เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก
31 พ.ค. ที่ผ่านมา
มีหน่วยงานด้านสุขภาพหลายแห่งช่วยกันเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยจาก
การสูบบุหรี่ทั้งทางตรงและทางอ้อม
หรือการสูบบุหรี่มือสอง
ซึ่งคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่ต้องสูดควันบุหรี่ที่สิงห์อมควันพ่นออกมา
น.พ.จิตรการ มัติสุบิน อายุรแพทย์มะเร็ง โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า
พิษภัยของบุหรี่ก่อให้เกิดโรคที่น่ากลัว คือ "มะเร็ง"
เนื่องจากโอกาสรักษาหายขาดมีค่อนข้างน้อย โรคอื่นที่พบมาก เช่น
ถุงลมโป่งพอง เส้นเลือดหัวใจตีบตัน
โรคเหล่านี้เป็นแล้วทรมานทั้งผู้ป่วยและญาติ
โอกาสหายขาดร้อยเปอร์เซ็นต์มีจำกัด
สำหรับโรคมะเร็งปอดในระยะเริ่มต้นแทบไม่มีอาการเตือน เมื่อเป็นมากแล้ว
มะเร็งอยู่ในระยะลุกลามหรือทำลายเนื้อปอดหมดแล้ว
แพทย์จึงตรวจพบโอกาสรักษาหายจึงมีน้อย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เบื่ออาหาร
น้ำหนักลด ไอเรื้อรังหรือไอเป็นเลือด เหนื่อยหอบง่าย
ต้องเช็กร่างกายละเอียด การหอบเหนื่อยง่าย เพราะมะเร็งอยู่ที่ปอด
อยู่ที่ต่อมน้ำเหลืองกดหลอดลมหรือทำลายเนื้อปอดทำให้แลกเปลี่ยนอากาศได้น้อยลง
ด้านรศ.น.พ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ หน่วยโรคระบบทางเดินหายใจ คณะแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความรู้ว่า ควันจากการจุดบุหรี่ 1 มวน
มีสารพิษเป็นอันตรายต่อสุขภาพมากกว่า 4,000 ชนิด
สารทาร์และนิโคตินมีฤทธิ์ทำให้สารเคมีในสมองเปลี่ยนแปลงจนเกิดการเสพติดบุหรี่
โดยควันที่ปลายมวนบุหรี่ เต็มไปด้วยสารก่อมะเร็งมากกว่า 60 ชนิด
"ผู้ที่สูบบุหรี่สะสมทั้งชีวิตเกิน 100 มวน
ถือว่ามีความเสี่ยงเป็นมะเร็งปอด
จึงขอเชิญชวนงดสูบบุหรี่ด้วยใจที่เข้มแข็งตามคำขวัญองค์การอนามัยโลกที่ว่า
ไร้ควันบุหรี่ สิ่งแวดล้อมดี ชีวีสดใส" รศ.น.พ.ฉันชายกล่าว
ทั้งนี้
มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
ระบุว่าพบผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดจากการสูบบุหรี่ราวปีละ 12,000 คน
และมีแนวโน้มป่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 20-30 ในแต่ละปี
ที่มา-
![](https://images.dmc.tv/www/images/news_picture/logo/kaosod.gif)