เอพี/เอเอฟพี/บีบีซีนิวส์/เนเจอร์ – ถ้าอังกฤษติดกับฝรั่งเศส
แผ่นดินยุโรปก็จะเป็นผืนเชื่อมต่อให้ประชากรไปมาหาสู่กันได้ไม่ลำบาก
แต่เพราะเหตุใดอังกฤษจึงถูกตัดขาดจากทวีปยุโรป?
เป็นข้อถกเถียงกันมานานและมีสมมติฐานมากมาย
ล่าสุดพบหลักฐานว่าเพราะน้ำท่วมใหญ่ในประวัติศาสตร์โลกเมื่อหลายแสนปีก่อน
ย้ำทฤษฎีแล้วเมื่อ 20 ปีก่อน
ทีมนักวิจัยของอิมพีเรียลคอลเลจ (Imperial College) ลอนดอน
เผยผลการสำรวจทางธรณีวิทยาของพื้นผิวใต้ทะเลบริเวณช่องแคบอังกฤษ (English
Channel) ลงในวารสารเนเจอร์ (
Nature)
พบร่องรอยที่บ่งบอกว่าน้ำท่วมครั้งใหญ่เคยอุบัติมาแล้วในยุคน้ำแข็ง
สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกาะอังกฤษถูกตัดขาดจากแผ่นดินใหญ่
และก่อเกิดเป็นช่องแคบระหว่างหน้าผา 2 ฟากแผ่นดินดังที่เห็นในปัจจุบัน
"ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในประวัติศาสตร์โลกครั้งนั้น
ตอนนี้เกาะอังกฤษก็คงยังเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ เป็นคาบสมุทรของยุโรป
เราสามารถเดินข้ามไปมาระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสได้อย่างสบาย" ซานจีฟ กุพตา
(Sanjeep Gupta) นักธรณีวิทยา หัวหน้าทีมสำรวจ
ตั้งข้อสังเกตและบอกด้วยว่าน้ำท่วมใหญ่เกิดขึ้นถึง 2 ครั้ง
จนเป็นผลให้เกาะอังกฤษและแผ่นดินใหญ่ขาดการเชื่อมถึงกันมาจนทุกวันนี้
กุพตาเปิดเผยว่าพวกเขาสำรวจพื้นผิวใต้ทะเลบริเวณช่องแคบอังกฤษ
โดยใช้เครื่องสะท้อนเสียงใต้น้ำประสิทธิภาพสูง (High-resolution sonar)
ที่สามารถจำลองภูมิประเทศใต้น้ำได้ใกล้เคียงของจริงมาก
และทีมสำรวจต้องตื่นเต้นกันยกใหญ่เมื่อ
เครื่องโซนาร์ตรวจจับหุบเหวขนาดใหญ่ใต้ทะเลได้
บริเวณดังกล่าวเป็นเหวลึกถึง 50 เมตร และยาวหลายกิโลเมตร
ซึ่งทีมสำรวจวิเคราะห์กันว่า
หุบเหวใต้ทะเลนี้เป็นร่องรอยของที่เกิดจาก
การกัดเซาะของน้ำท่วมใหญ่ครั้งโบราณกาล
จากหลักฐานทางธรณีวิทยา
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า
ทางตอนใต้ของทะเลเหนือ (North Sea)
ที่เห็นกันอยู่ปัจจุบัน
ในอดีตเคยเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่รองรับน้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำไรน์และแม่น้ำเทมส์
ด้านทิศเหนือของทะเลสาบเป็นธารน้ำแข็ง
ส่วนทิศใต้มีแนวสันเขาวีลด์-อาร์โทอิส (Weald-Artois)
ที่เป็นแผ่นดินเชื่อมระหว่างอังกฤษกับยุโรปและเป็นเสมือนเขื่อนกั้นน้ำในทะเลสาบไม่ให้ไหลลงสู่ทางใต้
น้ำท่วมใหญ่ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อราว 400,000 ปีก่อน
เป็นช่วงสิ้นสุดยุคน้ำแข็ง
ธารน้ำแข็งละลายทำให้ระดับน้ำในทะเลสาบเพิ่มขึ้นจนแนวสันเขาต้านทานรับไม่ไหวและพังทลายในที่สุด
กระแสอันน้ำเชี่ยวกรากกว่า 1
ล้านลูกบาศก์เมตรไหลทะลักลงทิศใต้สู่มหาสมุทรแอตแลนติกและ
กัดเซาะแผ่นดินจนเกิดเป็นร่องน้ำลึกยาวหลายสิบกิโลเมตร
ต่อมาได้เกิดน้ำท่วมใหญ่อีกครั้งเมื่อประมาณ 200,000 ปีที่แล้ว เป็นช่วงที่ยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้ายสิ้นสุด และน้ำท่วมครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งแรกมาก ท่วมท้นแผ่นดินกินบริเวณกว้าง และกัดเซาะเป็นสันเขาที่พังทลายจากน้ำท่วมครั้งแรกเป็นช่องแคบโดเวอร์ (Strait of Dover) แยกเกาะอังกฤษออกจากยุโรป
ส่วนร่องน้ำลึกที่เกิดจากน้ำท่วมใหญ่ครั้งแรกก็ต้องจมอยู่ใต้น้ำนับแต่บัดนั้น
กระทั่งนักธรณีวิทยาตรวจจับสัญญาณได้ว่าเป็นหุบเหวลึกใต้ทะเลของช่องแคบอังกฤษนั่นเอง
นักธรณีวิทยาอธิบายว่า บริเวณหน้าผาโดเวอร์
ทางฝั่งอังกฤษและแหลมกรีซ-เนซ (Cap Gris-Nez) ของฝรั่งเศส
คือร่องรอยของสันเขาวีลด์-อาร์โทอิส
และเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าเกาะอังกฤษเคยเป็นแผ่นดินที่เชื่อมกับทวีปยุโรปก่อนพังทลายลง
เมื่อเกิดมหาอุทกภัยรุนแรง
กลายเป็นช่องแคบโดเวอร์
"เหตุการณ์ครั้งนั้นอาจเป็นมหาอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์โลกก็เป็นได้
การค้นพบนี้จะช่วยให้พวกเราเข้าใจกำเนิดของเกาะอังกฤษได้มากยิ่งขึ้น"
กุพตา กล่าว
ด้านศาสตราจารย์คริส สตริงเจอร์ (Chris Stringer)
ผอ.โครงการเอเอชโอบี (Ancient Human Occupation of Britain: AHOB)
แสดงความคิดเห็นว่า ทฤษฎีการเกิดช่องแคบเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมายาวนาน
ซึ่งมันก็ทำให้อังกฤษกลายเป็นเกาะอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้จริง
และก่อนหน้านี้เคยมีการศึกษาซากฟอสซิลของสัตว์ที่พบในเกาะอังกฤษ พบว่ามีอายุราว 500,000 ปี เป็นข้อสนับสนุนทฤษฎีน้ำท่วมทำลายแนวแผ่นดินที่เชื่อมระหว่างสองฟากฝั่งได้ และบ่งชี้ว่าแนวแผ่นดินนั้นเป็นเส้นทางสัญจรของสิ่งมีชีวิต
นักวิชาการได้ให้ข้อเสนอแนะว่าการอพยพเข้าสู่อังกฤษในยุคแรก
ต้องอาศัยแนวแผ่นดินดังกล่าวเป็นเส้นทางสัญจร
ส่วนมนุษย์ที่เคยครอบครองแผ่นดินอังกฤษในยุคโบราณมี 8 เผ่าพันธุ์หลัก
อพยพเข้าไปในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
และหลังจากที่น้ำท่วมได้ตัดขาดแผ่นดินเป็น 2 ฝั่ง ภูมิอากาศ
ระยะห่างของแผ่นดินและความลึกของน้ำก็มีผลต่อช่วงเวลาย้ายถิ่นฐานและจำนวนประชากร
เกาะอังกฤษ หรือ เกรทบริเทน (Great Britain)
เป็นเกาะใหญ่ที่สุดในยุโรป และใหญ่เป็นอันดับที่ 8 ของโลก
ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสหราชอาณาจักร (ประกอบด้วยอาณาเขตอังกฤษ เวลส์
และสก็อตแลนด์)
ที่มา-
![](https://images.dmc.tv/www/images/news_picture/logo/manager.gif)