อินดิเพนเดนต์ - พบการบริจาคสร้างความปลาบปลื้มกับผู้ให้
โดยเฉพาะผู้หญิง
บ่งชี้ว่าความอิ่มใจจากการเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้งเป็นเรื่องจริง
นักเศรษฐศาสตร์สองคนกับนักจิตวิทยาอีกหนึ่งร่วมกันศึกษาว่า
สมองส่วนต่างๆ
มีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่ออาสาสมัครหญิงได้รับเงินให้นำไปบริจาค
โครงการช่วยเหลือด้านอาหาร
จ่ายภาษีให้รัฐ หรือเก็บไว้ไม่ใช้จ่ายใดๆ
ปรากฏว่า ขณะที่อาสาสมัครดูการทำธุรกรรมทางการเงินบนจอคอมพิวเตอร์
เซลล์ประสาทส่วน caudate nucleus และ nucleus accumbens
ในสมองชั้นในที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกพอใจในการกินอาหารโปรด เช่น
ช็อกโกแลต ถูกกระตุ้นเมื่อมีการโอนเงินให้มูลนิธิการกุศล
แต่การทำงานของสมองส่วนดังกล่าวกลับเนือยลง
เมื่อเงินถูกโอนให้หน่วยงานสรรพากร
“สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ
ในสถานการณ์ที่คุณต้องให้เงินคนอื่นโดยไม่มีทางเลือกมากนัก
คุณยังรู้สึกดีได้ ผมไม่คิดว่านักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่จะสงสัยเรื่องนี้
แต่นี่เป็นการตอกย้ำแนวคิดที่ว่า
การเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง
ผมเคยได้ยินหลายคนบอกว่า
ไม่รู้สึกอะไรที่ต้องเสียภาษีถ้านั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
การศึกษาของเราเผยให้เห็นว่า คนคิดอย่างนั้นจริงๆ
จากการสำรวจและวัดปฏิกิริยาในสมอง” ศาสตราจารย์อุลริช เมย์
นักจิตวิทยามหาวิทยาลัยโอเรกอน กล่าว
งานวิจัยซึ่งตีพิมพ์อยู่ในวารสารไซนส์ มาจากการศึกษาผู้หญิง 19 คน
แต่ละคนได้รับเงิน 100
ดอลลาร์เพื่อนำไปใช้จ่ายผ่านกระบวนการธุรกรรมออนไลน์
โดยในระหว่างนั้นจะมีการสแกนสมองด้วยเครื่อง MRI
อาสาสมัครเหล่านี้แต่ละคนไม่รู้ว่าคนอื่นๆ ทำอะไรอยู่
และได้รับการปกปิดชื่อเสียงเรียงนาม เพื่อไม่ให้อาสาสมัครกังวลว่า
คนอื่นจะคิดอย่างไรกับการตัดสินใจใช้จ่ายเงินของตัวเอง
ศาสตราจารย์วิลเลียม ฮาร์บาฟ นักเศรษฐศาสตร์จากโอเรกอน
ซึ่งเป็นสมาชิกสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติของสหรัฐฯ ในเคมบริดจ์
รัฐแมสซาชูเสตส์
กล่าวว่าการศึกษานี้นำเสนอโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนในการรับรู้ว่า
คนเราคิดอย่างไรเกี่ยวกับการใช้จ่ายในเรื่องต่างๆ
กระนั้น นักวิจัยเตือนว่า สังคมไม่ควรยึดติดว่า
ผู้คนจะบริจาคโดยความสมัครใจให้กับเรื่องดีๆ
เพราะบางคนอาจไม่รู้สึกว่าต้องพยายามหรือเป็นเรื่องต้องคิดมากเวลาบริจาคเงิน
ศาสตราจารย์เมย์เสริมว่า การจ่ายภาษีทำให้คนสุขใจได้เช่นกัน
เพราะโดยรวมแล้วคนเรามีจิตใจที่เห็นอกเห็นใจคนอื่น
ผิดแต่ว่าอาจไม่เท่ากันเท่านั้น เหนือสิ่งอื่นใด
เราต่างชอบที่จะรู้สึกอิ่มใจจากการได้ทำอะไรเพื่อผู้อื่น
เพียงแต่ว่าไม่เคยมีการศึกษาปรากฏการณ์นี้ในพื้นที่สมองมาก่อน
อนึ่ง
อาสาสมัครหญิงที่สมองมีการตอบสนองมากที่สุดเมื่อบริจาคเงิน
แทนที่จะเก็บเงินไว้เอง
ถูกจัดให้เป็นผู้ที่เห็นแก่คนอื่นอย่างแท้จริง ขณะที่คนอื่นๆ
ถูกจำแนกว่าเป็นผู้เห็นแก่ตัว
“จากผลวิจัยนี้ เราสามารถนำไปใช้ในการคาดหมายว่า คนเต็มใจเสียสละมากน้อยแค่ไหนเมื่อมีโอกาสให้เลือก” ศาสตราจารย์เมย์ทิ้งท้าย
ที่มา-