ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 28


        จากตอนที่แล้ว  ภายในท้องพระโรง คนของมโหสถได้กราบทูลพระราชาว่า เมื่อสักครู่นี้ พระองค์ตรัสเองว่า บิดาของข้าพระองค์เป็นชาย จะคลอดลูกได้อย่างไร ก็แล้วโคมงคลของพระองค์ ซึ่งเป็นโคตัวผู้ พระองค์จะทรงให้ชาวปาจีนยวมัชฌคามทำคลอดให้มันได้อย่างไรเล่า

สิ้นเสียงกราบทูลของบุรุษนั้น ท้าวเธอก็ทรงระลึกถึงปัญหาที่ทรงผูกไว้เมื่อวันก่อนได้ จึงรับสั่งถามชายผู้นั้นว่า เจ้ามาจากไหน ใครเป็นผู้คิดการย้อนปัญหาเช่นนี้ พอได้สดับว่า มโหสถเท่านั้น พระองค์ก็ทรงพอพระทัย ดำริว่า มโหสถบัณฑิตนี่ช่างคมคายเสียจริง

        ต่อจากนั้นมาไม่นานนัก พระเจ้าวิเทหราชก็ทรงคิดอุบายขึ้นมาได้อีกข้อหนึ่ง โดยจะทรงทดลองมโหสถให้หุงข้าวชนิดพิเศษ ที่มีเงื่อนไขหลายประการ  แล้วก็ทรงให้เรียกราชบุรุษมาเข้าเฝ้า รับสั่งให้นำพระบรมราชโองการไปประกาศให้ชาวปาจีนยวมัชฌคามทราบอีกครั้ง 
 
        ราชบุรุษผู้นั้นน้อมรับพระราชโองการแล้ว ก็รีบนำไปสู่บ้านปาจีนยวมัชฌคามประกาศท่ามกลางชาวบ้านแห่งนั้นว่า ให้หุงข้าวชนิดพิเศษ ที่ถึงพร้อมด้วยองค์ ๘ อันได้แก่ ไม่ให้หุงด้วยข้าวสาร    เป็นต้น แล้วรีบส่งมาถวาย หากไม่สามารถหุงส่งมาถวายได้ จะถูกปรับสินไหมพันกหาปณะ

พวกชาวบ้านพอได้ฟังพระบรมราชโองการที่เต็มไปด้วยเงื่อนไขยืดยาวเห็นปานนั้น ก็พากันส่ายหัวด้วยความมึนงง เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ “โถ...ข้าวอะไรกัน ทำไมมันถึงได้มีข้อบังคับมากมายขนาดนี้ เอาอย่างไรกันดีล่ะพวกเรา”

        “ข้าไม่เข้าใจจริงๆเลย ว่าทำไมพระราชาของเรา ถึงทรงพระอุตสาหะเหลือเกิน ช่างคิดหาอุบายพิสดารมาทดลองพวกเราได้ไม่มีจบสิ้น” ชายหนุ่มบ่นพึมพำอีกเช่นเคย  แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นว่า “อย่ามัวแต่บ่นไปเลย เรามาคิดหาวิธีการดีกว่า ว่าไงพวกเรา”

        “จะว่าอย่างไร ก็ต้องไปหามโหสถตามเคยน่ะสิ” ท่านผู้เฒ่าแนะทางออกที่ดีที่สุด  ชายหนุ่มนั้นจึงเปลี่ยนจากเสียงบ่นมาเป็นแย้งแทนว่า “อะไรนิดอะไรหน่อยก็ต้องมโหสถ พวกเราน่ะ รบกวนมโหสถบ่อยๆ จะเป็นการสมควรหรือ”
 
ท่านผู้เฒ่าเริ่มรำคาญเต็มที จึงย้อนถามเขาว่า “หรือยังจะมีใครสามารถแก้ปัญหาพิสดารนี้ได้บ้างเล่า ไหนเจ้าบอกข้าทีเถอะ”  ชายหนุ่มเมื่อถูกต้อนเข้ามุมเช่นนั้น ก็ทำหน้าเจื่อน นิ่งเงียบไปในทันที  หลังจากหารือกันได้พักใหญ่ ทุกคนจึงมีมติเห็นชอบร่วมกันว่า มโหสถเพียงคนเดียวเท่านั้นจึงจะสามารถแก้ปัญหาพิสดารนี้ได้ และแล้วจึงได้นำปัญหานั้นไปปรึกษามโหสถอีกเช่นเคย

        ฝ่ายมโหสถครั้นได้รับฟังปัญหาข้อใหม่ของพระราชา ก็เพียงแต่ยิ้ม ๆ แล้วกล่าวว่า “ท่านทั้งหลาย อย่าได้กังวลไปเลย เรื่องนี้เรื่องเล็ก ไม่ได้ยากเย็นอะไร”

        “พุทโธ่เอ๊ย...พวกเราถกเถียงกันแทบแย่ แต่พ่อมโหสถว่าเป็นเรื่องเล็ก” ท่านผู้เฒ่าอุทานด้วยความโล่งใจ แล้วถามต่อว่า “พ่อมโหสถจะให้พวกเราทำอย่างไร พ่อจงว่ามาเถิด”

        “ดีล่ะ ถ้าเช่นนั้น ท่านจงทำตามคำของเราก็แล้วกัน” ว่าแล้วมโหสถก็ได้แนะวิธีหุงข้าวที่ถึงพร้อมด้วยองค์ ๘ ประการ โดยแจกแจงทีละข้อๆตามลำดับ

        เมื่อทุกคนได้รับฟังวิธีการอันแยบยลที่คาดไม่ถึงเช่นนั้น ล้วนพากันทึ่งในปัญญาอันชาญฉลาดของมโหสถ ต่างช่วยกันจดจำ แล้วรับมาปฏิบัติตามทุกขั้นตอน
 
        ในวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันหุงข้าวเปรี้ยวไปถวายพระราชา ท่านสิริวัฒกเศรษฐีได้รับอาสาเป็นแม่งาน ในการจัดสรรกำลังชาวบ้านมาช่วยกันเตรียมงาน
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ชาวบ้านต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังจากได้มอบหมายงานกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงเริ่มต้นทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด บรรยากาศในวันนั้นจึงเป็นไปด้วยความคึกคักและเบิกบาน

        ชาวบ้านปาจีนยวมัชฌคามได้อาศัยวิธีหุงต้มตามที่มโหสถแนะนำ ในที่สุดก็สามารถช่วยกันหุงข้าวเปรี้ยวขึ้นมาได้สำเร็จตามพระราชประสงค์ ข้าวเปรี้ยวนั้นได้ถึงพร้อมด้วยองค์ ๘ ประการครบถ้วนบริบูรณ์ นั่นคือ

        ข้อ ๑ ในเมื่อไม่ให้หุงด้วยข้าวสาร ท่านสิริวัฒกะก็ให้จัดการหุงด้วยข้าวป่น และปลายข้าวที่ตำแหลกละเอียดแล้ว จึงไม่ชื่อว่าข้าวสาร

        ข้อ ๒ ในเมื่อไม่ให้หุงด้วยน้ำตามปกติ ท่านเศรษฐีก็ใช้ความอุตสาหะแลกมา โดยให้ชาวบ้านจำนวนมากไปรวบรวมน้ำค้างมา จนกระทั่งเพียงพอที่จะหุงต้มได้ เพราะน้ำค้างนั้นไม่ใช่น้ำธรรมดา
 
        ข้อ ๓ ในเมื่อไม่ให้หุงด้วยหม้อข้าว ก็จัดแจงหาภาชนะอื่น โดยเลือกเอากระทะดินที่ปั้นใหม่มาใช้แทน

        ข้อ ๔ ในเมื่อไม่ให้หุงด้วยเตา ก็ให้ตอกหลักด้วยไม้เนื้อแข็ง ทำเป็นตอสามเส้าแทนเตา

        ข้อ ๕ ในเมื่อไม่ให้หุงด้วยไฟปกติ ก็จัดการให้เอาไม้มาสีกันจนเกิดไฟ จึงไม่ใช่ไฟตามปกติ

        ข้อ ๖ ในเมื่อไม่ให้หุงด้วยฟืน ท่านเศรษฐีก็ให้เก็บเอาใบไม้และเศษวัสดุอื่นๆ เท่าที่พอหาได้ นำมาเป็นเชื้อเพลิงแทนฟืน

        ข้อ ๗ ในเมื่อไม่ให้ผู้ชายหรือผู้หญิงยกมา ก็ขอให้พวกนางกะเทย ครึ่งหญิงครึ่งชาย มาช่วยกันยกไป

        ข้อ ๘ เมื่อไม่ให้นำมาตามทาง ท่านเศรษฐีก็กำชับพวกกะเทยเหล่านั้นว่า “เมื่อพวกเจ้าเห็นว่า ที่ใดเป็นทางคนเดิน ก็จงเลี่ยงเสีย แล้วให้เดินตัด
ออกนอกทางเท่านั้นนะ”

        พวกกะเทยก็รับคำโดยดี ในที่สุด ข้าวเปรี้ยวที่หุงเรียบร้อยแล้ว ก็ถูกพวกนางกะเทยลำเลียงมาถวายพระราชาถึงท้องพระโรงจนได้

        ครั้นพระเจ้าวิเทหราชทรงทราบว่ามีหญิงชาวบ้านมาขอเข้าเฝ้า ก็ทรงอนุญาตให้เข้ามาในท้องพระโรงได้ แต่พอเห็นว่าเป็นพวกนางกะเทยทั้งนั้น ก็ทรงแย้มพระสรวลในกิริยากระบิดกระบวนของพวกเธอทั้งหลาย ส่วนว่าท้าวเธอจะตรัสอย่างไรต่อไปนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป         

พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 
บทความนี้พิมพ์จาก http://www.dmc.tv/pages//mahosathapandita028.html
เมื่อ 5 กรกฎาคม 2567 22:18
สงวนลิขสิทธิ์ © 2547 - 2567 http://www.dmc.tv