ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 27


        จากตอนที่แล้ว  มโหสถกุมาร เมื่อได้เห็นโคมงคลของพระราชาก็นึกขันในใจ ด้วยคิดว่า “พระราชาพระองค์นี้ ทำอะไรประหลาดพิลึก” หลังจากนิ่งคิดอยู่นิดหนึ่งแล้วก็ถามทุกคนในที่นั้นว่า “ท่านทั้งหลาย จะมีใครกล้ารับอาสาไปกราบทูลกับพระราชาได้บ้าง”

สักครู่ชายฉกรรจ์คนหนึ่ง ก็ยกมือขึ้นแล้วก้าวออกมาด้านหน้าของมหาชน รับอาสาว่าจะขอทำหน้าที่นี้เอง มโหสถจึงถามย้ำให้แน่ใจ จากนั้นจึงเรียกชายผู้นั้นเข้าไปพบในห้อง ซักซ้อมแผนการเป็นอย่างดี แล้วก็นัดแนะอุบายในการเข้าเฝ้าพระราชาอย่างถี่ถ้วน ในวันต่อมา ขณะที่พระเจ้าวิเทหราชกำลังเสด็จออกว่าราชการอยู่นั่นเอง จู่ๆพระองค์ก็ได้ทรงสดับเสียงหนึ่ง คล้ายเสียงคนร้องห่มร้องไห้แว่วดังมาแต่ไกล จึงรับสั่งกับมหาดเล็กให้ไปเรียกเขาเข้ามาถามดูที ว่ามีเรื่องเดือดร้อนอะไร

        มหาดเล็กจึงเข้าไปซักถามใกล้ๆ แต่ก็ไม่ได้ความอะไร จึงรีบคว้าตัวเข้ามาเข้าเฝ้าพระราชา ท้าวเธอทรงเห็นเขาอยู่ในอาการเศร้าโศก จึงรับสั่งถามว่า “เจ้าได้รับความทุกข์ร้อนด้วยเรื่องอันใดหรือ จงบอกเรามาเถิด”

        ชายคนนั้นได้กราบทูลว่า  “บิดาของข้าพระองค์ปวดท้องคลอดมานาน ๗ วันแล้ว ยังไม่คลอดเลย ขอพระองค์ได้โปรดแนะวิธีทำการคลอดแก่บิดาของข้าพระองค์ด้วยเถิด”
 
ส่วนพระราชาได้สดับดังนั้น จึงมีพระดำรัสว่า “พ่อของเจ้าเป็นผู้ชายจะคลอดลูกได้อย่างไรเล่า เจ้านี่ท่าจะบ้าเสียแล้ว”

        เมื่อเห็นว่าพระราชาเริ่มกล่าวเข้าทางตนแล้ว ชายผู้นั้นจึงตัดสินใจกราบทูลพระราชาทันทีว่า “ข้าแต่สมมติเทพ ขอพระองค์ได้โปรดรับฟังคำของข้าพระองค์ก่อนเถิดพระเจ้าข้า”

        “เจ้ามีอะไรอีก จงรีบว่ามาก่อนที่เราจะไล่เจ้าออกไป”

        “ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นเกล้า ในเมื่อพระองค์ตรัสเองว่า บิดาของข้าพระองค์เป็นชาย ฉะนั้นจึงไม่อาจจะตั้งท้องหรือคลอดลูกได้ ก็แล้วไฉน โคมงคลตัวผู้ที่พระองค์ส่งไปให้ชาวบ้านปาจีนยวมัชฌคาม แถมยังรับสั่งให้ทุกคนช่วยกันทำให้มันออกลูกมาให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็จะถูกปรับนั้น ข้อนี้ยังจะสมเหตุสมผลอยู่หรือ พระเจ้าข้า พระองค์ทรงแน่พระทัยหรือว่า ชาวบ้านจะทำโคมงคลของพระองค์ให้ตกลูกได้จริงๆ พระพุทธเจ้าข้า”
 
เสียงพระสรวลเงียบสนิทลงทันที แม้เสียงอึงคะนึงของเหล่าอำมาตย์ก็พลอยเงียบเชียบตามไปด้วยเช่นกัน ท้าวเธอทรงระลึกถึงปัญหาที่ทรงผูกไว้เมื่อวันก่อนได้ จึงรับสั่งถามชายผู้นั้นว่า “เจ้ามาจากบ้านปาจีนยวมัชฌคามหรือ”   “ใช่แล้ว พระเจ้าข้า”
 
        เมื่อได้สดับดังนั้น พระองค์ก็ทราบทันทีว่า การย้อนปัญหาเช่นนี้ ต้องเป็นอุบายอันชาญฉลาดของมโหสถแน่นอนที่ส่งคนมาแก้ปริศนา จึงรับสั่งถามเพื่อให้ทรงแน่พระทัยว่า “เจ้าได้ความคิดนี้มาจากใคร”   

        “มโหสถกุมาร บุตรของสิริวัฒกเศรษฐี พระเจ้าข้า” พอได้ยินว่ามโหสถเท่านั้น พระองค์ก็ทรงพอพระทัยยิ่งนัก ดำริว่า “มโหสถบัณฑิตนี่ช่างคมคายเสียจริง เจ้าช่างฉลาดซ้อนกลได้ดีนักเชียว  ดูหรือเราเองต้องการจะทดสอบปัญญาของมโหสถ แต่กลับถูกมโหสถย้อนรอยเข้าจนได้”   แม้ว่าท้าวเธอจะทรงพอพระราชหฤทัยในตัวมโหสถมากเพียงใด แต่ก็ยังไม่อาจตัดสินพระทัยรับตัวมโหสถเข้ามาในวังได้ เพราะยังติดคำกราบทูลทัดท้านของท่านอาจารย์เสนกะอยู่ดี

จึงได้แต่เพียงรับสั่งกับชายผู้นั้นว่า“เอาล่ะ เจ้ากลับไปได้แล้ว จงกลับไปแจ้งชาวปาจีนยวมัชฌคามทุกคนให้ทราบทั่วกันว่า ให้ส่งโคมงคลตัวนั้นกลับคืนมาได้แล้ว ส่วนลูกโคนั้น จะมีหรือไม่มี ข้อนั้นเราไม่ติดใจ จงปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมเถิด”  ตรัสดังนี้แล้ว ท้าวเธอก็รีบส่งชายผู้นั้นกลับคืนสู่บ้านปาจีนยวมัชฌคามทันที พวกชาวบ้านที่กำลังรอฟังข่าวอยู่ พอทราบว่า เหตุที่พวกตนรอดมาได้ครั้งนี้ เป็นเพราะอุบายย้อนปัญหาของมโหสถ จึงพากันแสดงความชื่นชมยินดี กล่าวแซ่ซ้องมโหสถกุมารได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
 
ต่อจากนั้นมาไม่นานนัก ในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่พระเจ้าวิเทหราชกำลังเสวยพระกระยาหารอยู่นั้น ท้าวเธอก็ทรงครุ่นคิดหาอุบายที่จะใช้ทดลองมโหสถ ข้อแล้วข้อเล่า แต่ก็ยังไม่ทรงพอพระทัย  ครั้นแล้วก็ทรงดำริขึ้นได้ว่า น่าจะทดลองมโหสถให้หุงข้าวมาถวายพระองค์ดูบ้าง แต่แน่นอนว่า ข้าวที่หุงมาถวายนั้น  จักต้องเป็นข้าวอย่างพิเศษ ที่ไม่มีใครได้เคยลิ้มลองมาก่อน
 
        ดำริดังนี้แล้ว ก็ทรงผูกเงื่อนขึ้นมาหลายประการ เพื่อกระทำปัญหานี้ให้ยากเข้า โดยใคร่จะรู้ว่าคราวนี้มโหสถจะแก้ปัญหาด้วยวิธีใดอีก

        ในวันต่อมา ท้าวเธอจึงให้เรียกราชบุรุษมาเข้าเฝ้า พร้อมกับมีรับสั่งให้นำพระบรมราชโองการของพระองค์ไปประกาศให้ชาวปาจีนยวมัชฌคามทราบอีกครั้ง  เหล่าราชบุรุษน้อมรับพระบัญชาแล้ว ก็รีบมุ่งหน้าสู่ปาจีนยวมัชฌคามทันที 

        พวกชาวบ้านพอเห็นหน้าเหล่าราชบุรุษคนเดิม ก็คาดการณ์ได้ทันทีว่า พระราชาคงมีพระบรมราชโองการมาทดลองพวกตนอีก แต่หลายคนยังแปลกใจว่า คราวนี้ราชบุรุษพากันมาตัวเปล่า ไม่ได้นำสิ่งของติดมือมาด้วยเหมือนครั้งก่อนๆ  เพราะตามปกติพระราชาจักต้องมีสิ่งของไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง พระราชทานมาให้พวกตนพร้อมกับปัญหาทุกครั้ง จึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ แล้วรอฟังพระบรมราชโองการอย่างใจจดใจจ่อ

        “ชาวปาจีนยวมัชฌคามทุกคน จงฟัง...” ท่านราชบุรุษเริ่มอ่านพระบรมราชโองการ ท่ามกลางมหาชนที่มารอรับฟังกันอย่างคับคั่ง “เรา..พระเจ้าวิเทหราช ปรารถนาจะเสวยข้าวเปรี้ยวรสเลิศ  ที่หุงด้วยวิธีพิเศษ คือถึง
พร้อมด้วยองค์ ๘ อันได้แก่
๑.ไม่ให้หุงด้วยข้าวสาร     
๒.ไม่ให้หุงด้วยน้ำปกติ 
๓.ไม่ให้หุงด้วยหม้อข้าว   
๔.ไม่ให้หุงด้วยเตาหุงข้าว 
๕.ไม่ให้หุงด้วยไฟปกติ    
๖.ไม่ให้หุงด้วยฟืน 
๗.ไม่ให้หญิงหรือชายเป็นผู้ยกมา 
๘.ไม่ให้นำมาตามทางเดิน 
ขอให้ชาวปาจีนยวมัชฌคามหุงส่งมาถวายโดยเร็ว หากไม่สามารถหุงส่งมาถวายได้ จะถูกปรับสินไหมพันกหาปณะ”
 
        เมื่อชาวปาจีนยวมัชฌคามฟังพระรมราชโองการจบลงต่างก็มึนงง มองไม่เห็นต้นเห็นปลายแห่งปัญหานั้นว่าจะแก้ไขประการใด แต่อย่างไรเสีย ปัญหานี้ก็คงถึงมโหสถกุมารอีกจนได้ แต่เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป

พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages//mahosathapandita027.html
เมื่อ 5 กรกฎาคม 2567 22:23
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv