เปลวไฟไม่ไหม้สังขารณ์ "หลวงพ่อด่วน ถามวโร" พระเกจิชื่อดังจังหวัดระนอง ศิษยานุศิษย์แห่แย่งจีวร นำบูชา-เครื่องลางของขลัง

เมื่อเวลา16.00 น. ของวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ได้เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพพระครูประภัสรวิริยคุณ หรือ "หลวงพ่อด่วน ถามวโร" อดีตเจ้าอาวาสวัดบางนอน พระเกจิชื่อดังจังหวัดระนอง ณ เมรุลอย ภายในวัดวารีบรรพต ม.1ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง โดยมีพระราชรณังคมุณี เจ้าคณะจังหวัดระนอง พระสงฆ์ ข้าราชการ คณะศิษยานุศิษย์เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนประกอบพิธีตลอดทั้งวัน ได้มีฝนตกตลอดเวลา แต่เมื่อถึงเวลาพิธีพระราชทานเพลิงศพ ฝนกลับหยุดตก สร้างความประหลาดใจแก่แขกผู้มาร่วมงานเป็นอย่างมาก

จากนั้นในเวลา 21.00 น. ได้มีการประกอบพิธีประชุมเพลิง โดยมีคณะศิษยานุศิษย์ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลังจากที่นำศพของหลวงพ่อด่วน ออกจากโลงแล้ว ก็ได้มีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพทันที โดยสัปเหร่อได้จุดไฟเผาศพแล้วใช้พัดลมเป่าเพื่อเร่งเปลวไฟให้ลุกไหม้สักครู่ใหญ่ ประมาณ 30 นาที ทางคณะศิษยานุศิษย์ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบ ได้สังเกตุเห็นว่าเปลวไฟไม่ได้เผาไหม้ศพของหลวงพ่อด่วนแม้แต่น้อย มีแต่เพียงจีวรที่ห่มอยู่ที่ถูกเปลวไฟเผาไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงทำให้คณะศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อด่วนตัดสินใจยุติการฌาปนกิจศพทันที

ต่อจากนั้นได้นำเอาศพของหลวงพ่อด่วน ใส่ในโลงศพแล้วนำขึ้นไปวางในวิหารพระพุทธไสยาสน์ พร้อมกับยกศพของหลวงพ่อด่วนออกจากโลง แล้วมาวางบนแท่นเพื่อเปลี่ยนจีวรให้ใหม่ท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี
ของคณะศิษยานุศิษย์
ผู้เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงพ่อด่วน เพราะเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อที่เป็นเหตุให้เปลวไฟไม่เผาไหม้ร่าง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิระนองสงเคราะห์ ก็ได้กันไม่ให้ประชาชนที่มาร่วมงานและไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ศพหลวงพ่อด่วน เพราะกลัวจะเกิดความวุ่นวายเข้าไปมุงดูศพและแย่งชิงจีวร เครื่องอัฏฐบริขารต่างๆเพื่อนำไปบูชา

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากการสังเกตุศพของหลวงพ่อด่วน เมื่อยกออกมาจากโลง อยู่ในสภาพนอนหงายเหมือนคนนอนหลับมือทั้งสองข้างวางบนอก อยู่ในสภาพสมบูรณ์มากบริเวณผิวหนังของแขนมีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แว่นตาที่สวมใส่อยู่ก็ไม่มีรอยร้าวหรือหม่นหมองแต่อย่างใด ลำตัวและใบหน้าไม่มีรอยไหม้ ส่วนจีวรที่ห่มศพก็มีรอยไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ทันทีที่พระภิกษุและเจ้าหน้าที่เปลี่ยนจีวรที่ห่มอยู่ออก แล้วห่มจีวรผืนใหม่ให้แทน ประชาชนที่เลื่อมใสศรัทธาในหลวงพ่อก็แย่งชิงจีวรผืนเก่ากันเป็นจำนวนมาก
เพื่อนำไปเป็นเครื่องรางของขลัง หลังจากเปลี่ยนจีวรใหม่แล้วคณะศิษยานุศิษย์จึงได้ยกศพหลวงพ่อขึ้นชูเหนือศรีษะ
เพื่อให้ทุกคนได้เห็นกันชัดๆ จากนั้นก็นำศพเก็บไว้ในโลงตามเดิมเพื่อรอเก็บศพไว้ในโลงแก้ว กระทั่งเวลา 23.00 น. คณะกรรมการวัดได้ประชุมร่วมกันและมีมติให้เก็บสังขารณ์หลวงพ่อด่วนไว้ในโลงแก้ว

นายสมเพียร บั่นยี่เฉ่ง ชาวบ้านบางนอน ผู้เลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อด่วน กล่าวว่า เชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ เพราะได้ปฏิบัติธรรมมาอย่างเคร่งครัดและยาวนาน ในขณะที่กำลังเผาอยู่นั้นตนสังเกตุอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าไฟไม่ไหม้ร่างจึงตะโกนให้เอาน้ำมาดับไฟทันที

ทางด้านพระสุรัตน์ อชิโต รักษาการเจ้าอาวาสวัดวารีบรรพต กล่าวว่า ทางคณะกรรมการวัดและศิษยานุศิษย์ เห็นพ้องกันว่าควรเก็บสังขารของหลวงพ่อไว้ในโลงแก้ว ตามความประสงค์ของของพ่อ เพื่อให้ประชาชนได้กราบนมัสการสักการบูชาต่อไป

สำหรับพระครูประภัสรวิริยคุณ ได้มรณภาพเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2550 ด้วยโรคปอดติดเชื้อและโรคแทรกซ้อน ณโรงพยาบาลระนอง สิริอายุรวม 90 ปี 69 พรรษา ชื่อเดิมว่า "ด่วน ปรางสุวรรณ" โยมพ่อชื่อนายแดง โยมมารดาชื่อนางปราง ปรางสุวรรณ ภูมิลำเนาเดิมบ้านท่าหิน ต.ท่าหิน อ.สะทิงพระ จ.สงขลา มีพี่น้องรวม 4 คน เกิดเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2460 เมื่อเรียนจบชั้น ป.4 แล้ว ช่วยพ่อแม่ทำนา พออายุ 21 ปี สมัครเข้ารับราชการตำรวจ แต่ไม่ผ่านการคัดเลือก จึงตัดสินใจอุปสมบทเป็นพระ ณ วัดบางแก้ว อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง จำพรรษาอยู่ที่วัดบางแก้วใต้ 1 พรรษา

จากนั้นไปปฏิบัติกรรมฐานที่ถ้ำบนเขาชัยสน 2 พรรษา และได้ออกธุดงค์โปรดสัตว์ไปยังสถานที่ต่าง ๆ หลายจังหวัด จนได้มาถึงปากน้ำเมืองระนอง ขณะที่ปักกลดธุดงค์อยู่นั้น
นายไปล์ จุลเขตต์ ชาวบ้านตำบลบางนอนได้นิมนต์ให้ไปปักกลดที่บ้านบางนอน
บริเวณตรงที่สร้างพระนอนในปัจจุบัน อยู่มาคืนหนึ่งขณะที่นอนจำวัดเห็นคนรูปร่างใหญ่ผิวดำมีขนตามตัวยาวนุ่งผ้าโจงกระเบนไม่ใส่เสื้อ มีแต่ผ้าพาดบ่า ได้เดินมาหาแล้วพูดว่าขอนิมนต์ให้อยู่ที่นี่ หลวงพ่อจึงได้ตัดสินใจอยู่ที่จังหวัดระนองและสร้างวัดขึ้นตั้งแต่ปี 2502 เป็นต้นมา คือ วัดวารีบรรพต (วัดบางนอน)ในปัจจุบัน
ขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่ท่านได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนา
และประเทศชาติมาโดยตลอด.อาทิ การก่อสร้างพระพุทธไสยาสน์(พระนอน)ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ พร้อมทั้งจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อทวด วัดบางนอน ซึ่งได้รับความนิยมจากเซียนพระเป็นจำนวนมาก เพื่อนำรายได้มาสร้างอุโบสถและพระพุทธไสยาสน์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ มาจวบจนถึงปัจจุบัน
 
 
 
 
ที่มา-
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages//2007-11-09-2.html
เมื่อ 26 กรกฎาคม 2567 23:19
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv