นาซา/เอพี/เอเอฟพี/เอเยนซี - อาชญากรรมขโมยก๊าซจากกาแลกซีข้างเคียงมาสร้างดาวดวงใหม่ก่อนหน้านี้
อาจจะกลายเป็นเพียงคดีเล็กน้อย
เมื่อล่าสุดกล้องโทรทรรศน์ทั้งในและนอกโลกต่างจับภาพอาชญากรรมครั้งใหม่
ที่กาแลกซีใหญ่ระเบิดกาแลกซีข้างเคียง
ด้วยลำพลังงานและรังสีที่พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
โดยอำนาจของหลุมดำที่อยู่ใจกลางดาราจักร
ด้วยความร่วมมือขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา)
หอดูดาวดาราศาสตร์กล้องโทรทรรศน์วิทยุสหรัฐ (National Radio Astronomy
Observatory) และมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ (University of Manchester)
ในสหราชอาณาจักรที่ได้ใช้กล้องโทรทรรศน์บนพื้นโลกทั้งแบบใช้แสงและคลื่นวิทยุ
รวมทั้งกล้องโทรทรรศน์อวกาศทั้งสาม ได้แก่ ฮับเบิล (Hubble Space
Telescope), จันทรารังสีเอกซ์ (Chandra X-ray Observatory)
และสปิตเซอร์รังสีอินฟราเรด (Spitzer Space Telescope)
ทำให้สามารถบันทึกการก่อการร้ายครั้งใหญ่กลางจักรวาลได้ในหลายความยาวคลื่นซึ่งรวมทั้งช่วงคลื่นที่ตามองเห็นด้วย
ภาพจากกล้องโทรทรรศน์ทั้งหลายได้บันทึกภาพเหตุการณ์ที่กลุ่มดาวงู
(Serpens) ห่างจากโลกออกไป 1.4 พันล้านปีแสง เมื่อกาแลกซีหรือดารา 3C321
ได้ยิงลำอนุภาคแผ่รังสีไปยังกาแลกซีซึ่งมีขนาดเล็กกว่า 10
เท่าที่ห่างออกไปประมาณ 2.4 หมื่นปีแสง
สิ่งที่ปรากฏตามมาคล้ายว่ากาแลกซีทั้ง 2 กำลังรวมเป็นหนึ่งเดียว
ที่สำคัญพบการเติบโตอย่างรวดเร็วของหลุมดำที่มีมวลยิ่งยวด
(supermassive black hole) เผยออกมาที่ที่ใจกลางของกาแลกซีทั้ง 2
ซึ่งกล้องฮับเบิลจับภาพในคลื่นแสงที่ตามองเห็น (ภาพสีส้ม)
พบว่าลำแสงดังกล่าวที่พุ่งออกมาจากใจกลางกาแลกซีอันธพาลนั้นยาวถึง
850,000 ปีแสง เลยกาแลกซีเคราะห์ร้ายนั้นออกไปอีกด้วยซ้ำ
![](https://images.dmc.tv/www/images/news_picture/3C321-1.JPEG)
กาแลกซีทั้ง 2 ต่างมีระบบดาวเคราะห์เป็นของตัวเอง
และโคจรในทิศทางตามเข็มนาฬิกา
จึงทำให้เห็นว่ากาแลกซี่เพื่อนบ้านที่เคราะห์ร้ายนั้นโคจรเข้าสู่เส้นทางที่ลำแสงจากกาแลกซี่ใหญ่พวยพุ่ง
ดาเนียล อีวานส์ (Daniel Evans) จากศูนย์การศึกษาดาราศาสตร์ฟิสิกส์
ฮาวาร์ด-สมิทโซเนียน (Harvard-Smitsonian Center for Astrophysics)
ผู้นำการศึกษาครั้งนี้กล่าวว่า
หากโลกอยู่ในวิถีของลำแสงดังกล่าว
อนุภาคพลังงานสูงและลำรังสีที่พุ่งอย่างรวดเร็ว
จะปลดเปลื้องชั้นโอโซนและบีบอัดสนามแม่เหล็กที่พิทักษ์โลก
จากนั้นก็จะกลายเป็นการเปิดโอกาสให้รังสีจากดวงอาทิตย์และลำรังสีเอกซ์ระเบิดดาวเคราะห์
ด้วยอนุภาคพลังงานสูง
และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่จะถูกสลายไป
ซึ่งการค้นพบครั้งนี้ของอีวานส์จะปรากฎในแอสโทรฟิสิกคอล จอร์นอล
(Astrophysical Journal) ฉบับปีหน้า
พร้อมกันนี้เขาได้ตั้งชื่อกาแลกซีอาชญากรว่า "กาแลกซีดาวแห่งความตาย" (death star galaxy)
ด้านนาซากล่าวว่าระบบในหอดูดาวได้บันทึกการยิงกันครั้งนี้
ซึ่งภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นจุดสว่างที่กาแลกซีที่เล็กกว่าอันเป็นบริเวณที่ถูกลำรังสีกระทบ
และสิ่งที่ปรากฏนั้นถือเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อเทียบกับอายุของจักรวาล
โดยอาชญากรรมครั้งนี้ได้ขึ้นเมื่อล้านปีก่อน
และคาดว่าการทะลักของลำพลังงานและรังสีปริมาณมหาศาลจากกาแลกซีขนาดใหญ่
จะทำให้เกิดการก่อตัวของดวงดาวและดาวเคราะห์จำนวนมากภายหลังการทำลายล้างสมบูรณ์
"มันเหมือนอันธพาล เป็นหลุมดำอันธพาลที่ชกจมูกกาแลกซีที่ผ่านมาเข้ามาใกล้"
ความเห็นของ เนล เดอเกรส์ส ไทสัน (Neil deGrasse Tyson)
ผู้อำนวยการท้องฟ้าจำลองเฮย์เดน (Hayden Planetarium) นิวยอร์ก สหรัฐฯ
ซึ่งไม่ได้ร่วมในการวิจัยครั้งนี้
และท้ายที่สุดการชกกันครั้งนี้ได้นำมาซึ่งความตายของอีกฝ่าย
"เราเคยเห็นการปล่อยลำรังสีจากหลุมดำมาหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เราเห็นว่าหลุมดำปล่อยลำรังสีไปยังกาแลกซีอื่นอย่างที่เราเห็น
ซึ่งยังไม่เป็นที่เข้าใจว่าทำไมกาแลกซีที่ใหญ่กว่าจึงยิงลำรังสีมฤตยูนี้
เราเพียงทราบว่าสามารถติดตามหลุมดำได้จากอันตรกริยาระหว่างกาแลกซีทั้งสอง
เพราะมีการรบกวนสนามโน้มถ่วงที่ก่อนหน้านี้เคยเสถียร"
ไทสันกล่าว
ส่วนอีวานส์กล่าวว่ากาแลกซีทั้งสองปรากฏคล้ายอยู่ในกระบวนการที่ใช้เวลานับพันล้านปี
เพื่อรวมเป็นหนึ่งเดียว
และทำในสิ่งที่คล้ายกำลังเต้นรำรอบกันและกัน
ขณะที่ไทสันกล่าวสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อาจไม่ได้หมายถึงความตายหรือแม้แต่การสร้างในลักษณะของเหตุการณ์ที่นำไปสู่การอนุบาล
ระหว่างดวงดาวและก่อให้เกิดดาวดวงใหม่
"สิ่งนี้เตือนให้ระลึกว่า
คุณไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวในเอกภพนี้เพียงลำพัง คุณไม่ได้แยกออกมาเป็นเอกเทศ
คุณไม่ได้อยู่แค่เกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น และที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงหลุมดำ
ถ้าสามารถทำได้" ไทสันกล่าวถึงบทเรียนจากการค้นพบในครั้งนี้
ที่มา-