มหาวิทยาลัยศรีปทุมลุยหลักสูตรดิจิตอลมีเดีย (School of Digital
Media) แบบครบวงจร
พร้อมสร้างห้องตัดต่อที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หวังพัฒนานักแอนิเมชัน และนักพัฒนาเกมมืออาชีพป้อนตลาด ด้วยงบประมาณกว่า 80
ล้านบาท
ดร.สุชาย ธนวเสถียร
คณบดีคณะดิจิตอลมีเดีย มหาวิทยาลัยศรีปทุมเปิดเผยว่า
"เราต้องการเป็นอันดับหนึ่งในวงการดิจิตอลมีเดีย
ซึ่งการจะไปให้ถึงในจุดนั้น เราจำเป็นต้องมีคณาจารย์ที่เก่ง ในข้อนี้
อาจารย์ประจำของเราทุกท่านต่างสำเร็จการศึกษาด้านดิจิตอลมีเดียจากต่างประเทศ
นอกจากนั้นยังมีบุคคลในแวดวงอุตสาหกรรมแอนิเมชันของประเทศไทยเข้าร่วมด้วยมากมายหลายท่าน และอีกกลุ่มหนึ่งก็คืออาจารย์จากต่างประเทศ
ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ"
ดร.กมล จิราพงษ์ รองคณบดีคณะดิจิตอลมีเดียและหัวหน้าสาขาดิจิตอลอาร์ทส์ กล่าวเสริมว่า
"คณะดิจิตอลมีเดียของเราแบ่งออกเป็น 2 สาขาคือ
สาขาดิจิตอลอาร์ทส์ และสาขาแอนิเมชันและเกม
ซึ่งมีความโดดเด่นกันคนละด้าน
ดิจิตอลอาร์ทส์จะเน้นเรื่องการออกแบบสร้างสรรค์ให้ภาพออกมาสวยสมจริง
ทั้งแบบสองมิติ - สามมิติ, ภาพเคลื่อนไหว - ไม่เคลื่อนไหว,
ภาพบนอินเทอร์เน็ต - ภาพบนสื่อแบบ
offline
ขณะที่แอนิเมชันและเกมจะเน้นที่การสร้างโปรแกรม เมื่อมีโครงการต่าง
ๆ นักศึกษาทั้งสองสาขาจะร่วมผลิตชิ้นงานด้วยกัน
จุดเด่นของการเรียนการสอนคณะดิจิตอลมีเดียคือการได้เรียนรู้ครบกระบวนการทำงานจริงของอุตสาหกรรมดิจิตอลคอนเทนต์ และการทำงานเป็นทีม"
จากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ
(องค์การมหาชน) ชี้ว่า ปัจจุบัน ตลาดแอนิเมชันมีมูลค่าสูงถึง 2,500
ล้านบาท ส่วนเกมอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท และยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก
ทั้งนี้
จะพบว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิตอลแอนิเมชันมีการใช้งานเพิ่มสูงขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์โฆษณา เกมคอมพิวเตอร์
ทั้งออฟไลน์และ
ออนไลน์
ทั้งนี้ เพื่อตอบรับกับความต้องการของตลาดแรงงาน
ปริญญาบัตรของคณะดิจิตอลมีเดียทั้งสองสาขาจึงมีความแตกต่างกัน
โดยสาขาดิจิตอลอาร์ทส์ จะเป็นปริญญาตรีด้านศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต ส่วนสาขาแอนิเมชันและเกมจะเป็นปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตรบัณฑิต
แพน - พงศ์ชรัตน์ อุดมเดชา นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะดิจิตอลมีเดีย
มหาวิทยาลัยศรีปทุมเปิดเผยว่า ตั้งใจเข้ามาเรียนเพราะสนใจงานด้านแอนิเมชัน
ซึ่งในปี 1 จะเริ่มตั้งแต่เรียนวาดรูป ดรออิ้ง สีน้ำ เขียนแบบ
พอปีสองเริ่มวาดการ์ตูน 2 มิติ ทำแฟลช ใช้โปรแกรมต่าง ๆ เช่น
อาฟเตอร์เอฟเฟ็กต์ โฟโต้ช้อบ, illustrator
ซึ่งก่อนจบจะต้องผลิตชิ้นงานแอนิเมชัน 1 ชิ้น
และเมื่อเรียนจบไปก็อยากทำงานด้านนักออกแบบแอนิเมชันครับ "
สำหรับห้องแล็ปของทางคณะนั้น ทางคณบดีได้แจ้งว่า
เตรียมพื้นที่เก็บข้อมูลไว้มากถึง 20 เทราไบต์ พร้อมระบบแบ็คอัพ
ซึ่งห้องแล็ปดังกล่าวจะมีเครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอชจากค่ายแอปเปิ้ล
และเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี
พร้อมโปรแกรมด้านแอนิเมชันแบบลิขสิทธิ์ให้ใช้งาน
และไม่มีการแชร์พื้นที่กับทางคณะอื่น ๆ แต่อย่างใด
และทางมหาวิทยาลัยจะเปิดให้มีการรับงานจากภายนอกเข้ามาให้นักศึกษาได้ทำ
อย่างเป็นระบบด้วย
"ปกติตอนนี้เด็ก ๆ เขาก็รับจ็อบพิเศษทำกัน แต่มันไม่เป็นระบบ
เราก็อยากทำให้เป็นระบบ มีศูนย์รับงานโดยเฉพาะ
และเด็กจะได้เรียนรู้กระบวนการทำงานที่แท้จริง
เมื่อจบไปจะได้เข้าใจกระบวนการของอุตสาหกรรมแอนิเมชัน
และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ" ดร.สุชายกล่าวทิ้งท้าย
ที่มา-