เมื่อวันที่
6 กุมภาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี)
เปิดเผยว่า
ไวรัสเอชไอวีที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์สามารถติดต่อได้
โดยการที่แม่เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนที่จะให้เด็กทารกกิน
ซึ่งเป็นวิธีการที่พบบ่อยในประเทศยากจนและประเทศกำลังพัฒนาหลายแห่ง
มีการเปิดเผยในการประชุมทางวิทยาศาสตร์ที่เมืองบอสตัน
รัฐแมสซาชูเซตส์ ว่าพบกรณีดังกล่าวในสหรัฐ 3 รายด้วยกัน ตั้งแต่ปี
2536-2547 โดยพาหะที่นำเชื้อโรคคือเลือด ไม่ใช่น้ำลาย เนื่องจากมี 2
กรณีที่แม่ซึ่งมีเชื้อเอดส์มีแผลในช่องปาก นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า
ยังคงต้องมีการศึกษาวิจัยในเรื่องนี้เพิ่มอีก
แต่พวกเขาได้เตือนพ่อแม่และพี่เลี้ยงเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีไม่ให้เคี้ยวอาหารให้เด็ก
และได้รายงานให้แพทย์รู้แล้วว่ามีกรณีการติดเชื้อลักษณะนี้เกิดขึ้น
ซีดีซีเชื่อว่าการติดต่อของโรคเอดส์ผ่านทางการเคี้ยวอาหารให้เด็กนั้นพบได้น้อยมากในสหรัฐ
เพราะพฤติกรรมดังกล่าวไม่ค่อยมีผู้ปฏิบัติกัน
แต่ในบางประเทศแม่ต้องเคี้ยวอาหารให้ลูกเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถหาอาหารของทารกได้้ จึงใช้วิธีการเคี้ยวก่อนเพื่อเป็นการบดอาหารให้ทารกซึ่งยังไม่มีฟัน
กรณีแรกที่พบคือเด็กชายวัย 15 เดือน ที่เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา
เมื่อปี 2536
ซึ่งยายของเขาติดเชื้อเอชไอวีและได้เคี้ยวอาหารให้ก่อนที่จะให้เขากิน
ในช่วงที่เขามีอายุระหว่าง
9-14 เดือน
กรณีที่ 2 พบเมื่อปี 2538 เป็นเด็กชายชาววัย 3 ขวบ
ในไมอามีเช่นกัน
ซึ่งแม่ของเขาที่ติดเชื้อเอดส์เคี้ยวอาหารให้ก่อนที่จะให้เขากิน
กรณีสุดท้ายพบเมื่อปี 2547 เป็นเด็กหญิงวัย 9 เดือน ในเมืองเมมฟิส
รัฐเทนเนสซี ซึ่งแม่ของเธอเริ่มเคี้ยวอาหารให้เมื่อเธอมีอายุได้ 4 เดือน
ซีดีซีระบุว่า
เป็นไปได้ว่าทั้งคนเลี้ยงดูและเด็กต่างก็มีแผลในช่องปากด้วยกันทั้งคู่
ซึ่งเป็นการง่ายสำหรับไวรัสที่จะติดต่อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งทางเลือด
การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่าการเคี้ยวอาหารให้เด็กเป็นช่องทางในการแพร่เชื้อโรคบางอย่าง
เช่น
เชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคทางเดินอาหารและเชื้อที่เป็นสาเหตุของอาการเจ็บคอ
(เอพี)
ที่มา-