มะเร็งตับ-เป็นมะเร็งอีกชนิดที่อันตรายยิ่ง เนื่องเพราะเปอร์เซ็นต์การเสียชีวิตมีค่อนข้างสูง โดยมีสถิติยืนยันว่า ใครเป็นแล้วโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก และมักจะมีลมหายใจอยู่ได้ประมาณ 4 เดือน 6 เดือน ขึ้นอยู่กับอาการและสภาพร่างกาย จิตใจของผู้ป่วยรายนั้น
       
       ทั้งนี้ เหตุที่โรคนี้มาพรากชีวิตผู้ป่วยไปจากครอบครัวอย่างรวดเร็ว เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมาพบแพทย์ก็ต่อเมื่อรู้สึกว่ามีอาการผิดปกติ พอตรวจเจอส่วนมากจะอยู่ในระยะที่ 3 ระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะสุดท้าย ทำให้การรักษาได้ผลต่ำ
       
       ที่สำคัญคือ แม้ในปัจจุบันการรักษาจะสามารถทำได้หลายวิธีก็ตาม มีทั้งการผ่าตัด การฉีดยาเข้าก้อนมะเร็งโดยตรงในระยะเริ่มแรก หรือการฉีดยาเคมี เพื่อให้สารอุดตันเส้นเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาเพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น
       
       ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีกันได้
       นพ.สุรชาติ จักรภีร์ศิริสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษามะเร็ง โรงพยาบาลกรุงเทพ ฉายภาพความร้ายกาจและวิธีการรักษามะเร็งว่า ทุกวันนี้รู้สึกเป็นห่วงคุณภาพชีวิตของคนไทยมากเนื่องเพราะพบตัวเลขการพบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่กว่า 1 แสนคนต่อปี และในจำนวนนี้เสียชีวิตมากกว่าครึ่งหนึ่ง
       
       ขณะที่มะเร็งตับนั้นเป็นมะเร็งที่พบเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้มะเร็งตับได้คร่าชีวิตอดีตพิธีกรดัง “เสกสรร ภู่ประดิษฐ์” เจ้าของตำนานรายการโลกดนตรี ที่เคยโด่งดังทางช่อง 5 หรือวงการบันเทิงไทยก็เพิ่งสูญเสีย ดีเจโจ้-อัครพล ธนะวิทวิลาส ทำให้หลายคนขยาดกับภัยร้ายของมะเร็งตับ
       
       “ปัจจุบันการเข้าถึงยาเป็นไปได้ยาก แล้วการรักษาโรคมะเร็งนั้นเป็นการรักษาที่ปลายทาง ถามว่าทำไมเราไม่ดูแลคุณภาพชีวิตตั้งแต่ต้นทาง ผมหมายความว่า เรารู้นี่ว่ากลุ่มเสี่ยงที่จะก้าวสู่โรคร้ายนี้ ก็คือคนที่เป็นตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสตับอักเสบบี และซี ครอบครัวที่มีประวัติเป็นโรคตับ รวมถึงคนที่ชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่เป็นประจำ คนที่ใช้สารสเตอรอยด์อย่างต่อเนื่อง และร่างกายสะสมสารอัลฟาทอกซิล ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่พบในถั่ว”
       
       “ดังนั้น อยากให้ทุกคนสำรวจว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงข้างต้นรึเปล่า หากอยู่ก็ควรหลีกเลี่ยงซะ แล้วไปฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ตามสถานพยาบาลทั่วไป เข็มหนึ่งไม่กี่ร้อยบาท ดีกว่าจะต้องนำเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตมาใช้จ่ายในการรักษาและยังไม่รู้ว่าจะหายขาดรึเปล่า

       นพ.สุรชาติกล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขของไทย ตื่นตัวและให้ความสำคัญดูแลสุขภาพของประชาชนมากขึ้น จะเห็นได้ว่าช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ทารกเกิดใหม่จะได้รับวัคฉีดไวรัสตับอักเสบบี ทำให้ลดความเสี่ยงมะเร็งตับได้ระดับหนึ่ง สำหรับไวรัสตับอักเสบซี จนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีประเทศใดในโลกผลิตยาต้านไวรัสนี้ได้สำเร็จ เพียงอยู่ระหว่างการทดลองเท่านั้น        
       ยาตัวใหม่ ความหวังใหม่
       อย่างไรก็ตาม ในการประชุมแพทย์โรคมะเร็งระดับนานาชาติในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก(Asia Pacific Clinical Oncology Meeting) ณ เมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มีแพทย์เดินทางมาร่วมประชุมเกือบ 300 คน โดยมีบริษัท ไบเออร์เป็นเจ้าภาพจัดงาน ได้มีข่าวดีเกี่ยวกับผลการวิจัยยามะเร็งชนิดเม็ดรับประทาน
       
       ดร.โจเซฟ เอ็ม โลเว็ท แพทย์ผู้ร่วมวิจัยแห่งหน่วยโรคมะเร็งตับ โรงพยาบาลบาเซโรน่า ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการรักษาใดที่สามารถยืดอายุผู้ป่วยมะเร็งตับ แต่ผลการวิจัยการรักษามะเร็งชนิดรับประทานที่ว่านี้ ปรากฏว่าช่วยยืดอายุผู้ป่วยได้ถึงร้อยละ 44 นอกจากนี้บริษัทยาที่คิดค้นยานี้ขึ้นมากำลังขอบรรจุให้เป็นยามาตรฐานในการรักษามะเร็งตับด้วย
       
       “เราได้ศึกษาในผู้ป่วยมะเร็งตับจำนวน 602 คน ในอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เพื่อเปรียบเทียบอายุเฉลี่ยของผู้ป่วยที่ได้รับยารักษา กับผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอก พบว่าอายุเฉลี่ยของผู้ป่วยในกลุ่มที่ได้รับยาเท่ากับ 10.7 เดือน ดีกว่าผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอก ซึ่งมีอายุเฉลี่ยที่ 7.9 เดือน ทั้งนี้ ยาจะไปยับยั้งการสร้างเอนไซม์มัลติไคเนส (multi-kinase inhibitior) โดยการออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเส้นเลือด และการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถเติบโตได้และตายไปในที่สุด”
       
       ด้าน ดร.จอร์ดิ บรัซ อีกคนหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการวิจัยยาดังกล่าว แสดงความเห็นว่า ยอมรับว่าวงการแพทย์มะเร็งพยายามคิดค้นยาใหม่ๆ เพื่อมารักษาผู้ป่วย แต่จำนวนผู้ป่วยมะเร็งตับที่เสียชีวิตกลับยิ่งมีเพิ่มขึ้น ส่วนการค้นพบยาตัวใหม่นี้นั้น ถือเป็นยาที่ดีที่สุด ณ เวลานี้
       
       อย่างไรก็ดี สามารถพบผลข้างเคียงจากการใช้ยาบ้าง แต่ก็ไม่มากนัก อาทิ ในผู้ป่วยบางรายพบว่ามีอาการ ท้องเสีย ผื่นแดง อ่อนเปลี้ยเพลียแรง ผมร่วง คลื่นไส้อาเจียน อยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งไม่อันตราย อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติดังกล่าวขึ้น แพทย์จะปรับลดขนาดยาหรือหยุดชั่วคราว เพื่อเฝ้าดูอาการ แต่แพทย์จะไม่ให้ยานี้แก่หญิงมีครรภ์หรือให้นมบุตร อย่างเด็ดขาด
       
       ทั้งนี้ จากผลการรักษาผู้ป่วยในภาพรวม พบว่าผู้ป่วยสามารถทนต่อยานี้ได้ดี แต่แพทย์ผู้รักษาส่วนใหญ่จะเฝ้าระวังในเรื่องของความดันของผู้ป่วยโดยเฉพาะในช่วง 6 สัปดาห์แรก เพราะยานี้มีผลต่อหลอดเลือดที่เลี้ยงเซลล์มะเร็ง อาจทำให้ความดันสูงขึ้น
       
       ขณะที่นพ.สุรชาติ ยอมรับว่ารู้สึกตื่นเต้นแทนผู้ป่วยที่จะมีทางเลือกใหม่มาใช้รักษา แน่นอนผู้ที่จะเข้าถึงยานี้ได้จะต้องกระเป๋าหนักพอสมควร เพราะยามะเร็งทุกตัวมีราคาสูง เท่าที่ทราบมาคิดเป็นเงินไทยตกเม็ดละกว่า 200 บาท แล้วจะต้องกินอย่างน้อยวันละ 2 เม็ด ลองนึกดูว่าในหนึ่งเดือนจะต้องจ่ายเท่าไหร่ ดังนั้น คนที่มีฐานะ คนร่ำรวย เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงยาได้
 
 
 
 
 
 
ที่มา- 
 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages//2007-07-19-2.html
เมื่อ 26 กรกฎาคม 2567 09:28
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv