เวลาผ่านไปเร็วมากๆ เหมือนยังรู้สึกว่าฉลองปีใหม่มาไม่นานนี้เอง มาถึงเดือนเมษายนซะแล้ว ทุกวันที่ 13 เมษาของทุกปี นอกจากจะเป็นวันสงกรานต์ ยังถูกกำหนดให้เป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติอีกด้วย ถ้าใครที่อายุเริ่มก้าวเข้าสู่เลข 5 ต้องเริ่มปรับตัวเองให้เข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณภายนอก ฮอร์โมนต่างๆ ภายในร่างกาย หรือแม้แต่เรื่องของจิตใจ ต้องเริ่มฝึกปล่อยวางทั้งเรื่องหน้าที่การงานและเรื่องครอบครัว
       
       ปัจจัยเหล่านี้หากผู้มีวัย 50 อัพ ยังไม่เตรียมพร้อมรับมือแล้วละก็ ปัญหามากมายทั้งเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพใจต้องเข้ามารุมเร้าอย่างปฏิเสธไม่ได้แน่นอน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์
       
       เพ็ญพิชชากร แสนคำ นักกายภาพบำบัดจากสถาบันปรับโครงสร้างร่างกายอริยะ มี 7 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้ปรับตัวเองตั้งแต่วันนี้ โดยเริ่มจากกิจวัตรประจำวันของคุณเองดังต่อไปนี้
       
       1.ตั้งสติก่อนลุกจากเตียง เมื่อตื่นขึ้นมา อันดับแรกห้ามเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอนทันทีเด็ดขาด เสี่ยงมากต่อการปวดหลังปวดคอ ควรชันเข่าขึ้นมาฝึกหายใจเข้าช้าๆท้องป่อง หายใจออกยาวๆ ท้องแฟบ สัก 4-5 ครั้ง ตั้งเข่าไว้ บิดเข่าไปซ้ายให้สุด ไปขวาให้สุด ให้ตึงๆ สบายๆ บริเวณก้นและหลังเป็นการซ้อมกล้ามเนื้อและข้อต่อเมื่อลุกขึ้นมานั่ง
 
  2.ขยับร่างกายให้เลือดลมไหลเวียน นั่งข้างเตียง เหยียดแขนขึ้นเหนือศีรษะทั้ง 2 ข้างเหยียดไปด้านหลังด้านซ้ายและด้านขวา สัก 2-3 ครั้งแล้วค่อยลุกขึ้นเดิน เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการขยับร่างกายนิดหน่อยเลือดลมจะได้ไหลเวียนดี ข้อก็มีความยืดหยุ่นดีพร้อมที่จะเคลื่อนไหวโดยไม่มีปวดเมื่อย ให้ระบบอวัยวะภายในได้เคลื่อนไหวจะได้มีการขับถ่าย เพราะปกติของร่างกายต้องมีการขับถ่ายทุกวัน
       
       3.ดื่มน้ำสะอาดสัก 1 แก้ว แล้วขยับแข้งขาด้วยการเดินช้าๆ รอบบ้านสัก 2-3 รอบให้เหนื่อยนิดหนึ่ง มีเหงื่อนิดๆ ก็ถือเป็นการบริหารทั้งระบบกล้ามหัวใจและหลอดเลือดแล้ว แต่ควรระวังหน่อยไม่ควรวิ่ง เพราะวัยนี้แล้วเสี่ยงต่อภาวะเข่าเสื่อม ให้เดินเร็วๆ หรือวิ่งเยาะๆ ก็ดี เลือกรองเท้าที่รับแรงกระแทกได้ดี คลุมได้ทั้งเท้าเพื่อเป็นการกระจายน้ำหนักตัวที่ดี
       
       4.ไม่เน้นแป้งหรือเนื้อสัตว์ พักสักนิดหน่อย แล้วค่อยทานอาหาร ต้องเป็นอาหารมื้อหนักแต่ไม่เน้นแป้งหรือเนื้อสัตว์ วัยนี้ร่างกายจะดึงเอาไขมันหรือแป้งที่สะสมอยู่มาเผาผลาญเป็นพลังงานแทน เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องทานเนื้อสัตว์ อาจได้โปรตีนจากถั่ว และงา ข้าวซ้อมมือแทนจะดีมากๆ เน้นผักสดๆ ที่มีตามฤดูกาล ไม่ต้องผ่านความร้อน อันนี้คงคุณค่าทางโภชนาการแบบสุดๆ
       
       5.จัดเวลาขจัดความเครียด หากยังต้องทำงานก็ต้องรู้จักจัดการเวลาให้เหมาะสม ให้เวลากับตัวเองมากๆ ไม่ควรเก็บงานมาเครียดให้มากเกินไป บอกตัวเองเสมอว่าถ้าหนักเกินไป ตัวเราไม่ไหวศักยภาพในการทำงานย่อมน้อยลง และก็ไม่คุ้มกันหากวันหนึ่งเราใช้ร่างกายมากเกิน จนอวัยวะบางอย่างเสียหรือเสื่อมลง จะได้เงินมามากขนาดไหนหากเป็นไปแล้วยากเหลือเกินที่จะทำให้กลับมาได้สภาพเดิม เสียทั้งเงิน ทั้งเวลา ทังสุขภาพจิตและสุขภาพกาย
       
       6.ต้องมีสติอยู่ตลอดทุกลมหายใจ ไม่ว่าจะคิดจะทำอะไรก็ต้องรู้เท่าทันตัวเอง ทำงานจิตใจก็อยู่กับงาน จะยืนก็ยืนอย่างมีสติ ไม่หลังค่อมไม่แอ่นพุง นั่งตัวตรง เดินอย่างมีสติ ก็เป็นการระวังตัวเองจากอุบัติเหตุทั้งเล็กน้อยและใหญ่ เพราะหากพลาดไปนิดวัยนี้กระดูกก็จะเริ่มเปาะเสี่ยงต่อหลายเรื่อง เพราะ ฉะนั้นอย่าปล่อยให้ร่างกายทรุดตามอายุเราชอบเข้าใจว่าร่างกายต้องเป็นไปตามวัย แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ทั้งหมดหากเราดูแลตัวเองดีๆ ร่างกายยังคงโครงสร้างที่สมดุลไว้แน่นอน ตรงกันข้ามหากปล่อยร่างกายให้ทรุดไปตามตัวเลขของอายุก็จะทำให้โรคภัยจู่โจมได้หลายโรค ความเสื่อมของร่างกายก็จะทรุดลงเรื่อยๆ และเร็วด้วย
       
       7.เวลาดี 4 ทุ่ม – ตี 4 วัยนี้ต้องพักผ่อนให้มาก ไม่นั้นสิ่งที่จะมีผลก็คือเรื่องของระบบต่างๆ ของร่างกายจะแปรปรวน ทั้งฮอร์โมน เลือดลม ฯลฯ เวลาที่เป็นเวลาพักของร่างกายจริงๆก็อยู่ที่ช่วง 4 ทุ่ม-ตี 4 เพราะฉะนั้นต้องเข้านอนให้เร็วแล้วตื่นเช้าๆ มารับอากาศให้ปอดได้อากาศดีๆ ได้พลังชีวิต
       
       แค่นี้เองกับการมีสุขภาพดี แต่ไม่ใช่แค่ออกกำลังกายอย่างเดียว กำลังจิตก็สำคัญยิ่ง ขอวันละสัก 5-10 นาทีในการฝึกตามรู้จิตของตัวเอง อาจจะเป็นก่อนนอน หรือเช้าตรู่ก็ได้เป็นการเพิ่มพลังให้กับชีวิต ไม่จำเป็นต้องรอไปเข้าวัด ต้องทำให้เป็นเสมือนกิจวัตรอย่างหนึ่ง เพื่อการมีสุขภาพที่ดีที่แข็งแรงทั้ง ร่างกายและจิตวิญญาณ

 
 
 
ที่มา- 

บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages//2008-04-13-1.html
เมื่อ 28 กรกฎาคม 2567 01:24
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv