ศูนย์ข่าวศรีราชา - วันชี้ชะตาโลกอีก 22 ปี หลังนักดาราศาสตร์ออกมาระบุ ในวันที่ 13 เม.ย. 2572 จะมีดาวเคราะห์น้อย “อะโพฟิส” พุ่งเข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 1 พันปี ก่อนหวาดเสียวรอบสองในอีก 7 ปีถัดไป เมื่อโคจรกลับมาอีกครั้งและเฉียดโลกกว่าเดิม เผยเม็กซิโกตอนเหนือเสี่ยงถูกชน รุนแรงกว่าภูเขาไฟ"กรากะตัว"ระเบิด 4 เท่า
       
       
นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต กรรมการบริหารสมาคมดาราศาสตร์ไทย เปิดเผยว่า มีรายงานจากองค์การนาซ่าระบุว่าในอีก 22 ปี คือวันที่ 13 เม.ย. 2572 นี้จะมีปรากฏการณ์ด้านดาราศาสตร์ที่น่าสนใจคือ จะเกิดปรากฏการณ์ดาวเคราะห์น้อย อะโพฟิส หรือ 99942 Apophis โคจรเข้าใกล้เฉียดโลกในระยะใกล้สูงสุดที่ 22,000 ไมล์ หรือ 34,400 กิโลเมตร ใกล้กว่าวงโคจรของดวงจันทร์เกือบ 11 เท่า และอยู่ในระยะใกล้กว่าดาวเทียมค้างฟ้า เป็นครั้งแรกใน 1,000 ปี ที่มีดาวเคราะห์น้อยเข้าใกล้โลกกว่าวงโคจรของดวงจันทร์
       
       “ดาวเคราะห์น้อย อะโพฟิส หรือ 99942 Apophis มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 320 เมตร มีรอบวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ 323 วัน และในวันที่ดาวเคราะห์น้อย อะโพฟิส โคจรเฉียดโลกนี้ สามารถชมปรากฏการณ์ได้ โดยกลุ่มประเทศที่สามารถมองเห็นปรากฏการณ์ได้อย่างใกล้ชิด ประกอบด้วย กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ยุโรป อาฟริกา และไทย จะมองเห็นปรากฏการณ์ได้ตั้งแต่เริ่มพลบค่ำ โดยให้มองไปทางทิศตะวันตก จะเห็นปรากฏการณ์ขนาดดาว – 3 แมกนิจูด เท่ากับขนาดความสว่างของดาวพฤหัสบดีในปัจจุบัน โดยดาวเคราะห์น้อย อะโพฟิส จะอยู่ในกลุ่มดาวปู (Cancer) ลักษณะจะขึ้นที่ 42 องศา/1 ชม.บนท้องฟ้าที่เราสังเกตการณ์อยู่”
       
       ความสำคัญของดาวเคราะห์น้อยอะโพฟิสนี้ เนื่องจากผลที่โคจรเฉียดใกล้โลกมาก อันจะเป็นกุญแจสำคัญในการใช้คำนวณหรือสังเกตการดาวเคราะห์น้อยดังกล่าวนี้ที่จะ
โคจรเข้ามาใกล้โลกกว่านี้อีกครั้งในวัน 13 เม.ย. 2579 ว่าจะมีผลต่อการพุ่งชนโลกหรือไม่อย่างไรในวันดังกล่าว ซึ่งหากมีการพุ่งชนโลกในขณะนั้น (13 เม.ย.2579) ประเทศที่ถูกชนจะเป็นเม็กซิโกทางตอนเหนือ ผลการถูกพุ่งชนจะรุนแรงเทียบเท่าขนาดของระเบิด ทีเอ็นที จำนวน 870 เมกะตัน หรือมากกว่า 4 เท่าของแรงระเบิดภูเขาไฟกรากะตัว ประเทศอินโดนีเซีย ในปี ค.ศ.1883 ที่คร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 36,000 คน พื้นที่จมหายไปทั้งเกาะจากจำนวน 165 หมู่บ้าน
       
       “จึงเป็นโอกาสสำคัญในการที่ให้ประชาชนได้สนใจในการเรียนรู้เกี่ยวกับ
ดาราศาสตร์ในความเป็นไปได้เกี่ยวกับโลกและอวกาศ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ และหายนะโลกที่มาจากวัตถุนอกโลกต่อไป” นายวรวิทย์ กล่าวในที่สุด
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับอุกาบาต กับดาวเคราะห์น้อยนั้นมีอยู่จำนวนมากในอวกาศจนไม่สามารถที่จะนับได้ถ้วน โดยอุกาบาตก็คือเศษชิ้นส่วนที่มักจะมีขนาดเล็กลอยอยู่ในอวกาศ ถ้ามีขนาดใหญ่จึงเรียกว่าดาวเคราะห์น้อย
       
       ดาวเคราะห์น้อย หรือ แอสเตอร์ลอยด์ เป็นชิ้นส่วนในอวกาศที่มีขนาดใหญ่และจะมีการกำหนดชื่อเรียกไว้เมื่อมนุษย์มีการตรวจพบ ซึ่งถ้าพุ่งชนโลก ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับระเบิดนิวเคลียร์ ที่มีแรงทำลายล้างมหาศาล แต่ถ้าแรงถึงกับล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ชาติ จะต้องมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 กิโลเมตรขึ้นไป
       
       สำหรับดาวเคราะห์น้อย อะโพฟิส หรือ 99942 Apophis ถูกพบครั้งแรก เมื่อเดือนมิถุนายน 2547 ซึ่งขณะนั้นถูกเรียกว่า 2004 เอ็มเอ็น 4 (2004 MN4 ) โดยดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ ถูกบ่งชี้ว่า ในวันที่ 13 เม.ย. 2572 นี้ จะผ่านใกล้โลก และในวันที่ 13 เม.ย. 2579 จะเข้าใกล้โลกอีกครั้งหนึ่งเช่นกัน
       
       โดยแนวทางการป้องกันโลกถูกภัยคุกคามจากดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ นาซ่าได้ระบุแผนการป้องกันคือจะต้องใช้ยานอวกาศบินเข้าไปประกบและ
เบี่ยงเบนเส้นทางโคจรของดาวเคราะห์น้อยให้พ้นจากโลก
 
 
 
 
 
 
ที่มา-
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages//2007-07-21-2.html
เมื่อ 26 กรกฎาคม 2567 09:27
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv