เมื่อเวลา
16.30 น. วันที่ 21 พ.ย. น.อ.สืบบุญ แน่นหนา
ผอ.ศูนย์ควบคุมการบินเชียงใหม่ เปิดเผยว่า
แต่เดิมการปล่อยโคมลอยของท้องถิ่นนั้น จะเป็นโคมลอยขนาดเล็ก
ใช้วัสดุธรรมชาติ ลอยไม่ได้สูงนัก และลอยได้ไม่นาน อีกทั้งมีจำนวนไม่มาก
จะปล่อยก็แต่เฉพาะในช่วงเทศกาลลอยกระทงเท่านั้น
ปัจจุบันพบว่าการปล่อยโคมลอยมีขึ้นในทุกโอกาส
และมีการดัดแปลงให้มีขนาดใหญ่ ลอยได้นานขึ้น และลอยได้สูงถึงระดับ 30,000
ฟิต ซึ่งเป็นระดับที่เครื่องบินทำการบิน
จำนวนของโคมลอยที่มีเพิ่มมากขึ้นทุกปี
เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงต่อความปลอดภัยในการทำการบินเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากไม่สามารถกำหนดทิศทางได้ เพราะขึ้นอยู่กับทิศทางลมที่จะพัดพาไป
หากโคมลอยเข้าไปสู่เครื่องยนต์ของเครื่องบิน
หรือส่วนประกอบสำคัญในการควบคุมเครื่องบิน จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ซึ่งจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นหลายครั้ง พบว่าสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินต้องร่อนลงฉุกเฉิน
หรือเกิดอุบัติเหตุจนทำให้เกิดระเบิดขึ้นมาแล้วนั้น
เกิดจากนกเพียงตัวเดียวที่หลุดเข้าไปในเครื่องยนต์
หรือบินชนกระจกหน้าเครื่องบิน
และถ้าหากเป็นโคมลอยที่มีวัสดุประกอบดังกล่าวข้างต้นแล้ว
เป็นอันตรายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านก ซึ่งได้ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาดังกล่าว
ซึ่งในจ.เชียงใหม่ทางตอนใต้เป็นแนวร่อนลงสู่สนามบินเชียงใหม่
เป็นเขตอันตรายอย่างยิ่ง เพราะนักบินจะลดระดับความสูง
เพื่อร่อนลงสู่สนามบิน พื้นที่บ้านธิ หนองหาน เมืองจี้ จ.ลำพูน
และอ.หางดง
สันป่าตอง สารภี สันกำแพง จ.เชียงใหม่
ดังนั้น
เพื่อความปลอดภัยจึงขอความร่วมมือประชาชนทุกพื้นที่หากจะปล่อยโคมลอยจำนวนมาก
ติดต่อได้ที่ 0-5327-7776 ตลอด 24 ชั่วโมง
เพื่อที่ศูนย์ควบคุมการบินเชียงใหม่จะได้ออกประกาศนักบินแจ้งให้นักบินทราบเพื่อความปลอดภัยในการบิน
ที่มา-