เมื่อวันที่
25 ม.ค.สำนักส่งเสริมประชาสังคมเพื่อการพัฒนา
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)
จัดเสวนา"ประชาสังคมกับสื่อทีวีสาธารณะ" โดยนายขวัญสรวง อติโพธิ ประธานคณะกรรมการนโยบายชั่วคราวองค์การกระจายเสียงและ
แพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย
หรือไทยพีบีเอส กล่าวว่า
คณะกรรมการมีหน้าที่สร้างประสิทธิภาพคนรับรู้ข่าวสารให้ดีขึ้น
ไม่ใช่มองเห็นการเมืองเป็นเรื่องวัฒนธรรมการชกมวย
ต้องยกระดับคนดูให้รอบด้าน ช่วง 6
เดือนนี้มีหน้าที่สร้างอาหารให้ชิมช่วยกันค้นหาสิ่งดีที่คนไม่รู้จัก
อย่างตอนนี้ซื้อรายการสารคดีของเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิกและดิสคัฟเวอรี่ มา
600 ตอน ตอนละ 1 แสนบาท รวม 60 ล้านบาท สามารถฉายซ้ำได้ 4 รอบ
ขณะนี้ฉายไปแล้ว 100 ตอน ช่วงที่ยังไม่มีรายการออกมา
โดยจะพยายามวางรูปแบบกระบวนการ ที่สำคัญต้องไม่มีโฆษณา
"มีคนเตือนว่าอย่าให้ทีวีสาธารณะเป็นทีวีเอ็นจีโอ
เราต้องระบุเรื่องให้เป็นสาธารณะให้ได้
รายการทีวีทั้งหมดต้องทิ้งความเป็นวิเศษนิยมหรือประชานิยม
ท่ามกลางผู้คนซึ่งหวังดีไปหมด
ดังนั้นฝ่ายรายการต้องตั้งมั่นให้เกิดความหลากหลายมากที่สุด"
นายขวัญสรวงกล่าว
นายขวัญสรวงกล่าวถึงความคืบหน้าผังรายการว่า
ส่วนตัวไม่อยากใช้คำว่าผัง
อยากเรียกว่าการปรากฏตัวของรายการต่างๆให้มีพลัง
มีชีวิตจากการช่วยกันคิดของผู้คน ไม่ใช่ผังรายการแห้งๆเท่านั้น
ส่วนด้านข่าวนายเทพชัย หย่อง รักษาการผอ.จะเป็นผู้รวบรวมนักข่าว
ประเมินความพร้อมด้านข่าว ซึ่งจากเดิมจะเริ่มเสนอข่าวช่วงค่ำวันที่ 1 ก.พ.
แต่เห็นว่าหากมีแต่ข่าวค่ำจะไม่ทันช่องอื่น จึงเลื่อนเป็นวันที่ 15
ก.พ.ที่จะเริ่มมีข่าวอย่างเต็มที่ทั้งเช้า กลางวัน เย็น รวม 18 ช.ม.
ประธานไทยพีบีเอสกล่าวอีกว่า
สำหรับเรื่องพนักงาน นายเทพชัยกลั่นกรองเกือบเสร็จแล้ว ช่วง 3
เดือนนี้จะรับพนักงานชั่วคราวก่อน จากนั้นวันที่ 16
เม.ย.จะมีบริษัทและคณะกรรมการข้างนอกมาคัดสรรผู้สมัครกว่า 4 พันคน
และประกาศรายชื่อพนักงานประจำ เริ่มทำงานวันที่ 1 พ.ค.
รวมทั้งพนักงานทีไอทีวีด้วย
อย่างไรก็ตามการร่วมหารือกับภาคประชาสังคมวันนี้
ได้ข้อสรุปที่กลุ่มเครือข่ายอาสาจะช่วยเป็นนักข่าวและชี้เบาะแสข่าวในต่างจังหวัด
ซึ่งข่าวจะแตกต่างจากช่องอื่น
ข่าวจะเป็นข่าวดีที่ไม่ใช่มีแต่เรื่องของฝ่ายตรงข้ามกัน
ข่าวเล็กแต่แรงมีเบื้องหลังและผลกระทบ
ที่มา-