสมุนไพร

ระหว่างนี้ ท่านยังคงทำงานเพื่อสันติภาพและผู้ลี้ภัย จากประสบการณ์ของท่านที่ได้พบเห็นชะตากรรมของผู้ลี้ภัยด้วยตนเอง จนสามารถช่วยเหลือผู้คนได้อีกมากใน พ.ศ.2525 เมื่อผู้มาปฏิบัติธรรมที่อาศรมทวีจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ท่านจึงเริ่มก่อตั้งชุมชนแห่งใหม่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ให้ชื่อว่าหมู่บ้านพลัม ซึ่งถือเป็นบ้านของท่านจนทุกวันนี้


 
 
 
ที่มา- 
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages//2007-05-19-1.html
เมื่อ 5 กรกฎาคม 2567 10:22
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv