พ.ศ....(ทีวีสาธารณะ) ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว

ซึ่งวิป สนช.เห็นด้วยกับการเสนอของกรรมาธิการฯ ที่มีการจัดตั้งองค์การกระจายเสียงฯ แต่ยังมีความเห็นแตกต่างในการให้ทีไอทีวีเป็นทีวีสาธารณะ ว่า มีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร

จากนั้นที่ประชุม สนช.มีการลงมติ ให้สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี เป็นทีวีสาธารณะ โดยมติเห็นตามคงร่างเดิมตามมาตรา 55 ด้วยคะแนน 106 เสียง และมีผู้ไม่เห็นด้วย เห็นควรให้เอามาตรา 55 ออกไป มี  44 เสียง โดยมีการงดออกเสียง 5 เสียง

ในที่สุด ที่ประชุม สนช.ก็มีมติผ่านร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ในวาระที่ 3 ด้วยคะแนนเสียง 134 ต่อ 6 งดออกเสียง 2 เสียง

ทั้งนี้ มาตรา 55 ในบทเฉพาะกาลของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว บัญญัติให้โอนกิจการ อำนาจหน้าที่ ทรัพย์สิน งบประมาณ หนี้ สิทธิ คลื่นความถี่ และภาระผูกพัน ของสำนักปลัดนายกรัฐมนตรี ที่เกี่ยวกับการดำเนินงานสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยู เอช เอฟ หรือ ทีไอทีวี และของสำนักงานบริหารกิจการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยู เอช เอฟ เฉพาะกิจ ที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและกรมประชาสัมพันธ์ ไปยังองค์กรใหม่ แต่ทั้งนี้ ไม่รวมถึงข้อโต้แย้ง หรือข้อพิพาทบรรดาที่มีอยู่หรืออาจจะมีขึ้นระหว่างสำนักปลัดฯ กับบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือบุคคลอื่นใด ฯ

หลังจากที่สนช.มีมติดังกล่าว ทำให้ผู้บริหาร พนักงาน รวมทั้งผู้จัดรายการถึงกับเครียดทันที เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ในซีกของผู้บริหารเรียกประชุมด่วน เพื่อหาทางรับมือ

เมื่อ “ทีไอทีวี”เป็นทีวีสาธารณะ ในส่วนของชื่อจะเป็น “ทีพีบีเอส” และจะต้องมีการโละพนักงานทั้งหมด รวมทั้งรายการที่ออกอากาศอยู่ เพื่อรับพนักงาน และมีการจัดสรรรายการใหม่ ตามคอนเซ็ปท์ของการเป็น “ทีวีสาธารณะ”

 

 

ที่มา-ดาราเดลี่