เตรียมใช้คะแนนคุณธรรมมาเป็นส่วนหนึ่งของการ
พิจารณาเข้ามหาวิทยาลัย สพฐ.เผยกำลังจัดทำเกณฑ์วัดคุณธรรม
คาดเสร็จเดือนธันวานี้ พร้อมส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยร่วมมือกับ
ร.ร.ในพื้นที่ จัดโควตารับเด็กที่มีคุณธรรมจากกลุ่ม
ร.ร.ที่ตั้งอยู่รอบมหาวิทยาลัย ด้าน “ชัยอนันต์”
แนะให้โรงเรียนจัดตารางกิจกรรมไว้ในตางรางสอน ขณะที่ ประธาน
ทปอ.ระบุนำเรื่องนี้หารือในการประชุม ทปอ.15 ธ.ค.นี้
เพื่อหาข้อสรุปว่าจะใช้คะแนนเมื่อไหร่
ไฟเขียวให้มหาวิทยาลัยที่รับตรงใช้คะแนนคุณธรรมคัดเลือกเด็ก
วันนี้ (13 พ.ย.) ที่หอประชุม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวในการ สัมมนาเรื่อง “เด็กดีมีที่เรียนในมหาวิทยาลัย"
จัดโดย คณะกรรมาธิการการ ศึกษาและกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ทาง
สพฐ.เดินหน้าเตรียมความพร้อมในการนำผลการประเมินคุณธรรมของนักเรียนออกมาเป็นคะแนน
แล้วนำมาใส่ไว้ในรายงานผลการศึกษาของนักเรียนเป็นรายบุคคล
ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.)
ที่ต้องการให้นำคะแนนคุณธรรมมาใช้ในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อใน
มหาวิทยาลัย
ทั้งนี้ สพฐ.เร่งจัดทำเกณฑ์วัดคุณธรรมของนักเรียนอยู่
คาดจะเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อนำผลการประเมินมาใช้ในปีการศึกษา
2551 อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าการวัดคะแนนคุณธรรม
จะพิจารณาจากเรื่องใดบ้าง
ซึ่งเบื้องต้นได้มีการตั้งตุ๊กตาเพื่อใช้ในการวัดจาก 3 เรื่อง ได้แก่
การบริการสาธารณะ การพัฒนาตนเอง และการทำความดีอื่นๆ
นอกจากนี้
สพฐ.ต้องการส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยร่วมมือกันโรงเรียนในพื้นที่เปิดโควตาพิเศษ
รับเด็กที่มีคุณธรรมจริยธรรมจากโรงเรียนในพื้นที่
ซึ่งมหาวิทยาลัยและโรงเรียนร่วมมือควรมีการกำหนดคุณธรรม จริยธรรม
คุณลักษณะความดีที่ต้องการให้ให้ชัดเจน จากนั้นสร้างเกณฑ์ขึ้นมาใช้ประเมิน
เหมือนกรณีที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
ร่วมมือกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จ.นครปฐม เขต 1
จัดทำโครงการรับนิสิตโควต้าพิเศษสำหรับผู้มีคุณธรรม และบริการสังคม
นายชัยอนันต์ สมุทวณิช ประธานคณะกรรมาธิการศึกษา และการกีฬา
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ระบุว่า
โรงเรียนกับมหาวิทยาลัยควรนำเรื่องการที่เด็กเป็นคนดีบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมนั้น
มาเป็นส่วนหนึ่งในการรับนักศึกษาเข้ามหาวิทยาลัย
เพราะที่ผ่านมาการคัดเลือกเด็กเข้ามหาวิทยาลัยได้แต่กรอกประวัติการศึกษาเท่านั้น
แต่ไม่มีรายละเอียดแสดงว่าเด็กคนไหนได้ทำคุณงามความดี
หรือทำประโยชน์ให้แก่สังคมอย่างไรบ้าง
ดังนั้น เราควรกำหนดเกณฑ์การพิจารณารับนักศึกษาในการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย
โดยใช้คะแนนความดีให้ชัดเจนว่าจะใช้เกณฑ์ใดบ้าง
นายชัยอนันต์ กล่าวต่อว่า ปัญหาของระบบการศึกษาไทยก็คือ
ไม่ได้มีเวลาให้เด็กได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ
เพราะโรงเรียนได้จัดตารางสอนเพียงอย่างเดียว
ถ้าหากจะมีการนำคะแนนคุณประโยชน์มาใช้ในการประเมิน
โรงเรียนควรจะจัดเวลาให้เด็กมีกิจกรรมเสริม ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน
เช่น การจัดกิจกรรมเป็นทีมไปช่วยเหลือชาวบ้าน หรือ ช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส
ฯลฯ ทางโรงเรียนควรมีการตั้งเกณฑ์การวัดการประเมินผลการ ทำความดีของเด็ก
เมื่อมีเกณฑ์ ชัดเจนแล้วจะทำให้เด็กมั่นใจในการบำเพ็ญประโยชน์
“การพิจารณาการทำกิจกรรมของเด็กแต่ละคนควรดูว่าเด็กทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องรึเปล่า
อาจจะต้องใช้เวลาสังเกตพฤติกรรมของเด็กเป็นเวลา 3-4 ปี ไม่ใช่ประเมินแค่
3-4 วันที่เด็กเข้าร่วมกิจกรรม
อย่างไรก็ตามการบำเพ็ญประโยชน์เป็นสิ่งที่น่าสนับสนุน เพราะฉะนั้น กมธ.,
สนช., สพฐ. และสำนักงานคณะกรรมการ การอุดมศึกษา (สกอ.)
ควรจับมือกันกำหนดเกณฑ์ให้ชัดเจนเพื่อนำมาใช้ในการประเมินเข้า มหาวิทยาลัย
โดยอาจจะใช้เป็นคะแนนส่วนหนึ่งของการสัมภาษณ์ “
รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ
อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวว่า
ตามกำหนดการประชุม ทปอ.ในวัน ที่ 15 ธ.ค.นี้
จะนำเรื่องนี้ไปหารือในที่ประชุมว่า การนำคะแนนคุณธรรม
มาใช้ในแอดมิชชั่นควรเริ่มดีเดย์ได้เมื่อไหร่
ทั้งนี้
สามารถนำผลการประเมินมาใช้ในการรับตรงของมหาวิทยาลัย
แต่ปีแรกที่ทดลองใช้นั้น คงไม่ถึงขั้นให้คะแนนคุณธรรมเป็นส่วน
หนึ่งของคะแนนคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย
แค่ให้ใช้เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการตัดสินใจ เช่น
ถ้านักเรียนได้คะแนนสอบคัดเลือกเท่ากัน
ให้พิจารณาเลือกผู้ที่ได้คะแนนคุณธรรมมากกว่าเข้าเรียน
แต่ในระยะยาวเมื่อพิสูจน์แล้วว่าเกณฑ์วัดคุณธรรมของ สพฐ.เชื่อถือได้
ทปอ.ต้องการให้คะแนนคุณธรรมเป็นส่วนหนึ่งของคะแนนคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย
อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ตอบรับกับการนำคะแนนคุณธรรมใช้ในคัดเลือกบุคคลเข้ามหาวิทยาลัย
ผศ.ดร.ชวลิต ฮงประยูร
รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก) วิทยาเขตกำแพงแสน กล่าวว่า 3
ปีที่ผ่านมา มก.วิทยาเขตกำแพงแสนร่วมมือกับ สพท. นครปฐม เขต 1
จัดทำโครงการรับนิสิตโควตาพิเศษสำหรับผู้มีคุณธรรม และบริการสังคม
ขณะนี้นิสิตที่รับผ่านโครงการนี้รุ่นแรกกำลังเรียนอยู่ชั้นปี 2
อย่างไรก็ตาม ซึ่งเร็วเกินไปที่จะบอกว่าดีหรือไม่
แต่ผลการเรียนของพวกเขาไม่แตกต่างจาก นิสิตที่รับผ่านระบบเอ็นทรานซ์
สิ่งที่เห็นชัดเจนก็คือเด็กกลุ่มนี้ยังทำกิจกรรมหรือโครงการ เพื่อสังคม
เพื่อคุณธรรมใน มหาวิทยาลัยต่อเนื่อง
และยังเป็นแกนนำดึงเด็กคนอื่นให้มาร่วมกิจกรรมด้วย
“การนำคะแนนคุณธรรมมาเป็นส่วนหนึ่งในการรับนักศึกษาเข้ามหาวิทยาลัยนั้น
น่าจะทำระดับเขตพื้นที่มากกว่าทำในภาพรวมทั้งประเทศ
เพราะมหาวิทยาลัยสามารถทำงานใกล้ชิดโรงเรียนในพื้นที่มากกว่า
และหากทำในระดับพื้นที่ก็จะไม่มีปัญหาเส้นสาย” ผศ.ดร.ชวลิต แนะนำ
ขณะที่นายถาวร ชัยจักร
ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยม ฐานบินกำแพงเสน จ.นครปฐม
หนึ่งในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการรับนิสิตโควต้าพิเศษสำหรับผู้มีคุณธรรมและบริการสังคม
กล่าวว่า
ถ้ามีโครงการรับนักศึกษาที่พิจารณาจากคะแนนคุณธรรมของเด็กเช่นเดียวกับ
โครงการนี้แล้ว จะช่วยแก้ปัญหานักเรียนแห่กวดวิชา เด็กไม่ต้องไปกวดวิชา
แต่สามารถเอาเวลาว่างไปทำกิจกรรมเพื่อบริการสังคมหรือกิจกรรมอื่นๆ
ซึ่งโรงเรียนส่งเสริมเด็กทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
บางวิชาจะวัดผลจากทำกิจกรรมควบคู่กับวัดผลโดยการสอบ เพราะฉะนั้นถ้าทำกิจกรรมได้ดีมีสิทธิได้เกรด 4
เหมือนกัน โดยไม่ต้องท่องหนังสือมากนัก
แต่ก่อนที่จะมีการนำกิจกรรมมาเป็นเกณฑ์ในการเข้าศึกษาต่อ
โรงเรียนควรเชิญผู้ปกครองเข้าร่วมอบรมว่า เลี้ยงลูกอย่างไรถึงได้ดี
เพราะผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนให้เด็กเข้าร่วมกิจกรรมแต่จะหนุนให้เด็กเรียนกวดวิชา
เพื่อให้เก่งวิชาการ
อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมให้เด็กทำกิจกรรมเพื่อสังคมโรงเรียนทำอยู่แล้วและประสบความสำเร็จอย่าง
มากในการช่วยปลูกฝังคุณธรรมให้เด็ก จนทางนายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ส่งคนมาศึกษาเรื่องนี้ที่โรงเรียนเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน
นายสุเมธ แย้มนุ่น
เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ระบุว่า การนำคะแนน
คุณธรรมมาใช้ในการคัดเลือกบุคคลเข้ามหาวิทยาลัยเป็นหน้าที่ของ ทปอ. ส่วน
สกอ.มีหน้าที่ควบคุมให้ดำเนินการไปได้อย่างดี
และส่วนตัวมองว่าเรื่องความดีไม่ใช่นามธรรม สามารถวัดผลได้
แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือ
มหาวิทยาลัยจะจัดระบบส่งเสริมให้นักเรียนที่ทำกิจกรรมเพื่อคุณธรรม
เพื่อบริการสังคมเหล่านี้ มีเวทีที่จะทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องได้หรือไม่
ต้องอาศัยคณะกรรมการประสานงานนิสิต นักศึกษา สถาบันอุดมศึกษา
แห่งประเทศไทย เข้ามาช่วยดูในเรื่องส่งเสริมกิจกรรมนี้
“โครงการนี้ถือว่าดีมาก
แต่ว่าเราส่งเสริมให้เด็กทำกิจกรรมเพื่อบริการสังคมก่อนเข้าศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย
เกรงว่าพอเข้าเรียนแล้วเด็กจะไม่ทำกิจกรรมต่อเนื่อง ฉะนั้น
ควรหาเวทีให้เด็กทำกิจกรรมต่อเนื่อง
เพื่อปลูกจิตสำนึกทำคุณประโยชน์เพื่อสังคม”
ที่มา-