หากพูดถึง “เกียรตินิยม”
เชื่อว่านักศึกษาส่วนมากต่างฝันอยากได้มาครอบครอง แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย
โดยเฉพาะเมื่อหันกลับมามองเกรดเฉลี่ยที่สะสมเอาไว้ของตัวเอง
และรายวิชาที่เหลืออยู่ สำหรับใครที่คิดได้ว่ายังไม่สายเกินไป Life on
Campus ก็สรรหาเทคนิค และคำแนะนำดี ๆ จากเหล่านิสิต นักศึกษา
ที่ได้รับการการันตีความเก่งด้วยเกียรตินิยมกัน มาแล้ว
ไม่แน่ว่าปริญญาบัตรของคุณอาจมีคำว่าเกียรตินิยมต่อท้ายก็เป็นได้
ธนาวัฒน์ การย์กุลวิทิต (อ๊อฟ)
จบปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์ เอกเยอรมนี โทอังกฤษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.98 เกียรตินิยมอันดับ 1 บอกถึงเทคนิคในการเรียนว่า
ทุกครั้งก่อนเข้าห้องเรียนควรจะอ่านหนังสือวิชานั้น ๆ ไปก่อน
จะช่วยให้เข้าใจในเนื้อหาได้เร็วขึ้น และเมื่ออาจารย์ถามต้องพยายามตอบ
ผิด-ถูกไม่เป็นไร การบ้านทุกชิ้นต้องทำครบทุกครั้ง
ทั้งหมดนี้จะทำให้เราเรียนรู้ได้ดีกว่าการนั่งฟังอย่างเดียว
“เนื่องจากสาขาที่อ๊อฟเรียนเป็นภาษาเยอรมนี
การที่มีเพื่อนเป็นเจ้าของภาษาก็ช่วยได้มาก
อย่างมีศัพท์คำไหนที่ไม่เข้าใจก็ส่งอีเมลไปถามเพื่อนได้
หรืองานเขียนก็ได้เจ้าของภาษาช่วยตรวจทานให้อีกที
งานจึงออกมาดีส่งผลให้ได้คะแนนดีตามไปด้วย”
นอกจากนั้นอ๊อฟยังบอกด้วยว่า
การที่จะเรียนให้เก่งนั้นจำเป็นที่จะต้องมีความรับผิดชอบ
ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่เครียดจนเกินไปด้วย
หรืออยากได้เกียรตินิยมอย่างไรก็ไม่ควรมุ่งเรียนอย่างเดียว
แต่ควรจะแบ่งเวลาทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ บ้างจะได้ไม่เครียด
ส่วนเทคนิคการอ่านหนังสือสอบของอ๊อฟนั้น แบ่งออกเป็นสองส่วน
ส่วนแรกคืออ่านเนื้อหาทั้งหมด และนำมาทบทวนอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
วนิดา เกตุประสาท (จิตร)
สาวดีกรีปริญญาตรีจากคณะวิทยาการจัดการ หลักสูตรวิชานิเทศศาสตร์
สาขาวารสารศาสตร์ มหาวิทยาราชภัฏจันทรเกษมกับเกรดเฉลี่ย 3.60
เกียรตินิยมอันดับ 1 เผยเคล็ดลับว่า
จะสังเกตจากอาจารย์แต่ละท่านว่ามีสไตล์การสอนอย่างไร เจ้าระเบียบ
หรือเป็นกันเอง มีการเช็คชื่อหรือไม่ กำหนดส่งงานเป็นอย่างไร
แล้วเราก็ปฏิบัติตามแบบนั้น
“ต้องเข้าเรียนทุกวัน
เพราะเนื้อหาทุกคาบมีความสำคัญเกี่ยวเนื่องกันหมด
ที่ผ่านมาวิชาหนึ่งจะขาดเรียนไม่เกิน 2 ครั้งเท่านั้น
ตอนเรียนต้องตั้งใจฟังที่อาจารย์สอนถ้าไม่เข้าใจให้ถามทันที
ก่อนสอบจะเอาทุกอย่างที่อาจารย์สอนมาลิสต์รายการ
จัดเป็นหมวดหมู่เพื่อทบทวน หรือจะจับกลุ่มติวกับเพื่อนๆ
ซึ่งก็ถือเป็นการทบทวนอีกทางหนึ่ง”
“ความมีวินัยในการเข้าเรียนเป็นสิ่งสำคัญ
ควรทำตามระเบียบแบบแผนรู้ว่าอะไรมาก่อนมาหลัง ควรจัดตารางเวลาให้เหมาะสม
ว่าเวลาไหนควรทำอะไร แต่ก็ไม่ถึงขนาดต้องซีเรียสจนเกินไป
อย่าหวังพึ่งคนอื่น เพราะไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเองค่ะ”
ด้านสุทธิกา จันทรอัมพร (ตาล)
จบปริญญาตรีจากคณะวิทยาศาสตร์ สาขาพฤกษศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เกรดเฉลี่ย 3.33 เกียรตินิยมอันดับ 2 กล่าวว่า
ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนไม่ค่อยขยันแล้วก็ไม่ชอบอ่านหนังสือเท่าไร
จึงอาศัยการเข้าเรียนทุกครั้งฟังอาจารย์สอนให้เข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจก็ถาม
งานทุกชิ้นที่อาจารย์สั่งต้องส่งตรงตามเวลา
จัดแผนการทำงานให้ดีว่าอะไรต้องส่งก่อนหลัง ควรรีบทำก่อนตั้งแต่เนิ่น ๆ
เพราะถ้ามาเร่งทำตอนใกล้กำหนดส่งงานจะออกมาไม่ดี
และคะแนนก็จะไม่ดีตามไปด้วย
“ช่วงใกล้สอบจะหาหนังสือจากข้างนอกมาอ่านเสริมจากตำราเรียน
รวมทั้งนำชีทที่เรียนในห้องมาอ่านแล้วสรุปทั้งหมดอีกครั้ง
ตอนสอบก็มาอ่านทบทวนอีก 1 รอบ
อีกเทคนิคหนึ่งที่ใช้ได้ดีในการช่วยให้เราจำได้แม่นขึ้นคือ การใช้รูปและสี
ส่วนวิชาที่เป็นคำนวณอย่างคณิตศาสตร์
และฟิสิกส์ก็อาศัยการทำแบบฝึกหัดเยอะๆ ก็ช่วยได้มาก”
จากการเปิดเผยของเหล่านักศึกษาเกียรตินิยม
ทุกเทคนิคแทบจะกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปที่ใคร ๆ
ก็ทราบเป็นอย่างดี และดูเหมือนสามารถทำได้สำเร็จง่าย ๆ
แต่ความแตกต่างระหว่างผู้สำเร็จการศึกษาพร้อมเกียรตินิยมกับคนที่พลาด
คงหนีไม่พ้นเรื่องของความมีระเบียบวินัยในตัวเอง
ที่บัณฑิตแต่ละคนมีอยู่ไม่เท่ากัน
ที่มา-